วันพฤหัสบดีที่ 29 เมษายน พ.ศ. 2564

Happy

 Happy

ความรู้สึกสุข คงไม่มีใครไม่อยากรู้สึก เพราะในชีวิตเรามันทุกข์มาตลอด ถ้าจะสุขก็ตอนที่เป้นเด็ก ที่ไม่ทุกข์เพราะมันไม่มีอะไรต้องคิด เกิดมาพ่อแม่ลุงป้าน้าอาเขาก็เอาอาหารยัดใส่ปาก เราแค่เคี้ยวแล้วกลืน ตามด้วยน้ำ พออิ่ม หนังตาก็ตก เข้านอน ถึงเวลาเอามันออก ก็ตด ก็ถ่ายตามธรรมชาติที่เรียกร้องให้ทุกอย่างมันหมุนเวียนตามนั้น ยิ่งโต ก็ยิ่งสุขน้อย เรียกว่า ความสุขเริ่มหดหายตามอายุ แล้วยิ่งแก่ ก็ยิ่งทุกข์เยอะ ไอ้ที่ทุกข์เยอะเพราะคิดเยอะ แล้วทำไมต้องคิดเยอะ ก็เพราะคิดไม่น้อยไงล่ะ คนเราทุกข์เพราะความคิดทั้งนั้น ความคิดของเรามันไม่เท่าไรหรอก แต่พอเอาความคิดของคนอื่นมาช่วยคิดนี่ซิ มันปวดประสาทจริงๆ พอโตมา เราก็ต้องมีหน้าที่ มีความรับผิดชอบมากขึ้น ต้องเลี้ยงดูพ่อแม่ เป็นการตอบแทน การได้เจอผู้คนมากหน้าหลายตา ก็มีทั้งทุกข์และสุข แต่เอาเข้าจริง มันทุกข์มากกว่าสุขเป็นไหนๆ เราจึงต้องถามหาจิตแพทย์ ซึ่งท่านก็เป็นโรคจิตเหมือนเรานั่นแหละ แต่ท่านรู้จักการบริหารโรคได้ดีกว่าเรา คนเราทุกวันนี้จึงพยายามหาใครสักคน อะไรสักอย่างมาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ เอาไว้โหน เอาไว้เกาะ เพราะใจมันหวิว ใจมันเหวง เอ้า มาถึงไหนแล้วเนี่ยะ พูดถึงความสุขอยู่ดีๆ ดันออกทะเลไปโน่น โอเค ดึงกลับมา ความสุขเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนา เมื่อมีความสุข เราก็ต้องอยากบอกให้คนทั้งโลกรู้ว่า เฮ้ย ตรูมีความสุขว่ะ ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะอยากจะบอกคนรอบข้างว่า ตรูทุกข์มานานนมแล้ว ขอสุขบ้างเถอะก่อนตาย ให้คนมันอิจฉาเล่น เอาแบบนั้น เอาล่ะ เมื่อมีความสุข เราจะมีวิธีสื่อสารกับฝรั่งเขายังไงดี ก่อนอื่น ก็ต้องรู้ก่อนว่า ฝรั่งเขาสื่อสารกันอีท่าไหน เพราะความสุขมันคืออารมณ์ชนิดหนึ่งที่ต้องหาสำนวนเจ๋งๆ มาใช้เพราะมันจะได้มันส์ในอารมณ์ยังไงล่ะ สะใจดีออก
สำนวนแรกก็คือ I’m happy. =ตรูสุข แต่นี่มันพื้นๆเบาๆ ใครๆก็รู้ แต่เราสามารถเอามันมาทำปู้ยี่ปู้ยำได้ โดยใช้ว่า
I haven’t been this happy in a long time.
= โอย ไม่เคยมีความสุขแบบนี้มาตั้งนานแล้ว
ภาษาไทยเราก็มีใช่ไหม เพราะฉะนั้น เวลาต้องการจะป่าวประกาศว่า เฮ้ย ตรูมีความสุขมากแบบไม่เคยรู้สึกแบบนี้มานาน ก็ใช้ประโยคนี้พูดไปเลย จะได้หายอึดอัด การได้พูดถือเป็นการเอาความทุกข์ออกไปจากอกด้วย
หรือ I don’t think I can be any happier right now.
= ไม่คิดว่าจะมีความสุขได้มากกว่านี้
ซึ่งก็หมายความว่า มีความสุขที่สุดแล้วนั่นเอง หรือจะพูดว่า
I feel I am the happiest person on earth. ก็ได้ แบบเว่อร์ๆไปเลย
= ฉันรู้สึกว่าตัวเองมีความสุขที่สุดในโลกหล้า
ทีนี้ พอเราเริ่มเปิดประเด็นความสุข เราก็ต้องบอกว่า ไอ้ที่สุขนั้น มันเรื่องอะไร ซึ่งก็ตามเคย เราสามารถใช้สำนสนเปิดประเด็นความสุข แล้วต่อด้วยสิ่งที่ทำให้เกิดความสุข เช่น
I am so /very happy. / I don’t think I can be any happier right now. ต่อด้วย
I got a new job . = ได้งานใหม่
I got a new girlfriend. = มีแฟนใหม่
I got a promotion. = ได้เลื่อนตำแหน่ง
I got a lot of money. =ได้เงินเยอะแยะ
I got a good grade. = ได้เกรดดี
โอยเยอะแยะไปหมด
ทีนี้ลองเอาแต่งเป็นประโยคยาวๆกันสักหน่อย เอาไปพูดก็ได้ เอาไปเขียนก็ดี เช่น
I am so happy when / because + S + V
I am so happy when / because I got a new job.
= ดีใจจังที่ได้งานใหม่
เอาเหตุปัจจัยข้างบนมาเขียนต่อให้หมด ก็จะได้ประโยคที่โอเคแล้ว
หรือ I am always happy when mom gives me money.
