วันพฤหัสบดีที่ 29 มิถุนายน พ.ศ. 2560

มองมาที่ใจ

There is no need to search outside yourself to find answers. Others can shine a light that helps you to see, but you are still doing the seeing.

ไม่จำเป็นต้องไปหาคำตอบที่ไหนไกล หาจากใจเราเอง คนอื่นสามารถให้คำตอบได้ แต่อย่างไรก็ตาม เราก็ต้องเห็นเอง

สำนวน
There is no need + to + กริยา หมายถึง ไม่มีความจำเป็นที่ต้องทำแบบนั้น เช่น
There is no need to work that hard. We don’t need much money.
= ไม่จำเป็นต้องทำงานหนักขนาดนั้น เราไม่ได้ร้อนเงิน
There is no need to hurry. We have plenty of time.
= ไม่จำเป็นต้องรีบ เรามีเวลาเหลือเฟือ
There is no need to shout. I am not deaf.
= ไม่จำเป็นต้องตะโกน ฉันไม่ได้หูหนวก
There is no need to complain because it won’t help.
= ไม่จำเป็นต้องโวยวายเพราะมันไม่ได้ช่วยอะไร
หรือจะใช้ว่า There is no need (for + ใคร) to do สิ่งใดก็ได้ เช่น
There is no need for you to stay with me. I am strong enough.
= คุณไม่จำเป็นต้องอยู่หรอก ฉันแกร่งพอ
There is no need for you to feel sorry for me. I am okay.
= คุณไม่จำเป็นต้องมาสงสารฉันหรอก ฉันไม่เป็นอะไร
There is no need for you to come if you don’t want to.
= คุณไม่จำเป็นต้องมาถ้าไม่อยากมา

วันพุธที่ 28 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ความรักที่ดีที่สุด

The best love is the one that makes you a better person, without changing you into someone other than yourself.

ความรักที่ดีที่สุดคือความรักที่ทำให้เราเป็นคนที่ดีกว่าเดิมโดยที่ไม่เปลี่ยนให้เราเป็นคนในแบบที่เขาอยากให้เป็น

สำนวน
คำว่า love เป็นได้ทั้งคำกริยาและคำนาม มีความหมายหลากหลาย เช่น
I love you. =ฉันรักเธอ
He loves his family.
= เขาเป็นคนรักครอบครัว
I love eating in that restaurant.
= ฉันชอบทานอาหารที่ร้านนั้นมาก
He loves his job.
= เขาชอบงานมาก
What we need is love and support.
= สิ่งที่คนเราต้องการก็คือความรักและกำลังใจ
He is madly in love with his girlfriend.
= เขาหลงรักแฟนแบบเป็นบ้าเป็นหลัง
I fell in love with Phuket the first time I saw it.
= ฉันรู้สึกรักภูเก็ตครั้งแรกที่เห็น
สำนวน to fall in love with + คนหรือสิ่งของ หมายถึง รู้สึกรัก
และคำนี้ยังหมายถึง คนรักด้วย เช่น
She was my first love. = หล่อนคือคนรักคนแรกของฉัน
She is the love of his life.
= หล่อนคือคนที่เขารักมากที่สุดในชีวิต
She is my love.
= หล่อนคือคนที่ฉันรัก
สำนวน rather than หมายถึง แทนที่จะ = instead of เช่น
You had better listen rather than talk.
= คุณควรจะฟังแทนที่จะคุยกัน
He has decided to quit his job rather than accept the new policy.
= เขาตัดสินใจลาออกแทนที่จะยอมรับนโยบายใหม่
Rather than drive alone, why not go with them?
= แทนที่จะขับรถไปคนเดียว ทำไมไม่ไปกับพวกเขาล่ะ
We eat chocolate rather than orange juice.
= เราดื่มช๊อกโกแล๊ตแทนที่จะดื่มน้ำส้ม
They fly to Chiangmai rather than drive.
= พวกเขาบินไปเชียงใหม่แทนที่จะขับรถ

วันจันทร์ที่ 26 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Being honest may not get you a lot of friends,
but it’ll always get you the right ones.

