เรียนภาษาจากข้อสอบ Toeic ข้อดีคือได้ทั้งภาษาและวิธีการทำข้อสอบแต่อย่าใจร้อน ค่อยๆเรียนรู้และจำไป
What is the company's policy on ............for part-time workers?
A) benefited (C) benefits
(B)beneficial (D) benefit...
ประโยคนี้มีโครงสร้าง (บุพบท ) on + N + (บุพบท) for เพราะฉะนั้นคำที่หายไปคือคำนามนั่นเอง คำนามคือ c เพราะเป็นคำนามนับได้
ให้สังเกตว่า เมื่อมีคำบุพบท มาดักหน้า ล้อมหลังแบบนี้ สิ่งที่หายไปคือคำนามแน่ๆ
ปัญหาต่อมาก็คือ บางคนไม่รู้ว่าจะสังเกตคำนามได้อย่างไร แบบนี้ก็ต้องอวยพร ไปให้สบายเถอะนะ โฉมยง แต่คนที่มีความรู้บ้าง ก็ต้องมานั่งปวดขมับ นิดหนึ่ง คนที่รู้อะไรบ้าง ก็จะสามารถตัดข้อ a ทิ้ง เพราะมันมี-ed มาเกาะแกะ เขาคือ กริยา ใช้ไม่ได้ ข้อ b ตัดทิ้งเพราะเป็นคำคุณศัพท์ อย่างที่บอก คำที่ลงท้ายด้วย –al เพราะฉะนั้นตัดทิ้งได้ ก็เหลือสองข้อ ตามที่บอก c และ d หากได้เรียนรู้จากข้อก่อนหน้านี้มา เราก็จะพอระลึกชาติได้ว่า คำนี้เมื่อใช้ในแวดวงการทำงาน จะหมายถึง ผลประโยชน์อื่นๆนอกจากเดือนเงินหรือเงินเดือน เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็น พหูพจน์ นั่นคือ benefits
พนักงานหรือลูกจ้างนั้น ภาษาอังกฤษมีสองคำที่ใช้กันคือ a worker , an employee ส่วนจะเป็นพนักงานชั่วคราว เราก็ใช้ข้อมูลจากประโยคที่แล้วมาใส่ได้ เป็น a temporary employee = ลูกจ้างชั่วคราว เป็นต้น ในที่นี้เขาใช้ว่า
a part-time worker = ลูกจ้างที่ทำงานพิเศษ
I am a part-time teacher.
= ฉันสอนหนังสือเป็นงานพิเศษ
Most people look for a part-time job.
= คนส่วนใหญ่หางานพิเศษทำ
จำสำนวน to work part-time = ทำงานพิเศษ
(รับจ๊อบ)
I want to work part-time because I will have more free time.
= ฉันอยากทำงานพิเศษเพราะจะได้มีเวลามากขึ้น
She wants to work part-time after she has a baby.
= หล่อนอยากทำงานพิเศษเพราะจะได้มีเวลาเลี้ยงลูก
The company hires me on a part-time basis.
= บริษัทจ้างฉันทำงานพิเศษ หรือ I am hired on a part-time basis.
และคำตรงข้ามคือ full-time ใช้เหมือนกัน แทนที่กันได้เลย ทำงานเป็นลูกจ้างประจำ
เช่น
He is a full-time engineer and a part-time tutor.
= เขาทำงานเต็มตัว (ประจำ)เป็นวิศวกรและทำงานพิเศษเป็นติวเตอร์
Some of the employees are full-timers , but most of them are part-timers.
= พนักงานบางคนทำงานชั่วคราวแต่ส่วนใหญ่ทำงานพิเศษ
คำแปลโจทย์ : นโยบายบริษัทเกี่ยวกับผลประโยชน์สำหรับพนักงานที่ทำงานพิเศษคืออะไร
ขอเสริมเป็นความรู้ เวลาเราต้องการจะบอกใครว่า งานอะไรก็ตามที่หนักหนาสากรรจ์ เรียกว่า ทำมันทั้งวันและใช้ความพยายามสุดๆ เรียกว่าเหนื่อยเหมือนทำงานประจำในบริษัท ฝรั่งเขาจะใช้สำนวนนี้แหละมาบรรยาย
Taking care of kids is a full-time job.
= ดูแลเด็กๆ มันเหนื่อยมาก
Doing the housework is a full-time job.
= งานบ้านเป็นงานที่เหนื่อยมาก (ขอบอก)
ส่วนคำที่เราคุ้นมากก็คือ overtime หรือ โอที หมายถึงงานที่เราทำอยู่แต่ทำล่วงเวลา หรือทำเพิ่มนั่นแหละ
We need to work overtime to get the project done by tomorrow.
= เราจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อทำให้โครงการเสร็จก่อนพรุ่งนี้
He earns baht 450 a week, including overtime.