= ฉันมักจะมีความสุขตอนแม่ให้เงิน
I am always happy when dad comes to see me.
= มีความสุขตอนพ่อมาหา
I am always happy when I talk to you.
= มีความสุขตอนที่ได้คุยกับเธอ
I am happy when I see you smile.
= มีความสุขตอนเห็นรอยยิ้มของเธอ
I am very happy when I watch TV.
= ฉันมีความสุขตอนดูทีวี
หรือ I am happy when I do nothing.
= ฉันมีความสุขตอนที่ไม่ทำอะไร
เห็นไหมว่า บรรยายได้หมด ใช้โครงสร้างนี้เลย เอาแบบง่ายๆปัญญาอ่อนนี่แหละ อย่าซับซ้อน ความสุขมันต้องเรียบง่ายเหมือนการใช้ภาษา ภาษาที่ดีต้องเรียบง่าย เพราะถ้ายาก ชีวิตมันก็ยากตามไปด้วย
ทีนี้ ก็มาถึงตอนที่เราต้องการจะบรรยายว่า เราจะมีความสุขถ้า... เริ่มมีเงื่อนไข พอมีเงื่อนไข ชีวิตเราก็จะไม่มีความสุขแล้ว จริงไหม
I will be happy if you always agree with me.
= ฉันจะมีความสุขถ้าเธอไม่ขัดฉัน
Mom will be happier if you call to say “ I love her”.
= แม่จะมีความสุขถ้านายโทรไปบอกว่า รักแม่
I will be happy when that happens.
= ฉันจะมีความสุขถ้าสิ่งนั้นเกิด
I will be happy if I get a job.
= ฉันจะมีความสุขถ้าได้งานใหม่
I don’t think dad will be happy if you do that.
= ฉันคิดว่าพ่อไม่ปลื้มแน่ๆถ้าทำแบบนั้น
หากเราเห็นใครมีความสุข เราก็ต้องแสดงความยินดีด้วย ซึ่งสามารถใช้ว่า
I ‘m so happy for you. That’s wonderful news.
= มีความสุขด้วย ที่ได้รับข่าวดี
Congratulations on your graduation. I am so happy for you.
= ขอแสดงความยินดีด้วยที่เรียนจบ มีความสุขด้วย
Congratulations on your marriage . I am so happy for you.
= ขอแสดงความยินดีด้วยที่ได้แต่งงาน มีความสุขด้วย
Congratulations on your new job. I am so happy for you.
= ขอแสดงความยินดีด้วยที่ได้งานทำใหม่ มีความสุขด้วย
Congratulations on your success. I am so happy for you.
= ขอแสดงความยินดีด้วยที่ประสบความสำเร็จ มีความสุขด้วย
เอาคำว่า Congratulations on your + สิ่งดีๆที่เกิดขึ้น .
I am so happy for you. = ยินดีด้วยที่.....สิ่งดีๆ มีความสุขด้วย เอาไปเขียน เอาไปพูดได้เลย
ป.ล. คำว่า Congratulations มี “s” เสมอ เพราะอะไรไม่ต้องถาม
นอกจากนี้ ก็ยังมีข้อความที่ใช้แสดงถึงความสุขได้อีก เช่น
I am feeling pretty good.
= ตอนนี้รู้สึกมีความสุขจัง
I’m in a very good mood.
= อารมณ์ดีมากมาก
I feel great / wonderful / terrific/ so good.
= มีความสุขมาก
เลือกเอามาหนึ่งเดียวพอ อย่าพูดทีเดียวทั้งหมด เดี๋ยวเขาจะหาว่าเราติงต๊อง
หรือจะเป็นประโยคเก๋ๆ แบบว่า It feels so good + Ving เช่น
It feels so good talking to you.
= รู้สึกดีมากมากที่ได้คุยกับคุณ
It feels so good listening to music.
= รู้สึกดีมากมากที่ได้ฟังเพลง
It feels so good listening to your complaints.
= รู้สึกดีมากมากที่ได้ฟังเธอบ่น
It feels so good working with a kind boss.
= รู้สึกดีมากมากที่ได้ทำงานกับหัวหน้าใจดี
หรือ This is so awesome. I can’t believe this happened.
= ยอดเยี่ยมมาก ไม่อยากเชื่อเลยว่ามันจะเกิดแบบนี้
I got everything I ever wanted. I feel so blessed.
= ฉันได้ทุกอย่างที่เคยอยากได้ ฉันโชคดีจริงๆ ฉันมีความสุขมากจริงๆ
นอกจากนี้ ก็ยังมีสำนวนอื่นๆที่เอาไปใช้ได้อีกดังนี้
I feel like I’m in paradise.
= รู้สึกกว่าเหมือนอยู่บนสวรรค์
I feel like I’m on top of the world.
= รู้สึกเหมือนอยู่บนจุดสูงสุดของโลก
I feel like a king / a queen.
= รู้สึกเหมือนเป็นพระราชา ราชินี
เอาก็ว่ากันไป ชอบแบบไหน เลือกช็อปเลย
อาจเป็นรูปภาพของ ต้นไม้, ธรรมชาติ และแหล่งน้ำ

