วันอังคารที่ 24 มกราคม พ.ศ. 2560

การใช้คำว่า suggest และกลลวง

ประโยคผิด: I suggest you to go and see the doctor.
ประโยคแก้ไข: I suggest you should go and see the doctor.
การใช้คำนี้ในภาษาไทย เราจะใช้วิธีแปลตรงตัวเลย เมื่อเราต้องการจะบอกว่า นี่ เธอ ฉันแนะนำให้เธอไปหาหมอ ทันทีที่เรานึกถึงภาษาอังกฤษ เราก็จะคิดถึงคำว่า suggest ซึ่งเป็นคำหนึ่งที่สามารถใช้ได้ แล้วเราก็คำนี้มาเรียงต่อกัน I suggest + you + to go and see the doctor. โดยลืมไปว่า คำกริยาหลายคำในภาษาอังกฤษไม่ได้เอื้อให้ใช้ในลักษณะนี้
คำว่า suggest มีที่ใช้ง่ายๆดังนี้
S + suggest that + S + should + v ไม่ผัน เช่น
I suggest that you should relax.
= ฉันแนะนำว่าเธอควรจะพักผ่อน
Dad suggests that I should find a job after graduation.
= พ่อแนะนำว่าฉันควรจะหางานทำหลังเรียนจบแล้ว
The doctor suggested that dad should quit smoking.
= หมอแนะนำว่า พ่อควรเลิกสูบบุหรี่
ในชีวิตประจำวันของเรา เราต้องแนะนำอะไรให้ใครมากมายไปหมด เพราะฉะนั้น ให้เราใช้โครงสร้างที่ตรงกับภาษาไทยให้มากที่สุดก่อน ต่อจากนั้น ค่อยขยับไปใช้อะไรที่มันซับซ่อน นั่นเท่ากับเป็นการสร้างมั่นใจให้กับตัวเอง อย่าไปสนใจว่าใครเขาจะใช้โครงสร้างหรือสำนวนที่เลิศหรูอลังการงานสร้างขนาดไหน ของเราเอาแบบธรรมดาก่อน
หลังจากนั้นค่อยขยับตัวเองขึ้นไปจะดีไหม
คำนี้ออกเสียงว่า เสอะ (เจ๊สท์) เน้นพยางค์ที่สอง
ลองคิดประโยคต่อไปนี้เป็นภาษาอังกฤษกันดู
ฉันแนะว่าเธอควรจะไปดูหนังเรื่องนี้
เขาแนะนำว่า ฉันควรจะไปซื้อมือถือใหม่
พ่อฉันแนะนำแม่ว่า แม่ควรนอนแต่หัวค่ำ
ประโยคที่จะได้ก็คือ
I suggest that you should watch this film.
He suggested that I should buy a new cellphone.
My dad suggests that my mom should go to bed early.
เห็นไหมว่า เรายึดโครงสร้างนี้ให้มั่นๆ แค่นี้ก็สื่อสารได้เยอะแล้ว
แต่หากเราพยายามแปลภาษาไทยให้ตรงกับภาษาอังกฤษแบบ คำต่อคำ มันจะเกิดอาการสะดุดทันที เช่น พ่อแนะนำให้แม่เข้านอนเร็ว
ถ้าเราพยายามจะเอาแบบตรงตัว ภาษาที่ออกมาก็จะแปลกๆแบบนี้ Dad suggested mom to go to bed early.
เพราะฉะนั้น ก่อนสื่ออะไร ตีความประโยคของภาษาของเราก่อน แล้วก็เอาโครงสร้างของเขามาใส่ ง่ายกว่ากันเยอะ
ทีนี้เรามาต่อกันที่สำนวนต่อไป เวลาเราต้องการจะถามใครว่า เธอว่าไง หรือเธอมีอะไรจะเสนอแบบนั้น เราก็ใช้สำนวนง่ายๆว่า
What do you suggest?
= เธอว่าไง
What does he suggest?
= เขาเสนอแนะอะไร
What does your mom suggest?
= แม่เธอว่าไง เป็นต้น
ทีนี้ เมื่อเราได้โครงสร้างที่สามารถสื่อสารได้แล้ว ก็มาถึงคราวที่ต้องต่อยอด เช่น เราไปเรียนหรือไปอ่าน ไปฟังมาว่า
He suggested going to the movies.
= เขาแนะนำให้ไปดูหนัง
The teacher suggested reading Chapter 5.
= ครูแนะให้อ่านบทที่ 5
I would like to suggest having some ice-cream for dessert.
= ฉันอยากจะเสนอแนะให้กินไอติมเป็นของหวาน
และไหนๆก็จำแล้ว ให้จำต่อไปว่า แนะอะไรให้ใคร เขาใช้ว่า to suggest + สิ่งที่แนะ + to + คนที่แนะนำ เช่น
I think I will suggest this book to my friend.
= ฉันคิดว่าจะแนะนำหนังสือเล่มนี้ให้เพื่อน
ห้ามไปใช้ว่า I think I will suggest my friend this book. ไม่ได้เด็ดขาด มันตรงเกินไป
