การเชิญชวนตอนสุดท้าย ที่ต้องมีหลายตอนเพราะการเชิญชวนนั้นมีหลายสถานการณ์ เป็นแบบกันเองบ้าง แบบไม่เป็นกันเองบ้าง เพราะเราต้องสังคมกับคนต่างระดับ ภาษาที่ใช้ก็ต้องแตกต่างกันไป ตอนนี้เป็นตอนไม่เป็นทางการแต่สิ่งที่น่าสนใจมากกว่านั้นก็คือ สำนวนในการพูดที่เราสามารถนำไปปรับใช้ได้จริงๆ
A: I’ d love to continue this conversation, but I really need to go now. I have to get back to the office.
ใจจริงก็อยากจะเม็าท์ต่อ แต่ต้องไปแล้วล่ะ ต้องกลับไปทำงานแล้ว
สำนวน I’d love to + do = หมายถึง อยากจะทำมากจริงๆ ดูจากคำว่า love ไง หากเป็น I’d like to ก็แค่อยากธรรมดา แต่ I’d love to = อยากมาก เช่น
I’d like to continue this conversation.
= อยากคุยต่อจัง แต่ถ้าใช้ I’d love to continue this conversation. = มันให้ความรู้สึกให้อารมณ์มากกว่า ในทำนองว่า อย๊ากอยาก
สำนวน to really need to go = จำเป็นต้องไปแล้วจริงๆ สำนวนนี้เอาไปใช้ได้เลย หรือเอาไปปรับใช้ในสถานการณ์อื่นๆได้อีก เช่น I really need to go to bed. = ต้องเข้านอนจริงๆ
I really need to eat.
= ต้องกินแล้วจริงๆ
You really need to relax.
= ต้องพักต้องผ่อนแล้วจริงๆนะเธอเนี่ยะ
We really need to take a coffee break.
= เราจำเป็นต้องหยุดพักซดกาแฟกันแล้ว (เหนื่อยเหลือเกิน เซ้งเหลือเกิน หิวเหลือเกิน เป็นไปได้หมดเลย)
We really need to take a lunch break.
= เราต้องพักทานอาหารกลางวันแล้ว
เห็นไหมว่า เราเอาไปปรับใช้ได้มากมายเลย (ลองเอาไปทำกันดู)
สำนวน to get back to + work / study = กลับไปทำงาน กลับไปเรียน
B: Well, let’s get together soon.
ถ้าอย่างงั้น แล้วนัดเจอกันแล้วกัน
สำนวนควรจำคือ Let’s get together soon.
= แล้วค่อยเจอกัน
A: Okay. Would you like to have lunch some day next week?
ตกลง อยากจะมาเจี๊ยะอาหารกลางวันด้วยกันไหมล่ะช่วงสัปดาห์หน้า
สำนวน Would you like to have lunch some time next week? มันน่าใช้มากเพราะถ้าจำเขาได้ เขาจะเป็นประโยคที่ดีมากขอบอก เราสามารถเอามาปรับใช้เป็น Would you like to have dinner some time next month? = เดือนหน้า อยากมาทานข้าวเย็นด้วยกันไหม
B: Sure. How about Monday?
ได้เลย วันจันทร์เป็นไง
A: Hmm. I’m afraid I can’t make it on Monday. I’ve got to fly to Chicago on business.
เดี๋ยวก่อน เกรงว่าจะไม่ได้นะวันจันทร์ ฉันต้องบินไปชิคาโกไปทำธุระ
สำนวน I’m afraid I can’t make it. = แปลเป็นไทยว่า ฉันเกรงว่าฉันคงทำไม่ได้ ใช้เป็นประโยคหากินอีกประโยตหนึ่งเลย เพราะเรามีอีกมากมายที่เราทำตามนั้นไม่ได้ เช่น Can you come to the meeting? มาประชุมได้ไหม หากไม่ได้ ก็ต้องตอบว่า I am afraid I can’t make it. = เกรงว่าจะทำไม่ได้
และ I’ve got to = I must
เช่น I’ve got to go. = ฉันต้องไปแล้ว = I must go.
B: Well, unfortunately I’m tied up on Tuesday. I’m supposed to have lunch with an important visitor from out of town, and I don’t think there’s any way I can’ get out of it. Are you free on Wednesday?
