วันพฤหัสบดีที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2564

Cool

 Cool

คำนี้เป็นคำที่สั้นแต่ให้ความเจ๋งในการใช้เพื่อสื่อสารได้ดีไม่น้อย คำนี้ถูกนำมาใช้ในหลากหลายสถานการณ์ เรามาดูกันว่า จะเอามันมาใช้ให้เก๋ไก๋ได้ยังไงบ้าง
ความหมายแรกก็นี่เลย เจ๋ง สุดยอด ดีเลย เยี่ยมเลย เช่น

A: Do you want to eat out this evening?
= เย็นนี้ อยากออกไปกินข้าวข้างนอกไหม
B: Yeah, cool.
= เยี่ยมเลย

A : Would you care for a drink?
= อยากดื่มอะไรสักหน่อยไหม
B: Cool!
= สุดยอดเลย

ความหมายที่ 2 ความสงบ ความเยือกเย็น ศูนย์ คำนาม
He lost his cool when Dad blamed him.
= เขาเสียศูนย์ตอนที่พ่อตำหนิเขา

She managed to keep her cool in public.
= หล่อนสามารถเก็บอาการตื่นเต้น(อยู่ในความสงบ)ต่อหน้าผู้คนได้

ความหมายที่ 3 น่าตื่นเต้นมาก น่าสนใจมาก
A: I have just booked a flight to New York.
= ฉันซื้อตั๋วไปนิวยอร์คแล้ว
B: Wow! That’s so cool!
= สุดยอด น่าตื่นเต้นจัง

It’s pretty cool watching the sunrise from the top of the hill.
= มันน่าตื่นเต้นสุดๆที่ได้ดูพระอาทิตย์ขึ้นจากยอดเขา

ความหมายที่ 4 นิ่ง รักษาอาการสงบได้
He stayed cool when he was interviewed.
= เขานิ่งมากตอนถูกสัมภาษณ์ (ไม่ตื่นเต้น ไม่ประหม่า)

มาดูประโยคอื่นๆกัน
She looks so cool in those sunglasses.
= หล่อนดูมีเสน่ห์มากตอนใส่แว่นกันแดด

He is a very cool guy.
= เขาเป็นคนที่ดูดีมาก

You look cool with that new haircut.
= คุณดูดีจังกับผมทรงใหม่

The restaurant is really cool.
= ภัตตาคารเจ๋งมาก

They have a lot of cool ideas.
= เขามีความคิดเจ๋งๆ เยอะแยะ


อาจเป็นรูปภาพของ ท้องฟ้า, พื้นหญ้า, ต้นไม้ และ ธรรมชาติ

วันพุธที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2564

อาหาร

การบรรยายอาหารการกินเป็นอะไรที่ใกล้ตัวเอามากๆ ยิ่งอาหารพวกจานเดียว เน้นกินเร็ว เราจะมีวิธีสื่อสารกับคนต่างชาติอย่างไร มาดูกัน

อาหารประเภทผัด ให้ใช้คำว่า stir-fried เอาไปนำหน้าอะไรก็ตามที่อยากจะเอาไปผัด เช่น

ผัดกระเพราะ ก็ stir-fried basil
ผัดดอกกระหล่ำ ก็ stir-fried cauliflowers
ผัดผักบุ้งก็ stir-fried morning glory
ผัดมะเขือยาว ก็ stir-fried eggplants
ผักคะน้า ก็ Chinese kale
ผักบร็อคโครี่ก็ broccoli

สรุปว่า อยากจะผัดอะไรก็เอาผักไปใส่ไว้ได้ หรือบางรายที่กินแบบ creative จะเอาผลไม้ไปผัด ก็สามารถเอาไปใส่ได้เช่นกัน