การเป็นคนซื่ออาจทำให้คุณมีเพื่อนไม่มาก
แต่จะเป็นเพื่อนที่ใช่

สำนวน
Honest อ่านว่า (อาน) นิสท์ หมายถึง ที่ซื่อสัตย์ หรือที่ซื่อตรง เช่น
He is poor but honest.
= เขายากจนแต่ซื่อ
She is a very honest politician.
= หล่อนเป็นนักการเมืองที่ซื่อตรงมาก
I need your honest answer.
= ฉันต้องการคำตอบตรงๆ (ไม่เล่ห์เหลี่ยม)
และสำนวน Let’s be honest,….. ขอบอกตามตรง เช่น
Let’s be honest, the only reason I please him is to us him.
= ขอบอกตามตรง เหตุผลเดียวที่ฉันดีกับเขาก็เพื่อหลอกใช้เขา
หากต้องการจะบอกว่า ซื่อต่อใคร ให้ใช้ to be honest with เช่น You need to be honest with your wife.
= คุณต้องซื่อสัตย์ต่อภรรยา
ส่วนต้องการจะบรรยายว่า ซื่อสัตย์หรือซื่อตรงกับสิ่งใด ให้ใช้ about เช่น Please be honest about your feelings. = โปรดซื่อสัตย์กับความรู้สึกของตัวเอง (อย่าหลอกตัวเอง)

to be honest (with you)= พูดหรือบอกตามตรง เว๊ากันซื่อๆ
เช่น To be honest, I don’t like that guy.
= บอกตามตรง ฉันไม่ชอบไอ้หมอนั่น
คำว่า right เป็นคำคุณศัพท์ หมายถึง ที่ถูกต้องหรือที่ใช่
สำนวนที่น่าจำคือ Mr. Right คนที่ใช่ เช่น
My friend is single. She is waiting for Mr. Right to come along.
= เพื่อนฉันยังโสด ยังคงรอคนที่ใช่มาเกิด
Mr. Right หมายถึง ผู้ชายที่ผู้หญิงมองว่า เพอร์เฟ๊คที่จะมาเป็น

วันอาทิตย์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ความทรงจำจะอยู่ตลอดไป

Things end but memories last forever.

สิ่งต่างๆสิ้นสุดลง แต่ความทรงจำจะคงอยู่ตลอดไป

สำนวน
To end เป็นคำกริยา หมายถึง สิ้นสุด หรือจบลง เช่น
My suffering has ended the moment I let go of my desire to change others.
= ความทุกข์ใจของฉันหมดไปวินาทีที่ฉันปล่อยวางความอยากที่จะเปลี่ยนคนอื่น
The semester break started in May and ended in July.
= ปิดเทอมเริ่มเดือนพฤษภาคมและสิ้นสุดเดือนกรกฎาคม
และ วลี to end in = ลงเอยด้วย เช่น
The marriage ended in divorce.
= การแต่งงานลงเอยด้วยการหย่า
The story ended in tragedy.
= เรื่องนี้จบลงด้วยความเศร้า
The demonstration ended in chaos.
= การประท้วงจบลงด้วยความวุ่นวาย
สำนวนน่ารู้เกี่ยวกับ end
The end justifies the means.
= วิธีการไหนก็ดีหากผลออกมาดี
(ผลที่ออกมาเป็นตัวบอกว่าวิธีการ)
สำนวน to last forever = คงอยู่ตราบนิรัน
My memory about Europe will definitely last forever.
= ความทรงจำเกี่ยวกับประเทศยุโรปจะคงอยู่ตลอดไปอย่างแน่นอน
The batteries last only 2 weeks.
= แบตเตอรี่มีอายุแค่ 2 สัปดาห์