วันพุธที่ 28 เมษายน พ.ศ. 2564

Life is not about competing against others

 Life is not about competing against others, but life is about competing against yourself

Make sure you are better than you were yesterday.
Make sure every day you are growing , developing, learning and experiencing new things.
Life is meant to be appreciated not to compete.
Competition makes life suffer.
We are here to observe our own mind and develop it.

ชีวิตไม่ใช่การแข่งกับใครแต่เป็นการแข่งกับตัวเอง
ตรวจดูให้แน่ใจว่าวันนี้ ชีวิตเราดีกว่าวันก่อน
ในทุกวัน เรากำลังเติบโต พัฒนา เรียนรู้และพบเจอสิ่งใหม่ๆ
จุดหมายของการมีชีวิตคือการได้ชื่นชมชีวิตไม่ใช่แข่งขัน
การแข่งขันทำให้ชีวิตเกิดความทุกข์
เรามาปรากฏบนโลกเพื่อสังเกตใจตัวเองและพัฒนาใจนั้น


สำนวนควรรู้

To be about = เกี่ยวกับ เช่น
The book is about history.
= หนังสือเล่มนี้เกี่ยวกับประวัติศาสตร์
คำว่า to compete หมายถึง แข่งขัน ตามด้วย against กับใครหรือสิ่งใด จะใช้ with ก็ได้ อันหลังตรงกับภาษาไทยมากกว่า แต่หากต้องการจะบอกว่า แข่งขันเพื่ออะไร ก็ใช้ for ไปตามนั้น เช่น
The local firm must adjust itself to be able to compete with / against the global firm.
=บริษัทในประเทศต้องปรับตัวเพื่อที่จะสามารถแข่งขันกับบริษัทระดับโลกได้
It is difficult for a small shop to compete with / against the big supermarkets.
= ยากนะที่ร้านเล็กๆจะแข่งขันกับซุบเปอร์มาร์เก็ตขนาดใหญ่ได้
Nowadays, new graduates are competing for jobs.
= ตอนนี้ บัณฑิตจบใหม่กำลังแข่งกันหางาน
The hotels are launching a campaign to compete for customers.
= โรงแรมกำลังรณรงค์เพื่อหาลูกค้า
สำนวน Make sure (that) S + V หมายถึง ตรวจดูให้แน่ใจนะว่า.... เช่น
Make sure that he is ok.
=ตรวจดูให้แน่ใจว่าเขาไม่เป็นอะไรนะ
Make sure you have locked the door.
= ตรวจดูให้แน่ใจว่าใส่กุญแจประตูแล้ว
Make sure you can complete the project.
=ตรวจดูให้แน่ใจว่าสามารถทำโครงการให้ลุล่วงได้นะ
I just called to make sure that you are safe at home .
= โทรมาเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่าถึงบ้านปลอดภัย
He walks her home every day just to make sure that she is safe.
= เขาเดินไปส่งเธอที่บ้านทุกวันเพื่อตรวจดูให้แน่ใจว่า เธอปลอดภัย
Life is meant to be appreciated not to compete.
= ชีวิตถูกสร้างมาเพื่อให้เราชื่นชมไม่ใช่ไปแข่งขัน
ที่อยู่ในรูปของผู้ถูกกระทำ หมายถึง ชีวิตถูกสร้างมาเพื่อถูกชื่นชม
โครงสร้างว่า to be meant to V = ถูกสร้างมาเพื่อ หรือมีเจตนาที่จะ เช่น
The smartphone is meant to entertain users.
= โทรศัพท์อัจฉริยะถูกทำมาเพื่อให้ความบันเทิงกับผู้ใช้
New Year’s Day is meant to bring people together.
= วันปีใหม่มีเจตนาเพื่อให้คนมาอยู่ด้วยกัน
Wheelchairs are meant to help helpless patients.
= รถเข็นถูกสร้างมาเพื่อช่วยคนไข้ที่ช่วยตัวเองไม่ได้

