วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

ข้อดีของกาแฟ


Coffee is one of the most popular drinks for some people. I would like to share with you the three benefits of coffee.

กาแฟเป็นเครื่องดื่มที่นิยมมากที่สุดสำหรับบางคน ก็เลยอยากจะแชร์ถึงข้อดีของกาแฟสักสองสามอย่าง

 No1. Coffee helps you focus and stay alert. 

กาแฟช่วยให้เรามีสมาธิและตื่นตัว

No 2. It brightens your mood and helps fight depression.

ประการที่สอง กาแฟทำให้อารมณ์ดีและช่วยต่อต้านอาการหดหู่ 

คำว่า to brighten = ทำให้สดใส ในที่นี้ก็คือ ทำให้อารมณ์สดใสนั่นเอง และ to fight depression = สู้กับความหดหู่ เช่น  Comedy  helps fight sadness.

= เรื่องตลกช่วยต่อต้านอาการเศร้า 

No 3. It helps reduce the risk of Alzheimer disease.

ประการที่สาม ช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคอัลซายเมอร์

Remember! Everything has both benefits and disadvantages. I will share its disadvantages later.

แต่อย่าลืมว่า ทุกอย่างมีทั้งข้อดีและข้อเสียทั้งนั้น แล้วจะมาพูดถึงข้อเสียของกาแฟวันหลัง

วันเสาร์ที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2560

เรียนอังกฤษจาก Toeic

(a. More precise,) the campaign (b. developed ) to get our employees to exercise, eat right and ( c. become healthy.) Already 200 employees have enrolled in it. Mr. Green from the Human Resources Department, (d. that) manages the campaign, recommended the staff could get in shape by ( f. follow ) various methods such as walking to work ( g. instead of drive.)
ข้อ a ผิดเพราะเวลาจะขยายข้อความทั้งประโยค ต้องใช้คำวิเศษณ์เท่านั้น เช่น Unfortunately, he is sick. = โชคไม่ดี เขาป่วย More importantly, the product is imported. = ที่สำคัญมากไปกว่านั้นก็คือ ผลิตภัณฑ์ตัวนี้นำเข้ามา เพราะฉะนั้น จึงต้องใช้ว่า precisely ข้อ b. ผิดเพราะการรณรงค์ไม่สามารถทำกริยาได้ ต้องถูกกระทำ เพราะฉะนั้นจึงต้องเปลี่ยนเป็น is developed
ข้อ c ผิด ต้องแก้ไขเป็น become ไม่มี “to” เพราะเป็นโครงสร้างขนาน to get + someone + to exercise, to eat, and to become เขาละ “to” ออกไป เพราะฉะนั้นก็ต้องเขียนว่า to exercise, eat and become
ข้อ d ผิด ต้องแก้เป็น who เพราะพูดถึง Mr. Green เป็นคน ใช้ “who” เท่านั้น โดยเฉพาะประโยคขยายคำนามที่มีเครื่องหมาย ,……., ใช้ “that” ไม่ได้
ข้อ e ต้องใช้ following เพราะคำที่อยู่หลังบุพบท “by” ต้องตามด้วยกริยา ing เป็น following และข้อ f. เปลี่ยนเป็น driving เพราะตามหลังบุพบท of เช่นกัน
ความหมาย : จะพูดให้ถูกต้องยิ่งขึ้นก็คือ การรณรงค์นี้ถูกพัฒนาขึ้นเพื่อที่จะเอาพนักงานมาออกกำลังกาย กินอาหารที่ถูกต้องและทำให้สุขภาพแข็งแรง พนักงานจำนวน 200 คนได้ลงทะเบียนแล้ว Mr. Green จากแผนกบุคคลากร ผู้ซึ่งบริหารจัดการการรณรงค์ครั้งนี้แนะนำว่า พนักงานสามารถจะมีสุขภาพดีโดยทำตามวิธีดังต่อไปนี้ เช่น การเดินไปทำงานแทนที่จะขับรถ
สำนวน to enroll + in เสมอ หมายถึง ลงทะเบียน

วันศุกร์ที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2560

กลัว

F.E.A.R has two meanings:
Forget everything and run or
Face everything and rise.
The choice is yours.