To be an end in itself
= ทำเพื่อสิ่งนั้นเพื่อสิ่งนั้นจริงๆ ไม่ได้คิดถึงความต้องการหรือความอยากในสิ่งอื่น (ไม่คิดถึงสิ่งอื่นใด)
for its’ own sake
--- Writing a piece of work is an end in itself. I don’t care about money.
= การเขียนผลงานเป็นสิ่งที่ทำไปเพื่องานเขียนจริงๆ ไม่ได้สนใจเรื่องเงินทอง
---Learning is an end in itself.
= การเรียนรู้เป็นไปเพื่อการเรียนรู้จริงๆ
คำว่า จบ หรือพอแค่นี้สำหรับเรื่องนี้ ฝรั่งเขาจะใช้ว่า End of story เช่น
--- The conflict has been settled. End of story.
= ความขัดแย้งได้สะสางเรียบร้อยแล้ว เป็นอันจบ
---Don’t ask me anymore. I am not doing it.---end of story.
= อย่ามาขอร้องอีก ฉันไม่ทำแน่นอน เรื่องนี้จบ

วันเสาร์ที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ใช้แค่ใจ

You don’t need money to help others.
You need a heart to help others.
ช่วยคนไม่ต้องใช้เงิน ใช้แค่ใจ
สำนวน
To need หมายถึง จำเป็นต้องมี ไม่มีไม่ได้ เช่น
I need you. = ฉันจำเป็นต้องมีเธอ (ขาดเธอไม่ได้)
He needs money. = ต้องใช้เงิน (ไม่มีไม่ได้ เดือดร้อน)
We need your help.
= ต้องการความช่วยเหลืออย่างมาก
และเราสามารถเอามาใช้พูดเล่นกันได้ เช่น เวลาเราไม่ต้องการให้ใครมาทำอะไร เราก็สามารถพูดได้ว่า I don’t need you. = ตอนนี้ ไม่ต้องการแล้ว จะไปทำอะไรที่ไหนก็ไป
เหมือนกับสำนวนว่า Who needs you? ใครต้องการคุณหรือ (ไม่จำเป็นหรอก ไปไหนก็ไป)
Who needs her? ใครเขาต้องการเธอหรือ
กริยา to need + to do สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็หมายถึง จำเป็นต้อง เช่น
I need to go now. = ฉันต้องไปแล้ว = must
You need to hurry or you’ll be late.
= คุณต้องรีบแล้ว ไม่งั้น ไม่ทัน
He needs to get up early.
= เขาจำเป็นต้องตื่นแต่เช้า
หรือจะเอา to need + คนใดคนหนึ่ง + to do สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ได้ หมายถึง ต้องการคนๆนั้นต้องทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
I need you to tell the truth.
= ฉันอยากให้เธอพูดความจริง
I need you to answer a few questions.
= ฉันต้องการให้เธอตอบคำถามสักสองสามคำถาม

A heart หมายถึง ใจ เป็นคนละส่วนกับ mind เพราะ mind คือความคิด เราสามารถใช้ to have a good / kind heart = เป็นคนใจดี เช่น Dad has a big heart.
= พ่อฉันใจดี ใจกว้าง ส่วนตรงข้ามก็ a soft heart = ใจอ่อน ชอบสงสารคน และ a cold heart = ใจเย็นชา ไม่มีความสงสารใคร (นึกถึงคำว่า cold หมายถึง เย็น) ง่าย และถ้าต้องการจะบอกให้ใครอย่าเขี้ยว อย่าโหดกับเรา ก็สามารถใช้ว่า Have a heart, please! อย่าโหดนักเลย (เห็นใจเราบ้างเถอะ)
และสำนวน to know the way to someone’s heart = รู้วิธีที่ทำให้พอใจ รู้วิธีเอาใจ เช่น
Don’t’ worry. I will buy a favorite book. I know the way to her heart. = ไม่ต้องห่วง ฉันจะซื้อหนังสือที่เธอชอบให้ ฉันรู้วิธีที่จะทำเธอพอใจ (รู้วิธีที่เอาใจเธอ)

วันพุธที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2560

เมตตา

It’s all really simple. You don’t have to choose between being kind to yourself and others. It’s the one and the same.

