วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2564

Any man who is afraid of failure

 Any man who is afraid of failure

will never win!
Any man who is afraid to die,
will never really live!”

General George Patton

ผู้ใดมี่กลัวความล้มเหลวจะไม่มีทางได้ชัยชนะ
ใครก็ตามที่กลัวตายจะเป็นคนที่มีชีวิตอยู่อย่างทรมาน
(ไม่มีความสุขเพราะมัวแต่กลัว)

ศัพท์สำนวน
โครงสร้างที่น่าจดจำไปใช้ก็คือ
Anyone who ……….. will never…+.กริยา….. ก็จะหมายถึง คน(ผู้ใด)ที่ซึ่ง….. จะไม่มีวัน…… เช่น
คนทีชอบทำผิดพลาดและแก้ไขจะไม่มีวันล้มเหลว เราก็สามารถใช้ว่า
Anyone who makes mistakes and correct them will never fail.
สำนวน to be afraid of + สิ่งใดหรือคนใด หมายถึง กลัวคนใดหรือสิ่งใด เช่น
He is afraid of ghosts.
= เขากลัวผี
I am afraid of darkness.
= ผมกลัวความมืด
และสำนวน I am afraid so. หมายถึง เกรงว่าจะเป็นเช่นนั้น เช่น
A: I think it’s going to rain.
= ฉันคิดว่าฝนจะตกนะ
B: I am afraid so.
= เกรงว่าจะเป็นอย่างนั้นแหละ
และ I’m afraid not. = เกรงว่าจะไม่เป็นอย่างนั้น เช่น
A: Can I go with you?
= ขอไปด้วยคนเด่
B: I’m afraid not.
= เกรงว่าจะไปไม่ได้นะ
คำว่า never นั้นหมายถึง ไม่เคย แต่หากนำมาใช้กับกริยาในอนาคต จะหมายถึง ไม่มีวัน ไม่มีทาง เช่น
I will never marry a guy like you.
= ฉันไม่มีวันซะหรอกที่จะแต่งงานกับคนเช่นเธอ
และ will never live. ก็คือ ไม่มีวันที่จะมีชีวิตอยู่ได้อย่างมีชีวิตชีวาหรอก
และเช่นเดียวกับสำนวนว่า will never win. หมายถึง ไม่มีวันที่จะชนะหรอก(ชาตินี้) อันนี้เติมให้ซะเลย



อาจเป็นรูปภาพของ พื้นหญ้า และธรรมชาติ


วันพฤหัสบดีที่ 28 มกราคม พ.ศ. 2564

Your worst enemy doesn’t lie outside of you.

 Your worst enemy doesn’t lie outside of you.


Your worst enemy lies inside your mind.., in your thoughts and beliefs.

ศัตรูที่ร้ายกาจที่สุดไม่ได้อยู่ที่ไหน

แต่อยู่ที่ใจ อยู่ที่ความคิดและความเชื่อของเราเอง


อาจเป็นภาพระยะใกล้ของ ดอกไม้

วันพุธที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2564

Life is not about proving anyone wrong

Life is not about proving anyone wrong.

Life is about proving yourself right.

The purpose of being on earth is to learn about life and then leave the world.

You can be either happy or miserable. It’s your choice.

There is no need to prove yourself or anyone.

The main reason we prove ourselves right or prove others wrong just to satisfy our ego.

ชีวิตไม่ใช่การที่เราต้องไปพิสูจน์ว่าใครผิด
ชีวิตไม่ใช่การที่เราจะไปพิสูจน์ว่าเราถูก
เรามาอยู่บนโลกใบนี้ก็เพื่อเรียนรู้เกี่ยวกับชีวิตแล้วก็จากโลกใบนี้ไป
เราเลือกที่จะรู้สึกได้ 2 ทาง คือ ไม่สุขก็ทุกข์
ไม่จำเป็นจะต้องไปพิสูจน์ตัวเราหรือตัวใคร
การที่เราต้องการจะพิสูจน์ว่าเราถูกหรือคนอื่นผิดเพียงเพราะต้องการตอบสนองอัตตาตัวตนแค่นั้น