คำว่า FEAR ย่อมาจาก
ลืมทุกอย่างแล้ววิ่งหนี
หรือเผชิญกับทุกอย่างและลุกขึ้นสู้ต่อไป
ทางเลือกเป็นของเรา

สำนวน
คำว่า meaning มีความหมายว่า ความหมาย เช่น
What is the meaning of this word?
= คำนี้หมายความว่าไง
ความหมายอื่นที่น่าสนใจก็คือ ความสำคัญ หรือคุณค่า เช่น
What is the meaning of life?
= คุณค่าของชีวิตหรือความหมายของชีวิตคืออะไร
ส่วนคำว่า “choice” หมายถึง ทางเลือก เช่น
He has many choices in life.
= เขามีทางเลือกมากมายในชีวิต
She has no choice.
= หล่อนไม่มีทางเลือก ฉันไม่มีทางเลือกก็ I have no choice.
They leave me with no choice.
= ไม่เหลือทางเลือกอะไรให้เลย
Given the choice, I’d rather quit this job.
= ถ้ามีทางเลือกนะเหรอ ก็จะลาออก เป็นต้น
Given the choice, S+ V เช่น
Given the choice, I’d rather eat out.
= ถ้าให้เลือก ฉันอยากไปกินข้าวนอกบ้านมากกว่า

วันพฤหัสบดีที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2560

เหตุแห่งปัญหา


Most of the problems in life are because of the two reasons: we act without thinking or we keep thinking without acting.

ปัญหาส่วนใหญ่ในชีวิตเกิดมาจากสองสาเหตุ หนึ่ง ทำอะไรโดยไม่ได้คิด และเอาแต่คิดแต่ไม่ทำอะไร



สำนวน

คำว่า act มีหลายหน้าที่ หน้าที่แรกคือ กริยา หมายถึง ทำ หรือลงมือ เช่น

We have to act immediately to solve that problem.

= เราต้องลงมือเดี๋ยวนี้เพื่อแก้ปัญหานั้น

Think before you act.

= คิดก่อนทำ (ก่อนลงมือทำ)

ความหมายที่สอง ทำตัว เช่น

She didn’t act properly at the meeting.

= หล่อนทำตัวไม่ดีในการประชุม

We should teach our children how to act when they are with the elderly.

= เราควรสอนให้เด็กรู้ถึงวิธีการปฏิบัติตัวเมื่ออยู่กับผู้มีอาวุโส

She has been acting strangely (differently) recently. 

= หมู่นี้ หล่อนทำตัวแปลกๆ   

The boss would like everybody to know the new policy and act accordingly.

= หัวหน้าอยากให้ทุกคนรับทราบนโยบายใหม่นี้และปฏิบัติตาม

สำนวน To act your age =  ทำตัวให้สมวัยหน่อย เช่น 

Hey! Act your age. You are not a kid anymore.

= นี่ ทำตัวให้สมวัยหน่อย ไม่ใช่เด็กแล้ว

และสำนวน To act like + คนหรือสิ่งของ หมายถึง ทำตัวเป็นแบบนั้น เช่น

Kids nowadays act like adults.

= เด็กสมัยนี้ ทำตัวเหมือนผู้ใหญ่

Stop acting like an idiot.

= เลิกทำตัวงี่เง่าได้แล้ว

พวกเราคงคุ้นกับคำพูดว่า เลิกทำเป็นไร้เดียงสา เลิกทำอาการแบบไม่จริงใจ แบบนั้น เราก็สามารถใช้ว่า

Stop acting! I know you know about it.

= เลิกฟอร์มได้แล้ว ฉันรู้ว่าเธอรู้ทุกอย่าง

Stop acting innocent.

= เลิกทำเป็นใสซื่อ ไร้เดียงสาได้แล้ว

I know you are bored. Please act interested.

= รู้นะว่าเธอเบื่อ แต่ก็ทำเป็นสนใจหน่อยซิ

In fact, dad knows everything, but he acts dumb.

= จริงๆ พ่อรู้ทุกอย่าง แต่ทำเป็นมึน (ทำเป็นไม่รู้อะไร)

If anybody asks you about me, act dumb.

= ถ้ามีใครถามอะไรเกี่ยวกับฉัน ทำเป็นมึนก็แล้วกัน

และสุดท้ายก็คือ สุภาษิตเตือนใจ

Actions speak louder than words.