ง่ายมากเลย เราไม่จำเป็นต้องเลือกระหว่างที่จะเมตตาต่อตัวเองและผู้อื่น เพราะมันก็คืออันเดียวกัน

สำนวน
คำว่า simple หมายถึง ที่เรียบง่าย เช่น a simple lifestyle = ชีวิตที่เรียบง่าย a simple question = คำถามที่ไม่ซับซ้อน
The smartphone is simple to use.
= มือถืออัจฉริยะเครื่องนี้ใช้ง่ายมาก (ไม่ซับซ้อน)
Dad is a simple person. = พ่อเป็นคนที่เรียบง่าย
สำนวน to keep something simple หมายถึง ทำเรื่องนั้นหรือสิ่งนั้นให้ง่ายเข้าไว้ เช่น
Please keep your explanation simple.
= ช่วยอธิบายให้ง่ายๆนะครับ
Keep it as simple as possible.
= ทำให้ง่ายที่สุดเท่าที่จะทำได้
Make your life simple and you will be happy.
= ทำชีวิตให้เรียบง่ายและจะมีความสุข
Monks believe in the simple life. They sleep on a mat on the floor.
= พระท่านเชื่อในชีวิตที่เรียบง่าย ท่านนอนพื้นบนเสื่อ
สำนวน the simple fact is that… + S + V
หมายถึง ที่จริงแล้วหรือความเป็นจริงก็คือ เช่น
The simple fact is that he didn’t pass the test.
= ความเป็นจริงก็คือ เขาสอบตก
You don’t have to go with me for the simple reason that you don’t feel like going.
= คุณไม่จำเป็นต้องไปกับฉันหรอกด้วยเหตุผลที่แสนจะธรรมดาว่า ไม่อยากไปก็แค่นั้น
สำนวน It’s as simple as that. หมายถึง ตามนั้น ง่ายๆแบบนั้น เช่น
If you have a problem, just call me . It’s as simple as that. = ถ้ามีปัญหาอะไร ก็โทรมา ตามนั้น (ไม่มีอะไรยุ่งยาก ซับซ้อนแต่อย่างใด)
If they hurt me, I will hurt them, too. It’s as simple as that.
= ถ้าพวกเขาทำให้ฉันเจ็บปวด ฉันก็จะทำให้พวกเขาเจ็บเหมือนกัน ง่ายๆแบบนั้นแหละ

วันจันทร์ที่ 19 มิถุนายน พ.ศ. 2560

Kindness is the language the deaf can hear and the blind can see.
เมตตาคือภาษาที่คนหูหนวกได้ยินและคนตาบอดมองเห็น
สำนวน
kindness เป็นคำนามของคุณศัพท์ kind หมายถึง ใจดี มีเมตตา เช่น
Be kind to her. = เมตตาหล่อนหน่อย และที่สำคัญคือ Be kind to yourself. = เมตตาตัวเองด้วย (มีอะไรเกิดขึ้น ก็อย่าทำร้ายตัวเอง อย่าโทษตัวเองให้มากไปเลย)
คำนามก็ kindness เช่น
What we need to survive is not money but a little act of kindness.
= สิ่งที่เราจำเป็นต้องใช้ในการมีชีวิตรอดไม่ใช่เงินแต่เป็นการกระทำที่มีเมตตาเล็กๆน้อยๆต่างหาก
I will never forget your kindness.
= ฉันจะไม่มีวันลืมความใจดีที่มีต่อฉันเลย
I can’t thank you enough for your kindness.
= รู้สึกขอบคุณที่เมตตา ไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี
และสำนวน to kill someone with kindness หมายถึง ฆ่าคนใดคนหนึ่งด้วยความใจดีมากไป เช่น หากเราเลี้ยงใครสักคนหรือปฏิบัติต่อใครสักคนเอาเป็นใจดีตลอด ไม่ให้ลำบากอะไรเลยในชีวิต แบบนี้เขาเรียกว่า ความใจดีมันทำร้ายคนๆนั้น
If you want your kid to survive in this world, don’t kill him with kindness.
= ถ้าอยากให้ลูกอยู่รอดบนโลกใบนี้ได้ อย่าใจดีเกินเหตุ
Too much help will kill him with kindness.
= การช่วยเหลือมากเกินไปจะทำร้ายตัวเขา

วันพฤหัสบดีที่ 15 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ความสงบภายใน

