อันที่จริง สาเหตุที่สำคัญที่สุดของการไม่สามารถทั้งพูด อ่าน ออกเสียง ฟังภาษาฝรั่งรู้เรื่องนั้นมันสืบเนื่องมาจากขาดความสนใจอย่างจริงจัง ผนวกกับการขาดความกล้ากับความขี้เกียจจนตัวเป็นขนยั๊วะเยี๊ยะ ไม่เฉพาะแต่การเรียนภาษาหรอก มันครอบคลุมไปถึงทักษะด้านอื่นๆด้วย เช่น ขับรถ ว่ายน้ำ แข่งม้า ขี่หมา เล่นกีฬาทุกประเภท ทุกอย่างมันต้องใช้สิ่งที่เอ่ยมาทั้งสิ้น ก็ลองสังเกตตัวเองดู ว่าอยากทำอะไรดีๆให้กับตัวเองบ้าง บางคนอยากลดน้ำหนักแต่ไม่ยอมออกกำลังกาย ไม่ควบคุมอาหาร บางคนเป็นเบาหวานแต่ดันชอบหม่ำของหวาน เป็นโรคไตแต่กินของเค็มเป็นว่าเล่น แล้วอย่างนี้มันจะหายไปได้อย่างไร (หายไปจากโลกนี้ ไม่เถียง) จริงไหมท่านผู้อ่าน ฉันใดก็ฉันนั้น ภาษาอังกฤษก็เป็นหนึ่งในนั้นที่ผู้เรียนต้องสนใจก่อนเป็นลำดับแรก ความสนใจนั้นสามารถสร้างด้วยการตระหนักรู้ถึงคุณประโยชน์ของมันให้ชัดเจน เมื่อเห็นความสำคัญของมันแล้ว เราเริ่มมีแรงขับดันแล้ว เมื่อมีแรงขับจากภายในตัวเรา นั่นคือการเริ่มต้นที่ถูกต้อง จากนั้นก็ต้องทำความเข้าใจซะใหม่ว่า มันต้องใช้ความอดทนๆๆๆๆ ใช้มันเป็นคาถาในใจจนวันสิ้นลมได้เลย
ความกล้าควรเริ่มจากความเชื่อมั่นในตัวเอง ความเชื่อมั่นนั้นเกิดมาจากความตระหนักรู้ว่า เราเป็นคนที่มีความสามารถ เราสามารถเรียนรู้สิ่งนั้นๆได้ด้วยความขยัน เขาพิสูจน์กันแล้วว่า
คนขยันนั้นประสบผลสำเร็จได้มากกว่าคนฉลาด อันนี้เราพูดถึงถัวเฉลี่ย อย่าไปดันเถียงว่า คุณอัลเบิร์ต ไอสตายล์ นั่นเข้าละ นั่นมั่นเป็นข้อยกเว้น ลองเหลียวไปมองคนใกล้ตัว เช่น พ่อแม่ พี่ป้าน้าอาที่ประสบผลสำเร็จในชีวิต หน้าที่การงาน ชีวิตครอบครัว ดูซิว่า เขาฉลาดไหม เขาไม่ได้ฉลาดมากนักหรอก แต่เขามีความขยันอดทน และหมั่นทำสิ่งนั้นมาก ขอให้คิดมันสักนิดแล้วลองทบทวนความต้องการของตัวเองดู เมื่อชัดเจนในตัวเองแล้วจึงเริ่ม
การสร้างความมั่นใจทางภาษาและในด้านอื่นๆนั้นต้องเริ่มจากการที่เราต้องมีข้อมูลเพราะการมีข้อมูลจะทำให้เราเกิดความเชื่อมั่น เราลองไปนั่งอยู่ในวงสนทนาที่เขาพูดถึงเรื่องการเมือง แล้วเราไม่รู้เรื่องการเมืองเลย ต่อให้ฉลาดแค่ไหนก็ต้องเจออาการใบ้รับทานแน่ ฉันใดก็ฉันนั้น เราจึงต้องเริ่มเก็บข้อมูลก่อนเป็นลำดับแรก เพราะหากรู้ข้อมูลแล้ว ก็เกิดความมั่นใจ และเมื่อมีความมั่นใจแล้วความกล้าก็จะเกิดตามมา มันเป็นปฎิกริยาลูกโซ่ที่ยาว แต่ต้องเริ่มทำให้ได้
