วันพฤหัสบดีที่ 16 ธันวาคม พ.ศ. 2564

No wonder if S + V

 No wonder if S + V


หมายถึง ไม่น่าแปลกใจอะไรถ้า.......ไม่น่าประหลาดใจอะไรถ้า..... หรือมิน่าจึง.... เช่น

He worked all day and night. No wonder if he is sick.
= เขาโหมงานทั้งวันทั้งคืน ก็ไม่แปลกใจอะไรถ้าเขาป่วย (มิน่าจึงป่วย)

She is lazy. No wonder if she failed the test.
= หล่อนขี้เกียจ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรที่สอบตก (มิน่า จึงสอบตก)

She is attractive. No wonder if all guys want to talk to her.
= เธอมีเสน่ห์ ก็ไม่น่าแปลกใจอะไรถ้าหนุ่มๆทั้งหมดอยากมาคุยด้วย (มิน่าหนุ่มๆจึงอยากมาคุยด้วย)

He is very enthusiastic and determined. No wonder if he is successful.
= เขากระตือรือล้น และมุ่งมั่นมาก ก็ไม่น่าแปลกใจถ้าเขาจะประสบผลสำเร็จ

She is dressed to kill. No wonder if everyone looks at her.
= หล่อนแต่งตัวเลิศสุดๆ มิน่าทุกคนมองมาที่เธอ

They keep telling lies. No wonder if nobody trust them.
= พวกเขายังพูดโกหกต่อไปเรื่อยๆ มิน่า...ถึงไม่มีใครไว้ใจ





วันพุธที่ 15 ธันวาคม พ.ศ. 2564

When you want to control everything,...

 When you want to control everything, you enjoy nothing.

Sometimes you just need to relax, breathe, let go and live in the present moment.


เมื่อต้องการควบคุมทุกสิ่งทุกอย่าง ก็จะไม่มีอะไรให้สนุก
บางครั้ง ก็แค่ผ่อนคลาย สูดหายใจ ปล่อยวางและอยู่กับปัจจุบันขณะแค่นั้น

@@@@@@@@@@

Accept both compliments and criticism.
It takes both sun and rain for a flower to grow.

จงยอมรับทั้งคำชมและคำวิจารณ์
ดอกไม้ต้องใช้ฝนและแสงแดดในการเติบโต

@@@@@@@@@@

Everything becomes beautiful if you start loving it..even loneliness.

ทุกอย่างจะงดงามเมื่อเราเริ่มรักมัน แม้แต่ความเหงา






วันอังคารที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2564

To hit the books

 To hit the books


สำนวนนี้ไม่ได้เกี่ยวกับเอาหนังสือมาตีหรือไปตีหนังสือเพราะมันน่าเบื่อแต่มันเป็นสำนวนหมายถึง ได้เวลาไปอ่านหนังสือแล้วนั่นเอง พูดง่ายๆก็คือ to study แต่อย่างว่าแหละ การทำให้ภาษามันมีสีสัน มันทำให้ชีวิตมันมีชีวา

I can’t go to the party with you because I have to hit the books.
= ฉันไปงานเลี้ยงด้วยไม้ได้เพราะต้องอ่านหนังสือ

Sorry but I can’t play games tonight because I have to hit the books for the test.
= เสียใจด้วยนะที่เล่นเกมส์ด้วยไม่ได้เพราะต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบ

และสำนวนที่น่าจะต้องจำไปด้วยกันคือ to hit the sack หมายถึง ไปนอนก่อนนะพวก คำว่า sack หมายถึง กระสอบ แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับกระสอบ อยู่ดีๆพาไปตีกระสอบ ไม่ได้เกี่ยวกันเลย

It’s time for me to hit the sack. I’m so tired.
= ได้เวลาไปนอนแล้ว เหนื่อยมาก





วันจันทร์ที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2564

Successful people

Successful people always have two things on their lips: silence and smile.

คนที่ประสบผลสำเร็จมักจะมีของสองสิ่งที่เห็นได้ที่ริมฝีปากนั่นคือ ความเงียบและรอยยิ้ม

@@@@@@@@@@

A good relationship is when someone accepts your past,
supports your present, loves you and encourages your future.

ความสัมพันธ์ที่ดีเกิดขึ้นเมื่อมีคนยอมรับอดีตของเรา
ส่งเสริมปัจจุบัน รักเราและให้กำลังใจอนาคตของเรา

@@@@@@@@@@

Letting go means to come to the realization that some people are a part of your history, not a part of your destiny.

การปล่อยวางหมายถึงการประจักษ์ได้ว่า คนบางคนเป็นเพียงส่วนหนึ่งของเรื่องราวของเราไม่ใช่ส่วนหนึ่งของชะตาชีวิต

@@@@@@@@@@@

Everything happens for a reason.
Don’t question it.
Trust it.

ทุกอย่างเกิดขึ้นอย่างมีเหตุมีผล
อย่าไปสงสัย
แค่เชื่อก็พอ




วันอาทิตย์ที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2564

To get over + something / someone

 To get over + something / someone

หมายถึง เอาชนะ ก้าวข้ามได้ หรือลืมได้ นั่นเอง สำนวน get over สิ่งใดก็ตามหมายถึง ก้าวข้ามได้ ให้นึกถึงภาพม้าที่ก้าวข้ามรั้วได้เอาไว้จะได้เห็นภาพที่คมชัดขึ้น

Eventually he can get over her.
= ในที่สุด เขาก็ก้าวข้ามเธอได้ (ลืมเธอได้)

It took him a year to get over the death of his uncle.
= เขาใช้เวลา 1 ปีกว่าจะก้าวข้าม (ลืม) การตายของลุงได้

เราสามารถเอาไปใช้กับสุขภาพก็ได้ ก็หมายความหมายคล้ายๆกันก็คือ เอาชนะได้ เหมือนม้าที่ก้าวข้ามรั้วได้ เช่น

At last, he can get over his illness.
= ในที่สุด เขาก็หายจากการเจ็บป่วย

She can’t get over her grief.
= เธอยังไม่หายเศร้าโศก (ก้าวข้ามไม่ได้)

แล้วทีนี้ ก็ถึงเวลาที่เราจะเอาไปใช้บรรยายบ้างแล้วล่ะ ลองไปนั่งเขียนลงมาดูซิว่า เราสามารถก้าวข้ามอะไรได้บ้าง ไม่ได้บ้างแล้วกะว่าจะก้าวข้ามอะไรดี