Inner peace is a key factor to happiness. We suffer mentally  because our mind is constantly moving. Here are 5 simple ways to cultivate inner peace.
ความสงบภายในเป็นปัจจัยสำคัญปัจจัยหนึ่งทำให้เกิดความสุข เราทุกข์ใจเพราะใจไม่หยุดนิ่ง นี่คือวิธีที่ทำให้ใจสงบง่ายๆ 6 วิธี
No.1 Focus on the present or live in the now.
= อยู่กับปัจจุบัน สำนวน to focus on + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง ใจจดจ่ออยู่กับ อ่านว่า (โฟ) เกิส เช่น We focus on our breath when we meditate. = เราจดจ่อกับลมหายใจตอนทำสมาธิ She is focusing on her studies. = หล่อนกำลังใจจดจ่ออยู่กับการเรียน
No. 2 Simplify your life. = ทำชีวิตให้เรียบง่าย
คำว่า simplify อ่านว่า (ซิม) ผลิ ฟาย หมายถึง ทำให้เรียบง่าย เช่น The teacher needs to simplify his explanation. = ครูจำเป็นต้องทำให้คำอธิบายง่าย
No 3. Learn to accept what is.
= เรียนรู้ที่จะยอมรับในสิ่งที่เป็น
No 4. Stay away from negative people and things.
= อยู่ให้ไกลคนที่คิดลบหรือสิ่งที่เป็นลบ สำนวน to stay away from = อยู่ห่างจาก
No 5. Find time to meditate at least 30 minutes a day.
= หาเวลาทำสมาธิวันละ 30 นาที
No 6. Think positive. = คิดบวก
อ่านว่า (พา) เสอะ ถิฝ หมายถึง ที่เป็นบวก ที่ดี เช่น Cheer up and think positive.= สู้ๆและคิดบวกเข้าไว้

วันอังคารที่ 13 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ขอแค่กำลังใจ

People don’t always need advice.
Sometimes all they really need is a hand to hold,
an ear to listen and a heart to understand them.

คนเราไม่ได้ต้องการคำแนะนำเสมอไป บางครั้ง สิ่งที่เขาต้องการก็คือมือให้กุม หูที่พร้อมรับฟัง และใจที่เข้าใจแค่นั้น
สำนวน

Advice เอิด (ว๊ายส์) หมายถึงคำแนะนำ เช่น
I need your advice about exercising.
= ฉันต้องการคำแนะนำของคุณเกี่ยวกับการออกกำลังกาย
You need some advice from the doctor.
= คุณจำเป็นต้องได้รับคำแนะนำจากหมอแล้ว
My advice is to sell your house and rent it to save costs.
= คำแนะนำของฉันก็คือ ขายบ้านทิ้งไปซะแล้วไปหาเช่าอยู่เพื่อประหยัดค่าใช้จ่าย
Take my advice and everything will be fine.
= เชื่อฉันซิ แล้วทุกอย่างจะดีเอง
I think we need some advice from an expert.
= ฉันคิดว่า เราต้องการคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ
You should follow the doctor’s advice.
= คุณควรทำตามคำแนะนำของหมอ
May I ask your advice about it?
= ขอถามคำแนะนำเรื่องนั้นหน่อย
Let me give you a piece of advice.
= ขอแนะนำอะไรหน่อยนะ
คำว่า advice นั้นเป็นคำนามเอกพจน์ เสมอ เพราะฉะนั้น ห้ามเอาไปเติม “a” “an” และห้ามเอาไปเติม “s” เพราะฉะนั้น an advice และ advices จึงใช้ไม่ได้ เพราะเขาชอบออกข้อสอบ ให้จำไว้ว่า การใช้เหมือน rice เพราะข้าวนับไม่ได้ เยอะมาก หากต้องการจะบอกว่า คำแนะนำนิดหน่อย ต้องใช้คำขยาย ก็ต้องเป็น a piece of มาช่วย เป็น a piece of advice เช่นเดียวกับข้าว ถ้าต้องการจะนับต้องหาอะไรมาตวง เช่น a bowl of rice = ข้าวหนึ่งถ้วย เป็นต้น
คำกริยาคือ to advise หมายถึง แนะนำ ใช้โครงสร้าง to advise + คนใดคนหนึ่ง + to do สิ่งใดสิ่งหนึ่ง
เช่น I advise you to study hard.
= ฉันแนะนำให้คุณขยันอ่านหนังสือ
The doctor advised my dad to quit smoking.
= หมอแนะนำให้พ่อฉันเลิกสูบบุหรี่
หรืออีกหนึ่งโครงสร้างที่ตรงกับภาษาไทยคือ to advise + ใคร + that S + should + V…. หมายถึง แนะนำใครว่า ควรทำอะไร เช่น
The doctor advised me that I should go on a diet. = หมอแนะนำว่า ฉันควรจะควบคุมอาหาร
= The doctor advised me to go on a diet.
ใช้ได้เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับว่า เราชอบแบบไหน

