วันอาทิตย์ที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Make time to enjoy the good things in life

Make time to enjoy the good things in life, without feeling guilty, or feeling pressure to be fulfilling some obligation.


หาเวลาเพลิดเพลินกับสิ่งดีดีในชีวิต โดยที่ไม่ต้องรู้สึกผิดหรือรู้สึกกดดันในทำหน้าที่ของชีวิต


ศัพท์สำนวน

สำนวน Make time to + กริยา หมายถึง หาเวลา จัดเวลาเพื่อที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น

You need to make time to relax.
= คุณต้องจัดหาเวลาเพื่อที่จะพักผ่อน

Parents need to make time to take children to travel.
= พ่อแม่จำเป็นต้องจัดเวลาเพื่อพาลูกๆไปเที่ยวบ้าง

สำนวน to enjoy the good things in life = เพลิดเพลินสิ่งที่ดีๆในชีวิต

Without feeling + ความรู้สึก ในที่นี้คือ guilty ที่รู้สึกผิด เป็นคำคุณศัพท์ เช่น

I feel guilty about forgetting your birthday.
= ฉันรู้สึกผิดจังที่ลืมวันเกิดของเธอ

To feel pressure to do something = รู้สึกกดดันในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น

He feels pressure to work with his boss.
= เขารู้สึกกดดันที่ทำงานกับเจ้านาย

ส่วนสำนวน to be under pressure to + กริยา สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็จะหมายถึง อยู่ใต้แรงกดดันในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น

We are under pressure to work on this project.
= เราทำโครงการภายใต้แรงกดดัน

ส่วนสำนวน to fulfill one’s obligation ก็จะหมายถึง ทำภารกิจให้ลุล่วงไป

คำว่า obligation หมายถึง ภาระ หรือ สิ่งที่ต้องทำ

สำนวนที่จะเจอในการใช้คำนี้มีดังต่อไปนี้

to have an obligation to do something = มีภาระหรือหน้าที่ที่ต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง = to be under obligation to do something

หากทำเสร็จแล้วสามารถใช้ว่า to meet / fulfill an obligation

to owe someone an obligation = เป็นหนี้คนใดคนหนึ่ง รู้สึกว่าจะต้องหาทางทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งให้อีกคน เช่น

I feel that I owe her an obligation.
= ฉันรู้สึกว่าฉันต้องทำอะไรให้เธอสักอย่างเพื่อเป็นการตอบแทน (เหมือนเป็นบุญคุณอะไรทำนองนั้นเลย)

และในที่สุดทุกคนต้องมี a sense of obligation = สำนึกในภาระหน้าที่


อาจเป็นภาพระยะใกล้ของ ดอกไม้ และธรรมชาติ

วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

Real optimism is aware of problems

 Real optimism is aware of problems,

but recognizes solutions; knows about difficulties, but believe they can be overcome;
see the negatives , but accentuates the positives;
is exposed to the worst, but expects the best;
has reason to complain, but chooses to smile.

การมองโลกในแง่ดีที่แท้จริงคือการตระหนักรู้ถึงปัญหา
แต่ก็รู้ว่ามีทางออก รู้ว่ามีอุปสรรคแต่เชื่อว่าเอาชนะได้
เห็นเรื่องลบๆแต่มองให้เป็นบวกได้มากขึ้น
เจอสิ่งแย่ที่สุดแต่ก็หวังแต่สิ่งที่ดีที่สุด
มีเหตุผลที่จะโวยวายแต่เลือกจะยิ้ม

สำนวนควรรู้

is aware of มาจาก to be aware of หมายถึง ตระหนักรู้ถึง ใช้กับอะไรก็ได้ ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ อันตราย แถวๆนั้น เช่น

He is aware of the problem, so he can solve it without effort.
= เขา(ตระหนักรู้) รู้ถึงปัญหา ดังนั้น เขาสามารถแก้ปัญหาได้โดยไม่ยาก

(ฝึกการใช้คำนี้แทน easily เพราะมันดีกว่าเยอะ คำว่า effort หมายถึง ความพยาม สรุปว่า without effort หมายความว่า ไม่ต้องใช้ความพยายามอะไรเลยครับผม)