เอ้อ โชคไม่ดีเลยนะ ฉันก็ไม่ว่างในวันอังคารด้วยซิ ฉันน่าจะไปทานข้าวกับแขกคนสำคัญจากอีกเมืองหนึ่ง และฉันก็ไม่คิดว่าฉันจะปลีกตัวออกมาได้ คุณว่างวันพุธหรือเปล่าล่ะ สำนวน to be tied up ใช้ในเรื่องเงินๆทองๆก็จะหมายถึง เงินตึงตัว (ไม่ค่อยจะมีใช้อย่างสบายมือสบายเท้า) เช่น My money is tied up in the house. เงินตึงจังเลยช่วงนี้ และหากเอามันมาใช่บรรยายการจราจรก็จะหมายถึง การจราจรติดมากๆเช่น The traffic in this area is tied up all day. การจราจรในย่านนี้ติดทั้งวัน
สำนวน to be supposed to + กริยาไม่ผัน หมายถึง น่าจะ ควรจะ
สำนวน I don’t think there is any way I can’t get out of it. ใช้เวลาที่เราไม่สามารถปลีกตัวออกมาจากสถานการณ์ใดสถานการณ์หนึ่งได้
คำว่า unfortunately ก็เป็นอีกหนึ่งคำพูดที่ฝรั่งชอบเอาไว้ใช้ตอนที่รู้สึกว่าอยากทำอะไรแล้วทำไม่ได้ ตรงกับภาษาไทยว่า แย่จัง น่าเสียดาย โชคร้ายนะ เช่น
I will eat out. Unfortunately, you can’t join.
= ฉันจะไปทานข้าวนอกบ้าน เสียดาย ที่เธอมาด้วยไม่ได้
A: Wednesday? Let’s see. Hmm. Somehow I think I’ve already got something scheduled for Wednesday. Oh, yes! I’ve got an appointment with my dentist to have my teeth cleaned, and it’s essential that I keep it.
วันพุธหรือ ขอดูก่อน อือ คิดว่ามีอะไรต้องทำแล้วล่ะในวันพุธ โอ เกือบลืมไปว่ามีนัดกับหมอฟัน ให้หมอทำความสะอาดฟันและมันจำเป็นด้วยซิที่ต้องไปตามนัด
สำนวนว่า Let’s see. เป็นสำนวนพูดที่ดีมาก เหมือนกับภาษาไทยที่ว่า ขอดูก่อน ขอคิดดู แบบนี้เลย เวลาใครถามอะไร เรายังให้คำตอบในฉับพลันไม่ได้และจะประวิงเวลาใช้หัวหมองคิดดูแป๊บหนึ่ง แต่อย่านานเพราะสำนวนนี้ให้เวลาใช้แป๊ปเดียว
และสำนวน to have something scheduled . = มีสิ่งที่ต้องทำตามกำหนดการไว้แล้ว เอาไปใช้ทั้งดุ้นแบบนี้แหละ เช่นเวลาใครมาชวนไปทำอะไร ไม่ว่าง มีงานต้องทำ แบบผู้มีงานเยอะ และมีตารางว่าต้องทำโน่นทำนี่ ใช้ไปเลย Sorry! I’ve got something scheduled. ส่วนต้องการจะบรรยายเพิ่มว่า วันนั้นไม่ว่าง หรือเดือนนั้นไม่ว่าง ก็เอา for + เวลาลงไป สำนวนนี้เลย สำนวนว่า มีนัดกับใคร เขาใช้ว่า to make an appointment with + คนที่นัด It’s essential that I keep it. ก็จำเป็นที่ต้องไปตามนัดนั้น
B: Well, I am afraid Thursday is not okay for me. I’m expected to attend a meeting of our personnel committee, and it’s very important for me to be there.