= ทำดีกว่าพูด

NATO = No action, talk only ไม่ทำอะไร ดีแต่พูด

แต่เมื่อเราเอาไปใช้ สำนวนที่ว่าคือ to be all talk and no action เช่น My friend never gets anything done. He is just all talk and no action.

 = เพื่อนฉันไม่เคยทำอะไรเสร็จเลย ดีแต่พูด แต่ไม่ทำอะไร

วันพุธที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2560

ชัยชนะที่แท้จริง

Strength and courage aren’t always measured in medals and victories.
They are measured in struggles to overcome.
The strongest people aren’t always the people who win, they are the people who don’t give up when they lose.

ความเข็มแข็งและความกล้าหาญ
ไม่ได้วัดจากเหรียญรางวัลและชัยชนะ
แต่วัดได้จากอุปสรรคที่เอาชนะได้
คนที่เข็มแข็งที่สุดไม่ใช่คนที่ชนะตลอดเวลา
แต่เป็นคนที่ลุกขึ้นได้ทุกครั้งที่ล้ม

สำนวน

Victoryหมายถึง ชัยชนะ เช่น
This is the first victory in my competition.
= นี่คือชัยชนะครั้งแรกในการแข่งขันของฉัน
หรือจะเอาไปขยายหน้าคำนามอื่นๆเช่น
a victory speech = การกล่าวสุนทรพจน์เมื่อได้รับชัยชนะ
a victory celebration = การเฉลิมฉลองชัยชนะ
The purpose of sports is to teach players to be happy both in victory and in defeat.
= จุดมุ่งหมายของกีฬาก็คือสอนให้ผู้เล่นมีความสุขทั้งตอนชนะและแพ้
I am very confident of victory.
= ฉันเชื่อมั่นในชัยชนะ
คำว่า victory สามารถเอาคำคุณศัพท์มาขยายได้อีก หากต้องการจะบรรยายว่า ชัยชนะแบบไหน เช่น a great victory = ชัยชนะที่งดงาม an easy victory = ชัยชนะที่ได้มาอย่างง่ายดาย a landslide victory = ชัยชนะที่ได้มาอย่างถล่มทลาย a narrow victory = ชัยชนะที่ได้มาอย่างฉิวเฉียด เวลาบรรยายก็ใช้แค่ว่า It is / was…ตามด้วยสำนวนข้างต้น เช่น It’s a great victory. เป็นต้น
Pyrrhic victory (ฟี) ริค (วิค) ทรี่• เป็นชัยชนะที่ไม่คุ้มค่าต่อความสูญเสีย คำนี้มาจากชื่อของแม่ทัพและรัฐบุรุษในยุคกรีกโบราณ ซึ่งทำการรบชนะแต่สูญเสียรี้พลซึ่งไม่คุ้มค่ากับชัยชนะที่ได้มา จึงเป็นที่มาของคำนี้ เหมือนเสำนวน A·chil·les' heelอ่านว่า เออะ (คีล) ลีส (ฮีล) หมายถึง จุดอ่อนหรือจุดตาย มาจากชื่อของตัวละครในเทพนิยายกรีก เด็กคนนี้เกิดมาถูกทำนายว่าจะตายตั้งแต่ยังเด็ก ก็เลยเอาไปเทพเจ้าช่วย เพเจ้าก็เอาจุ่มลงในแม่น้ำศักดิ์สิทธ์ จุ่มได้ทั้งตัวโดยเอามือถือส้นเท้าไว้ โตมากลายเป็นนักรบที่ฟันแทงไม่เข้า แต่ดดนธนูยิงเข้าที่ส้นเท้าเสียชีวิตนี่คือที่มาของชื่อนี้ และถูกนำมาใช้เป็นสำนวนจนถึงทุกวันนี้ เพราะฉะนั้น เวลาต้องการจะบรรยายว่า อะไรคือจุดอ่อนของใคร เราสามารถใช้สำนวนนี้ไปบรรยายได้ เช่น
The superstar’s vanity is his Achilles’ heel.
= ความทะนงตนของซุปตาร์คนนั้นคือจุดอ่อนของเขา
That new hotel is very good, but its Achilles’ heel is inhospitable staff.
= โรงแรมแห่งใหม่ดีมากแต่เสียอย่างเดียว พนักงานไม่เป็นกันเอง
๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑๑

วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

เรียนอังกฤษจาก Toeic

Under the direction of James Pak, the orchestra has become one of the most highly .......... performing arts groups in the region. a. intended b. overcome c. regarded d. impressed
ความหมาย : ภายใต้การกำกับของ James Pak วงออเครสตร้าได้กลายเป็นกลุ่มศิลปะการแสดงที่ได้รับการยกย่องสูงสุดในภูมิภาค คำตอบคือ c หมายถึงที่ได้รับการยกย่อง
มาดูการใช้คำนี้กัน คำนี้เป็นได้ทั้งกริยาและคำนาม เขียนเหมือนกัน มาดูที่ใช้กัน
He is regarded as an expert.
= เขาถูกมองว่าเป็นผู้เชี่ยวชาญ
The new manager is highly regarded by his workers.
= ผู้บริหารคนใหม่ได้รับการเคารพยกย่องอย่างสูงจากลูกน้อง
จำแค่ว่า to be regarded as… ถูกมองว่าเป็น....
และ to be highly regarded… = ได้รับการเคารพยกย่อง
We regard him as a friend. = เรามองว่าเขาเป็นเพื่อนคนหนึ่ง
เอาแค่นี้พอ
ทีนี้มาดูคำนามกัน ความหมายจะไม่หนีกันเท่าไรนัก ความหมายแรกคือ ความเคารพนับถือ ชื่นชม หรือความเป็นห่วง เช่น
The students have a high regard for their teacher.
= นักเรียนเคารพนับถือครูอย่างมาก (ชื่นชม)
I have a great regard for his talent.
= ฉันชื่นชมความสามารถของเขาอย่างมาก
• These days, kids show little regard for parents.
• = ทุกวันนี้ เด็กๆไม่เคารพพ่อแม่เท่าไร
• Mom seems to have little regard for her health.
• = แม่ดูเหมือนว่าจะไม่ห่วงสุขภาพนัก (ไม่ใส่ใจ)
• Would you please show some regard for others? = ช่วยแสดงความเคารพต่อคนอื่นหน่อย
• The company acted without regard for the safety of the workers.
• = บริษัททำอะไรโดยไม่ใส่ใจความปลอดภัยของพนักงาน
อีกนิดหนึ่ง คำว่า regards เมื่อเอามาเติม “s” จะหมายถึง ความนับถือ ใช้เขียนตอนจบจดหมาย หรือพูดเวลาเราไม่ได้ไปหาคนที่เราอยากจะไป แต่บอกฝากไป เช่น
Please send him my regards.
= ช่วยบอกเขาด้วยว่า ฉันคิดถึง
With regards, = ด้วยความนับถือ (มันจะมี “s” เสมอ)
แต่เวลาไปเจอคำนี้อยู่ในสำนวน with / in regard to + คำนาม จะหมายถึง เกี่ยวกับ = concerning , regarding เช่น
We wrote to you with regard to your unpaid balance.
= เราเขียนจดหมายมาหา เรื่อง (เกี่ยวกับ)การที่ยังไม่ชำระเงิน
เอาคำว่า concerning หรือ regarding ไปแทนได้ในทุกที่ ถ้าแทนแล้วไม่รู้เรื่อง แสดงว่า ข้อความนั้นใช้ไม่ได้ เช่น
The government has enforced a new law with regard to tax reform.
= รัฐบาลบังคับใช้กฎหมายใหม่เรื่องการปฏิรูปภาษี เราเอาคำว่า regarding และ concerning ไปแทนที่ ก็จะได้ว่า
The government has enforced a new law regarding / concerning tax reform.
และถ้าเจอในสำนวน in this / that regard หมายถึง ในประเด็นนั้น หรือในเรื่องนั้น ต้องมีการเอ่ยถึงสิ่งนั้นมาก่อนหน้า เช่น People are concerned about the environment. I will talk with you in that regard.
= คนเป็นห่วงสิ่งแวดล้อม เราจะคุยกันเรื่องนั้น
คำว่า regard จะเอาไปใช้แค่นี้พอแล้ว
a.intended ที่ตั้งใจหรือที่มีเจตนาให้เป็นอย่างนั้น b.overcome c. regarded d. impressed ที่รู้สึกประทับใจ ข้อนี้ถ้าแปล ก็ต้องเลือก แต่ผิดไวยากรณ์ ถ้าเป็น impressive ก็ถูก
performing arts = ศิลปะการแสดง

อยู่ให้ไกลจากเรื่องร้ายๆ

Beautiful things happen in your life

when you distance yourself from the negative things.