สำนวนควรรู้

มาดูที่โครงสร้างแรกกันเลย to prove + ว่าใครคนนั้น + right (ถูก) หรือ wrong (ผิด) เช่น

He tried to prove her wrong.
= เขาพยายามพิสูจน์ว่าหล่อนผิด

She tried to prove him wrong.
= หล่อนพยายามพิสูจน์ว่าเขาผิด

They say my dad is too old, but he is going to prove them wrong.
= กล่าวกันว่า พ่อฉันแก่เกินไป แต่พ่อจะพิสูจน์ให้พวกนั้นดูว่าพวกเขาผิด

นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้ว่า to prove oneself right or wrong
หมายถึง พิสูจน์ว่าตัวเอง เน้นตัวเอง แน่นอนก็ต้องใช้คำแระเภท self, selves แล้วงานนี้ เช่น

I need to prove myself right.
= ฉันต้องพิสูจน์ตัวเองว่าถูก

Everybody wants to prove themselves right.
= ทุกคนก็ต้องการพิสูจน์ตัวเองว่าถูกกันทั้งนั้น

ทีนี้ก็มาถึงโครงสร้าง to prove that + S + V อันนี้จะตรงกับภาษาไทยของเราที่ว่า พิสูจน์ว่า คนนั้นผิดหรือถูก เช่น

I will prove that she is right.
= ฉันจะพิสูจน์ให้ดูว่าหล่อนถูก

You need to prove that you are right.
=คุณจำเป้นต้องพิสูจน์ว่าตัวคุณถูก

I will prove to you that I am right.
= ฉันจะพิสูจน์ให้คุณดูว่าฉันเป็นฝ่ายถูก

The suspects are proving themselves innocent.
= ผู้ต้องสงสัยกำลังพิสูจน์ว่าตัวเองบริสุทธิ์

Don’t worry ! I will prove to the boss that I can do this project.
= ไม่ต้องห่วง ฉันจะพิสูจน์ให้หัวหน้าเห็นว่า ฉันสามารถทำได้

Miserable = ที่ทุกข์ทรมาน

His life is miserable.
= ชีวิตเขารันทด (ทุกข์ทรมาน)

Don’t make yourself miserable.
= อย่าทำตัวเองให้ทุกข์น่า

สำนวน There is no need to + V หมายถึง ไม่จำเป็นต้อง....

There is no need to complain.
= ไม่จำเป็นต้องโวยวาย

และ to satisfy + ใคร หมายถึง ทำให้สิ่งนั้นพอใจ เช่น

I am sure my suggestion will satisfy everyone.
= ฉันแน่ใจว่า ข้อเสนอแนะของฉันจะทำให้ทุกคนพอใจ

He believed that the negotiation would satisfy both sides.
= เขาเชื่อว่า การเจรจาจะทำให้ทั้งสองฝ่ายพอใจ

สำนวนสุดท้าย เอาไว้ใช้พูดเวลา เราหรือใครต้องการอยากรู้อะไรมากๆ แล้วได้รู้ เขาจะใช้ว่า to satisfy one’s curiosity คำหลังหมายถึง ความอยากรู้อยากเห็น (ไม่ใช่การสอดรู้สอดเห็น)

I am asking you just to satisfy my curiosity.
= ที่ถามก็แค่สนองความอยากรู้อยากเห็นแค่นั้น


อาจเป็นรูปภาพของ ต้นไม้ และธรรมชาติ

วันอังคารที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2564

Nothing is permanent.

Nothing is permanent.


Do not worry too much because no matter how bad the situation is, it will change.


ไม่มีอะไรอยู่แบบนี้ได้ตลอดไป


อย่าไปกังวลอะไรเกินไปนักเพราะไม่ว่าสถานการณ์จะเลวร้ายเพียงใด สุดท้ายมันก็จะเปลี่ยนไป




อาจเป็นภาพระยะใกล้ของ กุหลาบ และธรรมชาติ
0
จำนวนคนที่เข้าถึง
0
จำนวนการมีส่วนร่วม
ไม่สามารถโปรโมทได้
ถูกใจ
แสดงความคิดเห็น
แชร์