Nowadays, people are aware of environmental issues.
= ทุกวันนี้ คนเราตระหนักรู้ถึงปัญหาสิ่งแวดล้อม

โครงสร้างต่อไปคือ to be exposed to มักจะปรากฏตามนี้

สิ่งใดหรือใคร + to be exposed to + สิ่งใด จะหมายถึง คำนามตัวแรกถูกนำไปเจอคำนามตัวที่ 2 เช่น

The patient looked lively when he was exposed to sunlight and fresh air.
= คนไข้ดูมีชีวิตชีวาขึ้นเมื่อพาเขาไปเจอแสงแดดและอากาศที่สดชื่น

She was a little bit shy when she was exposed to media.
= หล่อนออกจะอายเล็กน้อยเมื่อเจอสื่อ

The kid was scared when he was exposed to criticism.
= เด็กรู้สึกกลัวเมื่อเจอคำวิจารณ์

การนำมาปรับใช้ ให้หาโครงสร้างที่ชอบมาก่อน ในที่นี้ ขอยัดเยียด
When you are aware of problems, you can recognize solutions.
When you are aware of failure, you can recognize success.
When you are aware of mistakes, you can recognize improvement.
When you are aware of bad things, you can recognize good things.
When you are aware of the negatives, you can recognize the positives.
When you are aware of bad things, you can recognize good things.
When you are aware of the worst, you can recognize the best.

to accentuate
= เน้นให้เห็นถึง

optimism = การมองโลกบวก
ตรงข้ามคือ pessimism = การมองโลกลบ

to recognize = ตระหนักรู้

the negatives = สิ่งลบๆ สิ่งร้ายๆ

the positives = สิ่งบวกๆ สิ่งดีๆ

to have reason to complain
= มีเหตุผลที่จะโวยวาย

to choose to smile
= เลือกที่จะยิ้ม

There is reason to + v จะหมายถึง มีเหตุผลที่เหมาะสม หรือมีเหตุผลที่ดี ที่จะทำสิ่งนั้น เช่น

There is reason to feel guilty.
= มีเหตผลที่ดีที่จะรู้สึกผิด

There is reason to complin.
= มีเหตผลที่ดีที่จะโวยวาย

There is good reason to believe you.
= มีเหตุผลที่ดีที่จะเชื่อคุณ

There is reason to love her.
= มีเหตุผลที่ดีที่จะรักหล่อน

และหากต้องการจะใช้ในรูปของปฏิเสธ ก็สามารถเอาไอ้ “no” ไปใส่ไว้หน้าคำว่า reason ก็จะหมายว่า ไม่มีเหตุผลที่ดีที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น

There is no reason to cry.
= ไม่มีเหตุผลที่ดีที่จะร้องไห้

There is no reason to panic.
= ไม่มีเหตุผลที่ดีที่จะแตกตื่น

และประโยคอื่นๆข้างบน สามารถทำแบบนี้ได้หมด เอา “no” ไปวางไว้ข้างหน้า และจะมีความหมายตรงข้ามหมดเลย

ไม่มีคำอธิบายรูปภาพ

วันอังคารที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

No Sweat!

 No Sweat!

เวลาที่ต้องการจะบอกใครหรือแม้ตัวเราเองว่าอย่าไปกังวลเรื่องอะไรก็ตามที่กำลังทำอยู่ หรือจะทำในชีวิต ทำนองว่า เฮ้ย เรื่องมันเล็กน้อย เรื่องมันกล้วยๆ ไม่มีปัญหา คำพูดทำนองนี้ ฝรั่งเขาใช้ว่า No Sweat! หมายถึง อย่าไปเสียเหงื่อกับมันเลย คำว่า sweat หมายถึง เหงื่อ (เวลาเราทำอะไรหนักๆ เหงื่อมันก็จะออก เพราะฉะนั้นก็อย่าไปจริงจังกับมันมาก มันไม่คุ้มค่ากับเหงื่อที่ออกไปสักหน่อยเพราะในโลกนี้มีอะไรที่ต้องทำอีกเยอะมากจริง) เรื่องจิ๊บๆ ส.บ.ม (สบายมาก)