กลุ่มคำพูดเสริมแรงใจ
สำนวนแรกที่ต้องเอาไปใช้ก็คือ การชมชาวบ้านที่ทำอะไรสำเร็จ ทำดีว่างั้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กแบบมดๆหรือใหญ่แบบช้างๆ เราต้องให้กำลังใจเพราะกำลังใจจะทำให้คนเราเกิดอาการเหมือนม้าศึก จะฮึกเหิม สำนวนต่อไปนี้คุณต้องจดจำเอาไปพูดให้ได้ ในทุกงาน กับทุกคนที่ทำอะไรเสร็จ และสิ่งนั้นเป็นสิ่งดี สิ่งงาม แม้บางครั้งมันจะไม่ดีมากแต่บอกแล้วว่ากำลังใจเป็นสิ่งสำคัญ หากกำลังไม่ดี อย่าหวังเลยว่าจะบากหน้าไปทำสิ่งอื่นที่ดีๆต่อไปในชีวิตได้
Well done!
Good job!
Fine job!
Very good!
Excellent!
จำไว้นะว่า เห็นใครทำอะไรเสร็จ ให้กำลังใจด้วยคำเหล่านี้ซะ แล้วเขาจะรู้สึกดีขึ้นกับสิ่งที่ทำแม้มันจะไม่ดีเด่สักเท่าไรก็ตาม พูดๆไปเถอะ ใครจะหาว่าเราเป็นคนเว่อร์ก็อย่าไปสนใจ พูดๆไป มันเป็นสิทธิ์ของเรา คิดซะว่า ช่วยๆกันทั้งตัวเราเองก็ได้ฝึกพูดด้วยและคนที่ได้ยินก็รู้สึกดีด้วย เมื่อเห็นดีด้วยก็อย่าช้า
บางคนอาจต้องการพูดมากกว่านั้น เรียกว่าต้องการจะไปให้แบบสุดๆตามที่อารมณ์และความต้องการภายในมันเรียกร้อง ก็สามารถใช้ได้ว่า
very well.
extremely well
You + กริยาช่องสอง + exceptionally well.
unbelievably well.
incredibly well.
เช่น You taught very well. โอ้โห สอนดีจังเลย
You spoke extremely well. โอ้โห พูดดีจังเลย
และถ้าเป็นคำพูดกว้างๆ ก็นี่เลย You did incredibly well. ใช้คุณ “did” ทำแทนที่กริยาทั้งหมด
คำขยาย very , extremely, exceptionally, unbelievably, incredibly ต้องอยู่หน้า well นะครับ
และในสถานการณ์เดียวกันนั้นเองที่คนถูกชมก็ต้องรู้จักพูด
โต้ตอบกลับให้ได้ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ไม่ใช่นั่งอมยิ้มอมขี้ฟันอยู่คนเดียวเพราะหากไม่มีการตอบสนอง วันหน้าก็จะไม่มีใครเขาชมคุณหรอก
คำพูดที่ต้องจำไว้ตอบก็มีดังนี้
Thank you for saying so.
Thank you for the compliment.
คำนี้อ่านว่า คาม ผลิ เมิ่นท์
It’s nice of you to say that.
It’s nice of you to say so.
เลือกมันมาสักคำหนึ่ง แล้วก็จัดการพ่นใส่กับคนที่ชมคุณในทุกสถานการณ์และทุกคน (อย่าละเว้นแม้แต่ตัวเอง) แล้วคุณจะเป็นคนมีเสน่ห์ขึ้นอีกหลายกองเลยทีเดียว
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น