สิ่งดีๆเกิดในชีวิตเมื่อเราพาตัวเองออกห่างจากเรื่องร้ายๆ


สำนวน

คำว่า distance อ่านว่า (ดิส) เติ่นส์ หมายถึง ระยาทาง เช่น
What is the distance between Bangkok and Pattaya?
= ระยะทางระหว่างกรุงเทพกับพัทยาเท่าไร เรามักจะใช้ว่า How far is it from Bangkok to Pattaya? มากกว่า เพราะง่ายกว่า
คำว่า distance ที่มักเจอบ่อยๆก็คือ
within (easy) walking distance
= อยู่ใกล้มากแบบเดินถึง เช่น
The shopping malls and the hospitals are within walking distance.
= ห้างและโรงพยาบาลอยู่ใกล้แบบเดินถึง
Our hotel is located in the best location. Shopping malls , public transportation and restaurants are within walking distance.
= โรงแรมของเราตั้งอยู่ในทำเลที่ยอดเยี่ยม ห้าง ขนส่งสาธารณะ และร้านอาหารเดินถึงหมด
และ หากต้องการจะบรรยายว่า สถานที่ใดอยู่ในระยะที่ขับรถถึงก็ใช้ว่า within driving distance
Within traveling distance = อยู่ในระยะที่เดินทางไปได้ within commuting distance = อยู่ระยะที่เดินทางไปกลับได้
My house is within walking distance of the mall.
= บ้านฉันระยะห่างจากห้างแค่เดินถึง (ใกล้มาก)
The resort is within walking distance of the sea.
= รีสอร์ทนี้อยู่ห่างจากทะเลแต่เดินถึง (ใกล้มาก)

สำนวนที่เรามีโอกาสเจออีกก็คือ from a distance (จากระยะไกล) at a distance (ที่ระยะไกล) หรือ in the distance ในระยะไกล เช่น
Mom watches her kids from a distance.
= แม่เฝ้าดูลูกอยู่ห่างๆ
I can hear your voice from a distance.
= ฉันได้ยินเสียงเธอมาแต่ไกล
We can see the skyscraper in the distance.
= เราสามารถเห็นตึกระฟ้าในระยะไกลโน่น
สำนวน to travel a great/long distance = เดินทางไกล
เช่น
I love traveling a long distance because it is enjoyable. = ฉันชอบเดินทางท่องเที่ยวไปไกลๆเพราะมันเพลินดี
In rural areas, children have to travel long distances to school.
= ในชนบท นักเรียนต้องเดินทางไกลมากไปโรงเรียน
และสำนวน to keep someone’s distance หมายถึง ทิ้งระยะห่างไว้ อย่าเข้าไปใกล้ เพราะมีอันตราย เช่น
Keep your distance from that bad guy.
= อยู่ให้ห่างจากคนไม่ดีคนนั้น
Tourists are told to keep their distance from the tigers.
= นักท่องเที่ยวได้รับการเตือนไม่ให้เข้าไปใกล้เสือ
และสำนวน to distance oneself from + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง อยู่ให้ห่างจากสิ่งนั้น หรือทำให้ห่างเหิน เช่น
You should distance from her or you will be in trouble. = คุณควรอยู่ให้ห่างจากหล่อน ไม่อย่างนั้น จะเดือดร้อน
Don’t call me by the last name. It will distance yourself from me.
= อย่าเรียกชื่อฉันแบบเป็นทางการ มันทำให้ดูห่างๆ
If you distance yourself from the negative things, you will feel better.
= ถ้าอยู่ให้ห่างจากเรื่องร้ายๆ เดี๋ยวก็จะดีขึ้น
He tried to keep himself from his girlfriend because he is afraid of the fight.
= เขาพยายามอยู่ไกลจากแฟนสาวเพราะกลัวจะทะเลาะกัน
Most superstars and celebrities want to distance themselves from the scandals.
= ซุปตาร์และเซเล็บส่วนใหญ่อยากอยู่ให้ไกลจากเรื่องฉาวโฉ่

วันอาทิตย์ที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2560

ชีวิตซับซ้อน

Life is very complicated.
Don’t try to find answers
because when you find answers,
life changes the questions.