I can finish it for you, no sweat.
= ฉันทำให้เธอเอง ไม่มีปัญหา (เรื่องจิ๊บๆ) เดี๋ยวจัดการให้

No sweat. We can always get together next time.
= ไม่มีปัญหา (เรื่องจิ๊บๆ) เรามาเจอกันคราวหน้าก็ได้ (จะไปซีเรียสกับมันทำไม)

No sweat. It's not that big of a deal.
= อย่าไปจริงจัง ไม่ใช่เรื่องใหญ่เรื่องโตอะไรสักหน่อย

A. "Can you have my computer fixed by tomorrow? I really need it for work."
= พรุ่งนี้ ช่วยเอาคอมพิวเตอร์ไปซ่อมให้หน่อยซิ ฉันต้องใช้ทำงานจริงๆนะ
B. "No sweat. I should be able to have it to you by then."
= บ่ มีปัญหา (สบายมาก เรื่องจิ๊บๆ) ) ฉันจะเอาไปทำให้ทันสบายๆเลย

ประโยคอื่นที่จะสามารถเอาไปใช้พูดแทนกันหากอยากได้ความหลากหลาย เพราะคนเรามันขี้เบื่อ

"No problem." หรือ "It's not a big deal."


อาจเป็นรูปภาพของ ธรรมชาติ และต้นไม้

วันจันทร์ที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

I don’t fix my problems

 I don’t fix my problems.

I fix my thinking.
The problems fix themselves.
ฉันไม่ได้แก้ปัญหา
ฉันแก้มุมมองของตัวเอง
ปัญหามันแก้ไขตัวมันเอง

อาจเป็นรูปภาพของ ธรรมชาติ

วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2564

People will forget what you said

 People will forget what you said.

People will forget what you did…
but people will never forget how you made them feel.
คนมักจะลืมสิ่งที่เราพูด
คนมักจะลืมสิ่งที่เราทำ
แต่จะไม่มีวันลืมความรู้สึกที่เราทำกับเขา

ศัพท์สำนวน

To forget + something / someone = ลืมคนใดคนหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น

My grandma always forgets everything.
= ย่าของฉันลืมทุกอย่างแล้ว

I try to forget you, but it’s hard.
= ฉันพยายามจะลืมเธอแต่ก็ยาก

I will forget what happened here.
= ฉันจะลืมทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่

To forget about + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง ลืมสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น

I can’t forget about the argument.
= ฉันไม่สามารถลืมเกี่ยวกับข้อถกเถียงกันได้

To forget the whole thing = ลืมมันไปซะ

ลืมทุกสิ่งไปซะ เช่น
If we can’t work on this project, we have to forget the whole thing.
= ถ้าเราไม่สามารถทำโครงการนี้ได้ ก็ลืมทุกอย่างไปได้เลย

คำพูดที่น่าจำไว้ใช้ เวลาเราต้องการพูดปลอบใจให้ใครเลิกสนใจในสิ่งไหนก็คือ
Forget it!
= ลืมมันไปซะเถอะ

I forget myself.
= ฉันลืมตัว

ทำอะไรที่งี่เง่าหรือน่าอับอาย เช่น
Oh! I forget myself again.
= ตายล่ะ ทำอะไรงี่เง่าอีกแล้ว

และ I’ll never forget that! = ฉันจะไม่มีวันลืมสิ่งนั้นเลย

ส่วนสำนวนสุดท้าย คือ ลืมไปหรือเปล่าว่า

Aren’t you forgetting that……?
Haven’t you forgotten that….?
เช่น

ลืมไปหรือเปล่าว่าจะต้องไปเรียนพรุ่งนี้
= Aren’t you forgetting that tomorrow you have class?

หรือ ลืมไปหรือเปล่าว่ามีนัดกับหมอ
= Haven’t you forgotten that you have an appointment with a doctor?


อาจเป็นรูปภาพของ ธรรมชาติ, ต้นไม้ และถนน