เขาทำงานได้สัปดาห์ละ 450 บาท รวมล่วงเวลาด้วย
What is the company's policy on ............for part-time workers?
A) benefited (C) benefits
(B)beneficial (D) benefit...
ประโยคนี้มีโครงสร้าง (บุพบท ) on + N + (บุพบท) for เพราะฉะนั้นคำที่หายไปคือคำนามนั่นเอง คำนามคือ c เพราะเป็นคำนามนับได้
ให้สังเกตว่า เมื่อมีคำบุพบท มาดักหน้า ล้อมหลังแบบนี้ สิ่งที่หายไปคือคำนามแน่ๆ
ปัญหาต่อมาก็คือ บางคนไม่รู้ว่าจะสังเกตคำนามได้อย่างไร แบบนี้ก็ต้องอวยพร ไปให้สบายเถอะนะ โฉมยง แต่คนที่มีความรู้บ้าง ก็ต้องมานั่งปวดขมับ นิดหนึ่ง คนที่รู้อะไรบ้าง ก็จะสามารถตัดข้อ a ทิ้ง เพราะมันมี-ed มาเกาะแกะ เขาคือ กริยา ใช้ไม่ได้ ข้อ b ตัดทิ้งเพราะเป็นคำคุณศัพท์ อย่างที่บอก คำที่ลงท้ายด้วย –al เพราะฉะนั้นตัดทิ้งได้ ก็เหลือสองข้อ ตามที่บอก c และ d หากได้เรียนรู้จากข้อก่อนหน้านี้มา เราก็จะพอระลึกชาติได้ว่า คำนี้เมื่อใช้ในแวดวงการทำงาน จะหมายถึง ผลประโยชน์อื่นๆนอกจากเดือนเงินหรือเงินเดือน เพราะฉะนั้นก็ต้องเป็น พหูพจน์ นั่นคือ benefits
พนักงานหรือลูกจ้างนั้น ภาษาอังกฤษมีสองคำที่ใช้กันคือ a worker , an employee ส่วนจะเป็นพนักงานชั่วคราว เราก็ใช้ข้อมูลจากประโยคที่แล้วมาใส่ได้ เป็น a temporary employee = ลูกจ้างชั่วคราว เป็นต้น ในที่นี้เขาใช้ว่า
a part-time worker = ลูกจ้างที่ทำงานพิเศษ
I am a part-time teacher.
= ฉันสอนหนังสือเป็นงานพิเศษ
Most people look for a part-time job.
= คนส่วนใหญ่หางานพิเศษทำ
จำสำนวน to work part-time = ทำงานพิเศษ
(รับจ๊อบ)
I want to work part-time because I will have more free time.
= ฉันอยากทำงานพิเศษเพราะจะได้มีเวลามากขึ้น
She wants to work part-time after she has a baby.
= หล่อนอยากทำงานพิเศษเพราะจะได้มีเวลาเลี้ยงลูก
The company hires me on a part-time basis.
= บริษัทจ้างฉันทำงานพิเศษ หรือ I am hired on a part-time basis.
และคำตรงข้ามคือ full-time ใช้เหมือนกัน แทนที่กันได้เลย ทำงานเป็นลูกจ้างประจำ
เช่น
He is a full-time engineer and a part-time tutor.
= เขาทำงานเต็มตัว (ประจำ)เป็นวิศวกรและทำงานพิเศษเป็นติวเตอร์
Some of the employees are full-timers , but most of them are part-timers.
= พนักงานบางคนทำงานชั่วคราวแต่ส่วนใหญ่ทำงานพิเศษ
คำแปลโจทย์ : นโยบายบริษัทเกี่ยวกับผลประโยชน์สำหรับพนักงานที่ทำงานพิเศษคืออะไร
ขอเสริมเป็นความรู้ เวลาเราต้องการจะบอกใครว่า งานอะไรก็ตามที่หนักหนาสากรรจ์ เรียกว่า ทำมันทั้งวันและใช้ความพยายามสุดๆ เรียกว่าเหนื่อยเหมือนทำงานประจำในบริษัท ฝรั่งเขาจะใช้สำนวนนี้แหละมาบรรยาย
Taking care of kids is a full-time job.
= ดูแลเด็กๆ มันเหนื่อยมาก
Doing the housework is a full-time job.
= งานบ้านเป็นงานที่เหนื่อยมาก (ขอบอก)
ส่วนคำที่เราคุ้นมากก็คือ overtime หรือ โอที หมายถึงงานที่เราทำอยู่แต่ทำล่วงเวลา หรือทำเพิ่มนั่นแหละ
We need to work overtime to get the project done by tomorrow.
= เราจำเป็นต้องทำงานล่วงเวลาเพื่อทำให้โครงการเสร็จก่อนพรุ่งนี้
He earns baht 450 a week, including overtime.
เขาทำงานได้สัปดาห์ละ 450 บาท รวมล่วงเวลาด้วย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น