Don’t’ sweat it.
สำนวนนี้เอาไว้เตือนสติเพราะในโลกที่มันวุ่นวาย มันก็อดไม่ได้ที่จะมีปัญหามีเรื่องมาให้เราคิดวันเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง ยิ่งพวกที่ถูกฝึกมาให้ใช้สมองมากกว่าแรง พวกนี้เรื่องเยอะ ถึงญาติน้อย ก็เรื่องเยอะ ยิ่งญาติเยอะ เรื่องก็ยิ่งเยอะ เมื่อเราเห็นคนที่เรารักหรือรักเราหรือไม่รักเราก็ไม่เป็นไร เราสามารถเยียบยาพวกเขาได้ด้วยการพูดวลีนี้ออกไปนั่นเลย เพราะมันหมายถึง อย่ากังวลไปเลย มันเป็นเรื่องที่เกิดไปแล้วและแก้ไขอะไรไม่ได้ ต้องแก้ทีตัวเราเอง ทุกเรื่องไม่ว่าจ...ะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ใช้ได้หมด คำนี้ออกจะแปลกสำหรับพวกเราสักหน่อยเพราะเรามักใช้คำว่า Don’t worry! อย่ากังวลไปเลย แต่เขาอุตส่าห์คิดค้นขึ้นมาใช้แต่ถ้าเราไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องใช้แต่เวลาเขาใช้มา เราต้องรู้นา วลีนี้ทำให้นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า Don’t sweat the small stuff and it’s all small stuff. ของนักเขียนอเมริกันคนหนึ่ง คนทั่วโลกรู้จักเขาเพราะหนังสือเล่มนี้แหละ แล้วมันหมายถึงอะไรล่ะ ก็คืองี้ เขาสอนพวกเราไม่ให้ไปกังวลกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเพราะมันไม่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น เรามาดูที่มาที่ไของมันหน่อย บางคนบ่น ปกติเห็นบอกว่า อย่าถามเยอะเรื่องที่มา ให้ใช้ไปลูกเดียวแต่มาคราวนี้ทำไมมาหาที่มาของมัน มันมีประเด็นเพราะคำว่า to sweat นั้น หมายถึง เหงื่อออก
สำนวนนี้เอาไว้เตือนสติเพราะในโลกที่มันวุ่นวาย มันก็อดไม่ได้ที่จะมีปัญหามีเรื่องมาให้เราคิดวันเป็นร้อยเป็นพันเรื่อง ยิ่งพวกที่ถูกฝึกมาให้ใช้สมองมากกว่าแรง พวกนี้เรื่องเยอะ ถึงญาติน้อย ก็เรื่องเยอะ ยิ่งญาติเยอะ เรื่องก็ยิ่งเยอะ เมื่อเราเห็นคนที่เรารักหรือรักเราหรือไม่รักเราก็ไม่เป็นไร เราสามารถเยียบยาพวกเขาได้ด้วยการพูดวลีนี้ออกไปนั่นเลย เพราะมันหมายถึง อย่ากังวลไปเลย มันเป็นเรื่องที่เกิดไปแล้วและแก้ไขอะไรไม่ได้ ต้องแก้ทีตัวเราเอง ทุกเรื่องไม่ว่าจ...ะเรื่องเล็กเรื่องใหญ่ ใช้ได้หมด คำนี้ออกจะแปลกสำหรับพวกเราสักหน่อยเพราะเรามักใช้คำว่า Don’t worry! อย่ากังวลไปเลย แต่เขาอุตส่าห์คิดค้นขึ้นมาใช้แต่ถ้าเราไม่อยากใช้ก็ไม่ต้องใช้แต่เวลาเขาใช้มา เราต้องรู้นา วลีนี้ทำให้นึกถึงหนังสือเล่มหนึ่งชื่อว่า Don’t sweat the small stuff and it’s all small stuff. ของนักเขียนอเมริกันคนหนึ่ง คนทั่วโลกรู้จักเขาเพราะหนังสือเล่มนี้แหละ แล้วมันหมายถึงอะไรล่ะ ก็คืองี้ เขาสอนพวกเราไม่ให้ไปกังวลกับเรื่องเล็กๆน้อยๆเพราะมันไม่ทำให้คุณภาพชีวิตดีขึ้น เรามาดูที่มาที่ไของมันหน่อย บางคนบ่น ปกติเห็นบอกว่า อย่าถามเยอะเรื่องที่มา ให้ใช้ไปลูกเดียวแต่มาคราวนี้ทำไมมาหาที่มาของมัน มันมีประเด็นเพราะคำว่า to sweat นั้น หมายถึง เหงื่อออก
แล้วถ้าบอกว่า You sweat a lot. หรือฝรั่งเขาเปรียบว่า
You sweat like a pig. เหงื่อออกยังกับหมู ก็ต้องนั่งดูหมูตอนมันเหงื่อออก จะได้เข้าใจมากขึ้นแล้วต้องเป็นหมูฝรั่งด้วยนาเพราะหมูไทยไม่ทันเห็นเหงื่อหรอก เหลือแต่ซากหมดแล้ว สรุปว่า เมื่อเหงื่ออกเยอะ มันก็ต้องเหม็นนะซิ You smell .ก็คือ คุณมีกลิ่นตัวแล้ว ถ้าบอกว่า เท้าส่งกลิ่น ก็ Your feel smell. ใครจะไปนั่งพิสูจน์ว่าเท้าซ้ายหรือเท้าขวา เอาเป็นว่าไต้องพิสูจน์ เหม็นเท่าเทียมกัน