แต่หากต้องการจะระบุว่า ใส่เนื้อสัตว์ลงไปก็เอาคำว่า with + เนื้อสัตว์ที่อยากใส่ ตามลงไปเช่น
Stir-fried basil with chicken = กระเพราะไก่
Stir-fried basil with pork = กระเพราะหมู
Stir-fried basil with beef = กระเพราเนื้อวัว
Stir-fried basil with buffalo meat= กระเพราเนื้อควาย
กุ้งตัวเล็กก็ shrimps
กุ้งใหญ่ก็ prawns
ปลาหมึกก็ squids
ปลาก็ fish
และหากอยากจะบอกว่า อยากได้ไข่หนึ่งฟองด้วยเดี๋ยวไม่อิ่ม
ก็ and an omelet ไข่เจียว
ไข่ดาว ก็ and a sunny-side-up egg (ไข่ที่มีรูปเหมือนดวงอาทิตย์หงายขึ้น ประมาณนั้น)

ส่วนข้าวผัดก็ใช้ fried rice นำหน้าไป ส่วนจะเอาโปรตีนอะไรเติมลงไปก็ใช้ with + แหล่งโปรตีนที่อยากจะใส่ เนื้อควาย เนื้อช้าง ก็เอาใส่ได้ถ้ามีคนกิน
มาถึงเมนูที่ใช้กระเทียมเป็นแก่น เช่น ผัดไก่กระเทียม ก็เอา Stir-fried + เนื้อสัตว์ with garlic เช่น
ไก่กระเทียม ก็ stir-fried chicken with garlic
หมูกระเทียม ก็ stir-fried pork with garlic
กุ้งกระเทียมก็ stir-fried prawns with garlic
เราจะไม่บอกว่า stir-fried garlic with pork มันจะกลายเป็นผัดกระเทียมใส่เนื้อหมู ทั้งนี้ก็สุดแล้วแต่

ส่วนผัดซีอิ๊ว ก็ใช้ว่า stir-fried noodles with soy sauce
ก็คือเอาก๋วยเตี๋ยวมาผัดใส่ซีอิ๊ว ตรงตัวไป ส่วนจะเส้นเล็กเส้นใหญ่ เส้นหมี่ อันนี้คงไม่ต้องลงรายละเอียด เพราะฝรั่งเขาไม่สนใจหรอก สั่งๆไปเหอะ เดี๋ยวก็หมดมื้อแล้ว แต่หากใครอยากรู้ก็เอาแบบกว้างๆไป
ถ้าเป็นเส้นบะหมี่ก็ egg noodles มันมีสีเหลืองเพราะทำจากไข่
แต่ถ้าเป็นเส้นสีขาวก็ white noodles ก็โอเค
เส้นใหญ่ใช้ thick
เส้นเล็กใช้ thin
และ glass noodles ก็คือ วุ้นเส้น ที่ใช้ glass เพราะมันใสเหมือนแก้ว
ส่วนมาม่า ไวไว ก็ใช้รวมๆว่า instant noodles หมายถึง ก๋วยเตี๋ยวที่เอามากินได้ในทันที

จากคำว่า instant หมายถึง ทันที เราจะพบเห็นคำนี้ค่อนข้างบ่อย หากมันมาปรากฏหน้าอาหารชนิดไหน ก็หมายถึงว่า เห็นแล้วไปหาน้ำร้อนน้ำเย็นมาละลายแล้วกระดกเข้าปากได้ทันที หรือในบางประเภท ก็เอามาเขย่าๆ แล้วเทลงคอได้เลย เช่น
instant coffee ก็คือ กาแฟที่เอามาชงกินได้ทันที นั่นเอง
แค่นี่ ก็สามารถสั่งอาหารให้ฝรั่งกินได้แล้ว

อาจเป็นรูปภาพของ ดอกไม้, ธรรมชาติ และ ท้องฟ้า

วันอังคารที่ 28 กันยายน พ.ศ. 2564

You have to face the reality.

 You have to face the reality.