ชีวิตเป็นสิ่งที่ซับซ้อนมาก
อย่าพยายามหาคำตอบ
เพราะเมื่อเจอคำตอบแล้ว
ชีวิตก็จะเปลี่ยนคำถามอีก

สำนวน
To complicate (คาม) พลิ เค ทิ่ด เป็นคำกริยา หมายถึง ทำให้ยุ่งยากหรือซับซ้อน เช่น
Don't complicate the problem.
= อย่าทำให้ปัญหามันซับซ้อน
He has complicated his life.
= เขาทำให้ชีวิตเขาซับซ้อน
To complicate matters worse, the traffic is congested.
= รถติด ยิ่งทำให้สถานการณ์เลวร้ายหรือยุ่งยามขึ้นไปอีก
To complicate this case, the student is telling a lie.
= นักเรียนกำลังโกหก ยิ่งทำให้ประเด็นนี้ยิ่งซับซ้อนมากขึ้นไปอีก เพราะฉะนั้น หากต้องการฝึกใช้โครงสร้างนี้ สามารถทำได้โดยใช้ว่า
To complicate his matter/ issue / the problem, S + V

แต่หากเป็นคำคุณศัพท์ จะเป็น complicated มี –ed อยู่ด้วยเสมอ มันจะปรากฏในตำแหน่งต่อไปนี้ คือ ตามหลังกริยา to be หรืออยู่หน้าคำนาม หรือ ตามหลัง to make + สิ่งใด + complicated เช่น
Life is simple. = ชีวิตมันเรียบง่าย
The rules are too complicated.
= กฎเกณฑ์นี้ซับซ้อนเกินไป
We make it complicated.
= เราเองทำให้มันยุ่งยาก
Things are complicated.
= เรื่องต่างๆมันซับซ้อน
A complicated problem.
= ปัญหาที่ยุ่งยาก

คำว่า complication หมายถึง สิ่งที่ซับซ้อน ความซับซ้อน และในทางการแพทย์ หมายถึง โรคแทรกซ้อน
: Pneumonia นิว (โม) เนีย is a common complication of AIDS.
= โรคปอดอักเสบเป็นอาการแทรกซ้อนของโรคเอดส์
• She experienced complications during her pregnancy.
• = หล่อนเจอกับอาการแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์
• The patient died of complications from surgery.
• = คนไข้เสียชีวิตเพราะโรคแทรกซ้อนจากการผ่าตัด

วันเสาร์ที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2560

อย่าสิ้นหวัง

When there’s a disappointment,
I don’t know if
it’s the end of the story.
But it may be
just the beginning of
a great adventure.