อาจเป็นรูปภาพของ ดอกไม้ และธรรมชาติ

วันอังคารที่ 27 เมษายน พ.ศ. 2564

It takes courage to live...

 It takes courage to live according to your own convictions and to accept others as they are.


ต้องใช้ความกล้าที่จะมีชีวิตตามความเชื่อของเรา ยอมรับคนอื่นในแบบที่เขาเป็น


อาจเป็นรูปภาพของ กุหลาบ, กลางแจ้ง และต้นไม้

วันจันทร์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2564

The rich never have enough money

 The rich never have enough money,

and the powerful
never have enough power.
Let us reflect:
the best way to satisfy
all our desires
and make all our plans
come to fruition
is to let them go.
Dilgo Khyentse Rinpoche
คนมั่งคั่ง ร่ำรวย จนล้นฟ้า
แสวงหา แต่อำนาจ ไม่หยุดยั้ง
ยิ่งมีมาก ใจยิ่งล้า อ่อนกำลัง
ใจคนนั้น อิ่มเอมได้ ถ้าเริ่มพอ
ศัพท์สำนวน
คำคุณศัพท์ เช่น rich(ร่ำรวย), poor (ยากจน), blind (ตาบอด) deaf (หูหนวก) stupid (โง่) หากนำคำเหล่านี้มาใส่คุณ “the” ก็จะหมายถึง พวกคนเหล่านั้น พูดง่ายๆว่า หมายถึง คนทั้งกลุ่ม ซึ่งก็ต้องใช้กริยาในรูปพหูพจน์ เช่น
The rich like to travel overseas.
= คนรวยชอบเที่ยวต่างประเทศ
The blind need help from the government.
= คนตาบอดต้องการความช่วยเหลือจากภาครัฐ
กลอนที่ยกมาให้ดูนั้นมีความหมายที่ดีมากคือ
The rich never have enough money = พวกคนรวยไม่เคยที่จะเพียงพอหรอก และพวก The powerful never have enough power. = คนที่มีอำนาจก็ไม่เคยเพียงพอในอำนาจที่ตนมี
สำนวน to reflect หมายถึง นั่งคิดใคร่ครวญดู
The best way to satisfy all our desires and make all our plans come to fruition is to let them go.
เป็นคำพูดที่ดีมากซึ่งหมายถึง วิธีที่ดีที่สุดที่จะทำให้ความปรารถนาหรือความต้องการทั้งหมดของเราพอใจและทำให้แผนการทั้งหมดนั้นบรรลุผลงอกงามก็คือ ปล่อยมันไป
สำนวน The best way to…… is…. วิธีที่ดีที่สุดที่จะ…. เช่น
The best way to get a good grade is to study hard.
= วิธีที่ดีที่สุดที่จะได้เกรดดีๆก็คือ ขยันให้มากๆ
ส่วนคำว่า to satisfy นั้นหมายถึง ทำให้พอใจ เช่น
The grades satisfy me a lot.
= เกรดนั้นทำให้ฉันพอใจมาก เป็นต้น
สำนวน to come to fruition นั้นหมายถึง เจริญงอกงาม มาจากคำว่า fruit ซึ่งหมายถึง ผลหมากรากไม้ นั่นไง อะไรที่มีผล มันก็งอกงาม
สำนวน to let them go = ปล่อยมันไป เป็นสำนวนอมตะมาก หากเป็นสิ่งเดียวก็ to let it go
บางครั้งเราอาจจะเห็นสำนวนว่า to let go of + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็คือ ปล่อยวางนั่นเอง เช่น
If we want to have a piece of mind, we need to let go of the sadness and worry.
= หากเราต้องการจะมีความสงบในใจ เราต้องปล่อยวางความเศร้าและความกังวลไปซะ

อาจเป็นรูปภาพของ ดอกไม้ และธรรมชาติ