= แกต้องเผชิญความจริง

My treat!
= ฉันเลี้ยงเอง

Do me a favor!
= ช่วยทำอะไรให้หน่อยซิ

I’m starving.
= หิวจะตายอยู่แล้ว

I’m stuffed.
= ฉันโคตรอิ่มเลย

Is that what you want?
= นั่นคือสิ่งที่เธออยากได้ใช่ไหม

Keep it up!
= สู้ๆ

Why are you still up?
= ยังไม่นอนอีกเหรอ

Forget it!
= ช่างมันเถอะ

Just ignore me!
= ไม่ต้องมาสนใจฉันหรอก

My life sucks.
= ชีวิตห่วยแตก

You’re not my type.
= คุณไม่ใช่สเป็กของฉัน



อาจเป็นรูปภาพของ นก และ ธรรมชาติ

วันจันทร์ที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2564

To survive

 To survive

รอดกลับมาได้

คำนี้สามารถนำเอาไปใช้ได้ในเกือบทุกสถานการณ์ ในทุกโอกาส เพราะทุกวันนี้ มนุษย์เราก็มีอยู่สองอย่าง สู้ หรือทำอะไรเพื่อความอยู่รอด หรือก็จบเห่

We need to do everything only to survive.
= เราทำทุกอย่างเพื่อความอยู่รอด

He could survive the crash.
= เขารอดจากอุบัติเหตุรถชนกัน

เรียกว่า รอดพ้นจากอะไรที่มันแย่ๆ ก็เอาไอ้ที่แย่ๆนั่นแหละมาใส่หลังคำว่า survive ได้หมด เช่น

Eventually I survived the bankruptcy.
= ในที่สุดก็รอดจากการล้มละลายมาได้

He survived the arrest.
= เขารอดจากการถูกจับกุม

She survived the accident
= หล่อนรอดจากอุบัติเหตุ

We will survive Covid-19 together.
= พวกเราจะสู้โควิด 19 ไปด้วยกัน

I don’t think he can survive Covid-19.
= เห็นท่า เขาจะไม่รอดจากไอ้โควิดแน่

Those children survived the poverty by begging and stealing.
= พวกเด็กๆรอดพ้นจากความยากจนด้วยการขโมยและขอทาน

และหากต้องการจะบรรยายว่า อยู่รอดด้วย
เราสามารถใช้ว่า to survive on + สิ่งที่ทำให้อยู่รอด เช่น

I can survive on water for two days.
= ฉันสามารถอยู่รอดได้ด้วยน้ำเป็นเวลา 2 วัน

They spent two months in the forest, surviving on fruit and plants.
= พวกเขาใช้เวลาในป่าไป 2 เดือน อยู่รอดได้ด้วยผลไม้และพืช

I can survive on 50 baht a day.
= ฉันสามารถอยู่ได้ด้วยเงิน 50 บาทต่อวัน

สรุปว่า ประโยคที่สามารถใช้ได้ทุกสถานการณ์คือ
Don’t worry! I will survive the crisis.
= ไม่ต้องห่วงเลย ฉันเอาตัวรอดได้

คำว่า crisis ก็คือ วิกฤติ ใช้กับอะไรก็ตามที่เราคิดว่าเป็นวิกฤติของเรา เป็นคำกว้างๆ และเมื่อพูดออกไปก็จะเป็นที่รู้กันดีว่า มันคืออะไรเพราะบริบทมันบังคับอยู่แล้ว

ทุกวันนี้ก็คงจะไม่พ้น โควิด เศรษฐกิจ ตกงาน โดนทิ้งโดนเท และอื่นๆอีกมากมาย



อาจเป็นรูปภาพของ ดอกไม้, ธรรมชาติ และพื้นหญ้า


วันอาทิตย์ที่ 26 กันยายน พ.ศ. 2564

Survival

 Survival

การอยู่รอด

His only chance of survival is going to the US.
= โอกาสรอดเดียวของเขาก็คือไปอยู่อเมริกา

Her only of survival is chemotherapy.
= โอกาสรอดเดียวของหล่อนก็คือ ใช้เคมีบำบัด

The doctor gave Dad only a 50% chance of survival.
= หมอบอกโอกาสรอดของพ่อคือ 50-50

The chance of survival is 50%
= โอกาสรอด 50-50 เป็นประโยคที่เอาไปใช้ได้ในทุกสถานการณ์

The survival of the fittest เอาไว้ใช้พูดตอนที่ต้องการจะบอกว่า ใครก็ตามที่อยู่รอดได้เพราะปรับตัวได้เร็วที่สุดนั่นเอง


อาจเป็นรูปภาพของ แหล่งน้ำ, ต้นปาล์ม และธรรมชาติ