พอมาแบบนี้ เราก็จะรู้เพิ่มขึ้นแล้วว่า อ้อ ไอ้คำนี้มันใช้แบบนี้ก็ได้ เราก็เริ่มใช้บ้าง แต่ต้องไม่ลืมว่า โครงสร้างที่เราเรียนรู้มาต้องคล่องก่อน ไม่งั้นมันจะตีกันและมันก็จะตีกันจริงๆด้วย ถ้าไม่เชื่อ
มาดูกันต่อ ทีนี้ เมื่อเราจำโครงสร้างนี้ได้พร้อมกับใช้เป็น เมื่อไปเจอข้อสอบ เราก็จะทำได้เพราะเรากำลังเรียนเหมือนฝรั่งเขาเรียน นั่นคือ มุ่งสู่เป้าใหญ่ เรียนการใช้จริงเลย ถ้าเราไปจำๆๆๆแล้วเอาแต่จำแต่ไม่ยอมเอามาใช้ เชื่อเหอะ ในที่สุด เราก็จะงงเองเพราะคำว่า แนะนำ เสนอแนะ มันมีอีกตั้งหลายคำ เช่น advise, recommend แล้วแต่ละคำก็มีกฎมีเกณฑ์ทุกตัว และอย่างที่รู้ เมื่อมีกฎ ก็ย่อมมีข้อยกเว้น ตรงนี้แหละที่คนออกข้อสอบ เขาจะใช้เป็นช่องโหว่ไปทดสอบเรา ถามหน่อยว่า ถ้าเราเรียนรู้แบบนี้ จะเจอข้อสอบแบบไหน เราก็ทำได้ อีกสองคำ มันมีที่ใช้อย่างไร ปล่อยมันไปก่อน เราเก็บรายละเอียดของตัวนี้ให้ได้ ได้แบบเขียนได้ พูดถูก ฟังรู้เรื่อง จากนั้นค่อยขยับปรับตัวเองไปสู่คำอื่นๆต่อไป จะพามาดูว่า หากข้อสอบเขาจะทดสอบ เขาจะหลอกเราอย่างไร ง่ายจะตาย เขาก็หาประโยคที่ถูกมาแล้วสลับที่ไปมา เขาก็สามารถแหกตาเราได้แล้ว เพราะปัญหาที่เขาจะเอามาหลอกเรา เขาก็เจอมาแล้ว คนทุกคนเรียนรู้จากข้อผิดพลาดของตัวเองและคนอื่นกันทั้งนั้นแหละ
ดูจากมุมมองคนออกข้อสอบ อ๋อ จะทดสอบคำว่า suggest ก็นี่เลย คิดก่อนว่า จะพูดอะไรดี เอางี้
ฉันแนะให้เขาไปพักผ่อนเพราะเขาดูเหนื่อยๆ
ประโยคที่เขาจะแต่งมาหลอกเรา
I suggest …… because he looked pretty tired.
a. him relax b. him to relax
c. him relaxing d. that he should
ลองคิดดู ถ้าเราไม่รู้โครงสร้างแบบที่ใช้เป็น รับรอง ร้อยทั้งร้อย เราก็จะงง เพราะมันน่างงจะตาย ระหว่างคนจับผิดกับพวกเรา ใครมันจะแน่กว่ากัน รับรองว่า เราเสร็จเขาแน่นอน เพราะเราไม่รู้จริงไง ประโยคแบบนี้ หากเรียนแบบคนที่รู้จริง เอาไปใช้ได้ เขาก็จะเลือกข้อ d เลยเพราะมันไปตรงกับสิ่งที่เขาคิดไงว่า I suggest that you should go and see the doctor. ก็เอาประโยคที่เราคุ้นเคยมาตั้งแล้วเทียบดู เห็นหรือยังว่าความแตกต่างคืออะไร ระหว่างการรู้แบบใช้เป็นกับการรู้เพื่อไปทำข้อสอบ ทีนี้ก็ได้เวลาเลือกแล้ว คุณมีสองทาง ทางแรกคือ รู้แบบจะเพื่อเอาไปสอบ พอก้าวพระบาทออกจากห้องสอบแล้วไม่หมั่นเอาไปใช้ ไม่นานก็ลืม อะไรกันเนี่ยะ มันต้องตามด้วย ing หรือ กริยาไม่ผันไม่ใช่เหรอ หรืออีกหนึ่งทางเลือกก็คือ ใช้เป็นเลย เขียนประโยคออกมาได้ แบบนี้แหละ ต่อให้ออกข้อสอบมาแบบไหน เมื่อไรก็ทำได้ หากยอมเหนื่อยแบบนี้ สิ่งที่ได้คือ คะแนนก็ได้ สื่อสารก็ได และที่สำคัญ ได้นิสัยการเรียนรู้ที่ถูกต้องด้วย
มาดูอีกหนึ่งข้อ
ประโยคไหนถูก
a. My friend suggested me this car.
b. My friend suggested this car to me.
c. My friend suggested me that I bought this car.
d. My friend suggested that I should buy this car.
e. My friend suggested me buying this car.
ทีนี้ ก็ถึงเวลาเลือกแล้ว คำตอบคือ b และ d หากไม่ลงมือเขียนออกมา รับรองว่า มีงง และงงนานด้วย แต่ถ้าเราฝึกเขียนบ่อยๆ เห็นปุ๊บรู้ปั๊บ เป็นฝรั่งไม่ได้ ก็เป็นแอ๊ปเปิ้ลก็ยังดี

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น