ยามที่ผิดหวัง เราไม่รู้หรอกว่านั่นเป็นตอนจบ

หรือเป็นเพียงการเริ่มต้นของการผจญภัยที่ยิ่งใหญ่


     หากยามใด ที่ใจ เราผิดหวัง

ทุกสิ่งยัง ไม่เป็นไป ตามใจหมาย

อาจจะเป็น ตอนจบ ของความตาย

หรืออาจกลาย เป็นการเริ่ม ที่งดงาม


ศัพท์สำนวน

A disappointment = ความผิดหวัง
กริยา to disappoint + someone = ทำให้ผิดหวัง
To be disappointed in + คนใดคนหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง = รู้สึกผิดหวังในสิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่ง เช่น
I am disappointed in my son. = ฉันผิดหวังในตัวลูก
The concert is very disappointing. = งานแสดงดนตรีนั้นน่าผิดหวังมาก
สำนวนI don’t know if + ประธาน กริยา
= ฉันไม่รู้หรอกว่า….. หรือเปล่า
ตัวอย่าง I don’t know if you can come.
= ฉันไม่รู้หรอกกว่าคุณจะสามารถมาได้หรือเปล่า
I don’t know if I am right.
= ฉันไม่รู้หรอกว่าฉันเป็นฝ่ายถูกหรือเปล่า
The end of the story = ตอนจบของเรื่อง
สำนวน the end of เรื่องใดเรื่องหนึ่ง หมายถึง ตอนจบของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
ส่วนตอนเริ่มต้นก็คือ the beginning of สิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
It is the beginning of her marriage life.
= เป็นเพียงการเริ่มต้นของชีวิตการแต่งงานของเธอ
It’s just the beginning of the trip.
= เป็นเพียงการเริ่มต้นของการเดินทางเท่านั้น
Adventure เอิด (เว็น) เฉ่อร์ หมายถึง การผจญภัย หรือการเสี่ยง ใช้ในรูปคำนามนับได้และนับไม่ได้ เช่น
He loves an adventure. = เขารักการผจญภัย
He is an adventure lover. = เขารักการผจญภัย
Dad always tells us about his adventures in India.
= พ่อมักจะเล่าให้พวกเราฟังเรื่องการผจญภัยในประเทศอินเดีย
Trekking on the Himalayas is a great adventure for tourists.
= การเดินป่าบนเทือกเขาหิมาลัยเป็นการผจญภัยที่ยอดเยี่ยมสำหรับนักท่องเที่ยว
This is a great adventure story.
= นี่คือเรื่องราวการผจญภัยที่ดีมาก
The field trip is an adventure for students.
= การออกไปเที่ยวชมนอกสถานที่เป็นการผจญภัยสำหรับนักเรียน
Adventurous เอิด (เว็น) เฉ่อร์ เริส หมายถึง ที่ชอบลองทำสิ่งต่างๆ ชอบเสี่ยงทำโน่นทำนี่
เช่น He is an adventurous chef.
= เขาเป็นพ่อครัวที่ชอบลองทำโน่นทำนี่
My nephew is an adventurous guy.
= หลานเป็นคนที่ชอบเสี่ยงลองทำโน่นทำนี่
The Himalayas are a perfect place for adventurous travelers.
= เทือกเขาหิมาลัยเป็นสถานที่ที่ยอดเยี่ยมมากสำหรับนักเดินทางที่ชอบเสี่ยงภัย
The trip to an isolated island is a very adventurous one.
= การเดินทางไปยังเกาะที่รกร้างเป็นการท่องเที่ยงที่ตื่นเต้นมาก
It’s a waste of time convincing him to join us. He has no sense of adventure.
= เสียเวลาไปโน้มน้าวให้เขามาร่วมด้วย เขาเป็นคนที่ไม่ชอบเสี่ยงทำอะไร

 

วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2560

อย่าเข้าใจผิด

Don’t ever mistake my silence for ignorance,

my calmness for acceptance

and my kindness for weakness.


อย่าเข้าใจผิดว่า..... การที่ไม่พูดอะไรเป็นเพราะไม่รู้อะไร
อย่าเข้าใจผิดว่า..... การสงบนิ่งคือการยอมรับ
และอย่าเข้าใจผิดว่า..... การที่ใจดีคือความอ่อนแอ

