วันอังคารที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2560

อยากตาย

                                                               อยากตาย
วันนี้ขอสลับนิดหนึ่ง สำนวนที่แล้วเกี่ยวกับการเกิด ก็ต้องมีตาย แต่เชื่อไหม มันมากมายมหาศาล ก็เลยขอเล่าไปเรื่อยๆ เพราะบอกแล้วว่า เรียนอังกฤษสบายๆ ถ้าลำบากแล้วจะไปเรียนมันทำไม เหมือนเรื่องอื่นๆในชีวิต ถ้ามันสบาย ชีวิตมันก็มีความสุข แต่ถ้าทำแล้วมันอึดอัดแล้วผลที่ได้มันไม่สบายนั่นคือการฆ่าตัวตายทางอ้อม วันนี้ก็เลยเสนอคำว่า to die น่ากลัวไหม กลัวทำไม อีกหน่อยเราก็ต้องตายเหมือนกัน ถ้าอยากจะบอกว่า เราตายเมื่อใด เราก็ใช้โครงสร้างว่า
I died at the age of 50. ฉันตายเมื่ออายุ 50 พอไหวไหม ถ้าใครตายตอนอายุเท่าไร เราก็เอาโครงสร้างนี้ไปใช้ เช่น ปู่ฉันตายตอนอายุ 100
My grandpa died at the age of 100.
My husband died at the age 56.
= สามีตายเมื่ออายุ 56
เอาโครงสร้างนี้ไปเขียนดูว่ามีใครในบ้านตายตอนไหน เริ่มไล่ตั้งแต่บรรพบุรุษมาเลย
ทีนี้ก็มาถึงว่า ตายเพราะอะไร เราก็ใช้สำนวนว่า
To die from + โรคที่ตาย เช่น
My son died from Aids.
= ลูกชายตายเพราะเอดส์
His daughter died from cancer.
= ลูกสาวตายเพราะมะเร็ง
His mother died in a car accident.
= แม่เขาตายจากอุบัติเหตุ
แต่บางคนแก่ตาย เราก็บอกว่า He died naturally. =ตายตามธรรมชาติ ก็คือแก่ตายนั่นเอง
คนที่ป่วยตาย เราจะพูดยังไงดี ก็ต้องบอกเขาไปโดยใช้สำนวนว่า to die from + โรคที่เป็น
มาถึงช่วงสุดท้ายของการบรรยายว่า ตายแบบไปสบาย เราก็สามารถใช้ว่า He died peacefully. = เขาตายอย่างสงบ แล้วพวกที่ตายแบบทุกข์ทรมานก็ต้องบอกว่า He suffered a lot when he died. = เขาทุกข์ทรมานมากตอนตาย
ถ้าต้องการพูดว่า อยู่ไปก็ทรมาน ก็พูดได้ว่า If he were alive, he would suffer a lot. (ถ้าเขายังมีชีวิตอยู่ ก็ทรมานมาก ดีแล้ว ) จะบอกว่า His death is good for everyone. = ก็ดีสำหรับทุกคน
และถ้าตายทั้งกลมหรืตายท้องกลมล่ะ ก็ต้องตีความหน่อย มันก็คือการตายขณะท้อง ก็ต้องใช้ว่า She died when she was pregnant. ซึ่งเป็นศัพท์ในบทต้นๆ
คนที่ยังหนุ่มยังสาวแล้วมาตายเราก็มีสำนวนที่น่าเอาไปใช้คือ
คนที่ตาย died + rich (รวย), poor (จน), young (ยังอายุน้อย), happy (สบาย มีความสุข) , suddenly (ซัดเดิ่นลี่) (ทันที)
He died rich. = ตายตอนที่รวย (ไม่ใช่รวยจนตาย ถ้ามี ขอเป็นแบบนั้น)
She died happy. = หล่อนตายแบบมีความสุข
จากนี้คือสำนวนแล้ว คนที่อยากเรียนสำนวนก็เตรียมตัวได้เลยตรับ
be dying for something/to do something สำนวนนี้หมายถึง อยากได้หรืออยากทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งจนจะตายอยู่แล้ว เช่น
I am dying for Pepsi.
= โอย อยากกินเป๊บซี่จะตายอยู่แล้ว
He is dying to go to Japan.
= เขาอยากจะไปญี่ปุ่นจะตาย
She is dying to eat papaya salad.
= อยากกินส้มตำจะตายอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นถ้าอยากอะไรมากๆก็เอาสิ่งที่อยากไปใส่ไว้หลัง for + สิ่งที่อยากเป็นคำนาม to + กริยา ก็คือสิ่งที่อยากทำมากจริงๆ
ขอลองทดสอบความรู้หน่อย ดูภาษาไทยที่ให้มาแล้วลองเขียนภาษาอังกฤษออกมาซิ ดูว่าหน้าตาจะเหมือนกันไหม
1. ฉันอยากจะเจอเธอจะตายอยู่แล้ว
2. เขาอยากกินเค๊กจังเลย
3. หล่อนอยากจะเล่นเกมส์มาก
4. พวกเขาอยากเรียนภาษาอังกฤษมาก
5. หล่อนอยากจะเป็นนักร้องจัง
1. I am dying to see you.
2. He is dying for a cake.
3. She is dying to play games.
4. They are dying to learn English.
5. She is dying to be a singer.
และสำนวนสุดแสบก็คือ Old habits die hard. หมายถึง สันดานมันเปลี่ยนยาก (เอางั้นเลย เก็บเอาไว้ใช้พูดตอนที่ใครผู้ใดมีนิสัยที่เรารับไม่ได้) แล้วเคยไหมเวลาที่เราไม่อยากทำอะไรเอามากมากและพูดในใจว่า ให้ทำไอ้นี่ ตายซะดีกว่า แต่ก็ต้องทำ เช่น
I’d rather die than learn English.
= อยากจะตายนัก ที่ต้องเรียนภาษาอังกฤษ แต่ก็ต้องเรียนนะ (เป็นการพูดบ่น) I’d rather die than clean the bathroom.
= อยากจะตายนักที่จะต้องขัดห้องน้ำ เป็นต้น



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น