เมื่อเราต้องการจะบอกว่าอะไรกลิ่นเป็นเช่นไร ก็สามารถใช้โครงสร้างนี้
สิ่งที่ต้องการอธิบาย + กริยา to be + คำคุณศัพท์ ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่คำที่เมาบรรยายได้ เช่น good (กลิ่นหอม) bad (กลิ่นเหม็น)
เช่น The cake smells good. เค๊กก้อนนี้หอมจัง
The flower smells sweet. ดอกไม้ดอกนี้หอมจัง
The fried rice smells delicious. = ข้าวผัดกลิ่นน่าอร่อยนะ
แต่ถ้าพูดเฉยๆว่า You smell. ก็จะหมายถึง คุณมีกลิ่นตัว
ส่วนใครที่ประสาทรับกลิ่นได้ดีกว่าสุนัขก็ใช้
You can smell better than dogs. ประโยคนี้เอาไว้ชื่นชมคน
ถ้าคุณบอกว่า I can smell danger หรือ trouble around here. = ฉันสามารถรู้ว่าจะเกิดอันตราย หรือเรื่องเดือดร้อนแถวๆนี้
วกกลับมาสู่สำนวน Don’t sweat the small stuff. อย่าไปเสียเหงื่อกับไอ้เรื่องเล็กน้อยเลย คำว่า stuff ก็คือ thing และสุดท้ายก็คือ It’s all small stuff. และเมื่อวันเวลาผ่านไป เรื่องทุกเรื่องก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยๆทั้งนั้น
เอาล่ะ แล้วจะให้ใช้สำนวนไหนดี ก็สุดแล้วแต่ท่านชอบ
"You can't do anything about it, so don't sweat it."
คุณไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็อย่ากังวลเลย
"You tried your best, so stop sweating it."
คุณทำดีที่สุดแล้ว เลิกกังวลเถอะ
You sweat like a pig. เหงื่อออกยังกับหมู ก็ต้องนั่งดูหมูตอนมันเหงื่อออก จะได้เข้าใจมากขึ้นแล้วต้องเป็นหมูฝรั่งด้วยนาเพราะหมูไทยไม่ทันเห็นเหงื่อหรอก เหลือแต่ซากหมดแล้ว สรุปว่า เมื่อเหงื่ออกเยอะ มันก็ต้องเหม็นนะซิ You smell .ก็คือ คุณมีกลิ่นตัวแล้ว ถ้าบอกว่า เท้าส่งกลิ่น ก็ Your feel smell. ใครจะไปนั่งพิสูจน์ว่าเท้าซ้ายหรือเท้าขวา เอาเป็นว่าไต้องพิสูจน์ เหม็นเท่าเทียมกัน
เมื่อเราต้องการจะบอกว่าอะไรกลิ่นเป็นเช่นไร ก็สามารถใช้โครงสร้างนี้
สิ่งที่ต้องการอธิบาย + กริยา to be + คำคุณศัพท์ ซึ่งก็มีอยู่ไม่กี่คำที่เมาบรรยายได้ เช่น good (กลิ่นหอม) bad (กลิ่นเหม็น)
เช่น The cake smells good. เค๊กก้อนนี้หอมจัง
The flower smells sweet. ดอกไม้ดอกนี้หอมจัง
The fried rice smells delicious. = ข้าวผัดกลิ่นน่าอร่อยนะ
แต่ถ้าพูดเฉยๆว่า You smell. ก็จะหมายถึง คุณมีกลิ่นตัว
ส่วนใครที่ประสาทรับกลิ่นได้ดีกว่าสุนัขก็ใช้
You can smell better than dogs. ประโยคนี้เอาไว้ชื่นชมคน
ถ้าคุณบอกว่า I can smell danger หรือ trouble around here. = ฉันสามารถรู้ว่าจะเกิดอันตราย หรือเรื่องเดือดร้อนแถวๆนี้
วกกลับมาสู่สำนวน Don’t sweat the small stuff. อย่าไปเสียเหงื่อกับไอ้เรื่องเล็กน้อยเลย คำว่า stuff ก็คือ thing และสุดท้ายก็คือ It’s all small stuff. และเมื่อวันเวลาผ่านไป เรื่องทุกเรื่องก็กลายเป็นเรื่องเล็กน้อยๆทั้งนั้น
เอาล่ะ แล้วจะให้ใช้สำนวนไหนดี ก็สุดแล้วแต่ท่านชอบ
"You can't do anything about it, so don't sweat it."
คุณไปแก้ไขอะไรไม่ได้แล้ว ก็อย่ากังวลเลย
"You tried your best, so stop sweating it."
คุณทำดีที่สุดแล้ว เลิกกังวลเถอะ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น