สำนวน

To mistake เป็นคำกริยา หมายถึง เข้าใจผิด เช่น
They always mistake my intention.
= พวกเขามักแปลเจตนาฉันผิด
The boss mistook my message.
= หัวหน้าเข้าใจสิ่งที่สื่อผิดไป
และ to mistake + ใคร หรืออะไร + for + ใครหรืออะไรก็จะหมายถึง เข้าใจผิดว่าคนนั้นหรือสิ่งนั้นเป็นอีกสิ่งหนึ่งหรืออีกคนหนึ่ง เช่น
I always mistake Henry for Jimmy because they are twins.
= ฉันมักจะเข้าใจผิดว่า เฮนรี่คือจิมมี่เพราะเขาเป็นฝาแฝดกัน ( I always think that Henry is Jimmy.)
He mistook me for my brother.
= เขาเข้าใจผิดว่าฉันเป็นน้องชาย ( He thought that I was my brother.)
My memory was so terrible that I mistook her for her mom.
= ความจำฉันแย่มากที่คิดว่าเธอคือแม่
( I thought that she was her Mom.)
เพราะฉะนั้น หากงง ให้จำโครงสร้าง S + think (s) / thought + that ไว้ ก็ดี
และหากต้องการบอกว่า ใครเข้าใจผิด เราสามารถใช้ว่า
Sorry! I was mistaken. = ขอโทษด้วย เข้าใจผิด (ใช้ได้ในทุกเรื่อง)
และสำนวนส่งท้ายสำหรับคำนี้คือ
S + can’t mistake + ใครหรืออะไร หมายถึง สิ่งนั้นหรือคนๆนั้นจำง่าย ไม่มีทางเข้าใจผิดไปเป็นอื่นได้เลย เช่น
You can’t mistake her because she is the prettiest girl in the party.
= รับรอง ไม่มีทางจำคนผิดหรอกเพราะเธอเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในงาน
He can’t mistake the hotel because he goes there every week.
= ไม่มีทางที่เขาจะจำโรงแรมผิดเพราะไปทุกอาทิตย์
Make no mistake about it. เป็นการเน้นย้ำว่า สิ่งที่เตือนมันไม่พลาด มันเป็นจริงตามที่เตือน ภาษาไทยก็คือ บอกแล้ว ไม่มีพลาด เป็นอย่างนั้น เช่น
Make no mistake about it. The company will go bankrupt.
= บอกแล้ว ไม่พลาดหรอก บริษัทจะเจ๊ง
Make no mistake about it. She is a liar.
= เตือนแล้ว ไม่มีพลาดหรอก เธอโกหก
Make no mistake about it, if we don't address these problems now, they will only get worse.
= บอกแล้ว ไม่มีพลาดหรอก ถ้าเราไม่เข้าไปแก้ปัญหาตอนนี้ ปัญหาจะยิ่งเลวร้ายมากกว่านี้
silence (ซาย) เลิ่นซ์ หมายถึง ความเงียบ มีข้อความสอนใจข้อความหนึ่งบอกว่า Speech is silver; silence is gold. = พูดไปสองไพเบี้ย นิ่งเสียตำลึงทอง หมายถึง ไม่พูดดีกว่าพูด หรือแปลอีกทีก็คือ การนิ่งไว้ดีที่สุดนั่นเอง
ส่วนสำนวนเกี่ยวกับ ignorance (อิก) เหนอะ เริ่นส์ คือ Ignorance is kind. = การไม่รู้อะไรเป็นการดี เพราะรู้อะไรเยอะแต่ปล่อยวางไม่เป็นมันคือความเครียด เพราะฉะนั้น เวลามีปัญหาหรือเรื่องอะไรแล้วไม่รู้ซะได้เป็นการดี ให้จำข้อความนี้ไว้ เวลาอยากรู้เรื่องอะไรของใคร (ไม่รู้ก็ไม่เป็นไร หรือดีซะอีกที่ไม่รู้) เราสามารถใช้ว่า Ignorance is bliss. ก็ได้ เพราะคำว่า bliss คือ ความสุขแบบมีปีติ นัยยะก็คือ ไม่รู้อะไรนั่นแหละคือความสุข เพราะรู้ทั้งสิ่งดีและไม่ดี มันก็ทำให้ใจเราหวั่นไหวได้หมด
คำว่า calm หมายถึงสงบ เช่น Keep calm and try not to panic. = สงบไว้ เย็นไว้ อย่าตื่นตระหนก
Whatever happens, remain calm.
= อะไรจะเกิดขึ้น ก็สงบไว้ เย็นไว้
Calm yourself down and it will be OK.
= ใจเย็นๆ ทำใจให้สงบ แล้วจะดีเอง
Let it be! She is trying to calm herself down.
= ปล่อยไป หล่อนพยามทำตัวเองให้เย็นลง
When you get mad, try to calm yourself down by counting from 1- 10.
= เวลาโกรธ ให้ทำใจให้สงบด้วยการนับ 1 ถึง 10
และ Things calm down. = ทุกอย่างสงบลง ทุกอย่างดีขึ้น
Don’t worry. Things will calm down soon.
= ไม่ต้องกังวลไป ทุกอย่างจะเป็นปกติในไม่ช้า
ส่วนคำนี้เป็นคำนามแต่อยากให้เอาไปใช้กันเพราะมีข้อคิดแฝงอยู่ The calm before the storm. เอาไว้ใช้เวลาต้องการจะสื่อว่า อะไรที่มันสงบๆ เดี๋ยวมันจะมีเรื่อง (เปรียบไปเหมือนพายุ ก่อนจะเกิดพายุ ท้องฟ้ามันจะสงบก่อน) ทุกอย่างในชีวิต ก่อนจะเกิดปัญหามันจะมีความสงบเกิดขึ้นก่อน มันเป็นแบบนี้)