เออ ฉันเกรงว่าวันพฤหัสนั้นฉันไม่ว่าง ฉันคาดว่าจะต้องเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการฝ่ายบุคคล และมันสำคัญสำคัญมากที่ฉันจะต้องอยู่ร่วมด้วย
สำนวน to attend the meeting = เข้าร่วมประชุม
เวลาต้องการใช้คำว่า เข้าร่วมใช้ attend ดีกว่า เท่ห์กว่ามากมาย อ่านว่า เออะ (เทนด์) แต่เวลามันอยู่รวมกัน ออกเสียงว่า เออะ (เทน) เดอะ (มี๊ท) ทิ่ง เสียง (เดอะ) มันไปรวมกับ (ธ = the แล้ว)
To attend the seminar = เข่าร่วมฟังสัมมนา
ใช้ได้แม้แต่ to attend the party = ไปงานเลี้ยง
ตั้งแต่งานฉลองวันเกิด to attend the birthday party , to attend a New Year’s party , to attend the Christmas party เรื่อยไปจนถึง
To attend the wedding = ไปร่วมงานเลี้ยงฉลองแต่งงาน จนถึง to attend the funeral = ไปงานศพ อ่านว่า (ฟิว) เหนอะ เริล เห็นไหมว่า ใช้ได้ตั้งแต่เกิดยันซี๊ม่องเท่งเลย
A: How about Friday? I don’t have any obligations or commitments on Friday. How about you?
ถ้างั้นวันศุกร์เป็นไง ฉันไม่มีธุระหรือพันธะอะไรในวันศุกร์ แล้วคุณล่ะ สำนวนว่า ไม่ว่าง เขาใช้ว่า obligations / commitments ดูจะฟังดูดีกว่า busy เยอะแยะ ออกเสียงว่า อ๊อบ หลิ (เก) เชิ่นส์) และ เคิม (มิ๊ท) เมิ่นส์) ตามลำดับ ในบทสนทนาบอกว่า ไม่มีธุระปะปัง I don’t have any obligations / commitments. แต่ถ้าจะบอกว่ามีธุระปะปัง เราก็ใช้ว่า I have some obligations/ commitments. ง่ายไหม แค่เอา not ออกไป อีกคำหนึ่งที่เขามักใช้กันคือ I have a prior engagement. หมายความว่า มีนัดไว้ก่อนแล้ว สำนวนนี้ดีมาก จำไปใช้ด่วนเลย คำว่า prior ก่อน อ่านว่า (พราย) เออร์ ความหมายเหมือน before แต่จะเอา before มาเที่ยวใส่แทนไม่ได้นะ ขอเตือน
B: Friday sounds good. Where should we meet?
วันศุกร์ก็ดีนะ แล้วเราจะพบกันที่ไหนดีล่ะ
A: You know, I really must be going now or I’ll be very late. Can you give me a call tomorrow and we’ll decide.
นี่แก ฉันต้องไปแล้วล่ะ ไม่งั้นสายแน่เลย ช่วยโทรหาฉันพรุ่งนี้แล้วเราค่อยตัดสินใจกัน ขอร้องให้จำไปใช้ทั้งประโยค เอาเป็นหุ่นยนต์เลยก็ได้ ใช้ดีมาก รับรองฝรั่งได้ยิน ต้องสงสัยแน่ว่า นี่ นี่ ยูไปเรียนภาษามาจากที่ไหนเนี่ยะ ไม่เชื่อลองดูก็ได้ แต่ต้องจำไปทั้งหมดนะ
ภาคประยุกต์ใช้ You know, เอาไว้ขึ้นประโยคที่ต้องการจะบอกว่า นี่ เธอก็รู้นี่
ประธาน + really must be + v ing. = ประธานต้องทำสิ่งนั้นจริงๆ เช่น
I really must be going to bed. = ฉันต้องไปนอนแล้วจริงๆ เดี๋ยวนี้ด้วย
You really must be taking a nap. = เธอต้องไปหลับสักงีบแล้วจริงๆ (ไม่ได้ล้อเล่น)
สำนวนช่วยโทรหาใช้ว่า Can you call me? ก็ได้ หรือ เอาให้เท่ห์อีกนิดหนึ่งก็ Can you give me a call? เหมือน I’ll call you. เปลี่ยนบ้างดิ ลองใช้ I will give you a call. ลองดู แล้วจะรู้ว่าคุรได้เปลี่ยนไปแล้วจริงๆ
B: Fine. Speak to you then.
ดี งั้นคุยกันแล้วกัน
A: Sorry to rush off like that.
ขอโทษด้วยที่ต้องรีบไปขนาดนั้น
สำนวน to rush off = รีบแบบด่วนจี๋ แบบจะต้องไปแล้วเลย ส่วน like that เพิ่มดีกรีความด่วน
B: That’s okay. I understand.
ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจ(แก)
A: Good-bye
ลาก่อนนะ
B: So long.
ลาก่อน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น