วันจันทร์ที่ 12 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ให้ต่อไป

Never stop doing little things for others.
Sometimes those little things occupy the biggest part of their hearts.

อย่าหยุดทำสิ่งเล็กน้อยให้คนอื่น
บางที สิ่งเล็กน้อยเหล่านั้นทำให้เขาประทับใจที่สุดก็ได้

สำนวน

Big หมายถึง ที่ใหญ่ ที่สำคัญ เช่น
This house is very big.
= บ้านหลังนี้ใหญ่มาก
I’ve got a big problem.
= ฉันมีปัญหาสำคัญมาก
This is a big decision.
= นี่คือการตัดสินที่สำคัญ
และเมื่อนำไปขยายคำไหน จะหมายถึง ตัวยง ก็ได้ เช่น
My brother is a big eater.
= น้องชายฉันเป็นคนกินเก่ง
My friend is a big traveler.
= เพื่อนฉันเป็นนักเที่ยวตัวยง
Those guys are big drinkers.
= คนพวกนั้นดื่มเก่ง
I am your big fan.
= ฉันเป็นแฟนพันธุ์แท้ของคุณ
สำนวนอื่นๆ
Give him a big hand. = ปรบมือดังๆให้เขาหน่อย
Give him a big hug. = กอดเขาแรงๆ
Buying a new house is a big thing.
= การซื้อบ้านใหม่เป็นเรื่องที่สำคัญ
The big boys will make a decision.
= คนที่มีอิทธิพลจะทำการตัดสินใจ
The big boys = คนที่มีอิทธิพลหรือคนที่มีทรงอำนาจที่สุด หรือองค์กรที่มีอิทธิพลที่สุด
และ to think big = คิดการใหญ่ หรือคิดอะไรยากๆแต่น่าประทับใจ
เช่น We need to think big, but act small.
= เราจำเป็นต้องคิดให้อลังการไว้แต่ไม่ต้องทำมาก
The company thinks big in order to be successful.
= บริษัทคิดอะไรใหญ่ๆเพื่อประสบผลสำเร็จ
We encourage students to think big.
= เรากระตุ้นให้นักเรียนคิดอะไรที่ใหญ่ๆ

วันเสาร์ที่ 10 มิถุนายน พ.ศ. 2560

ทำกับคนอื่นอย่างมีเมตตา


Treat everyone with kindness and respect even though they are rude to you, not because they are nice, but you are.

ปฏิบัติกับคนอื่นด้วยความเมตตาและความเคารพแม้ว่าพวกเขาจะหยาบคายกับเรา ไม่ใช่เพราะพวกเขาดี แต่เป็นเพราะเราดี

สำนวน

To treat + ใครคนใดคนหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง + with +  หมายถึง ปฏิบัติต่อคนใดคนหนึ่งหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่งด้วย เช่น

They treated me with contempt.

= เขาปฏิบัติกับฉันแบบดูถูกเหยียดหยาม (ประมาณนั้น)

The host treated him with generosity.

= เจ้าภาพปฏิบัติต่อเขาด้วยความใจกว้าง

We need to treat this case with care.

 = เราจำเป็นต้องทำคดีนี้อย่างรอบคอบ

We should treat tourists with hospitality.

= เราควรปฏิบัติต่อนักท่องเที่ยวด้วยความโอบอ้อมอารี

คำว่า treat หมายถึง ทำยังกับ ใช้ like + คำนาม   เช่น

He treated me like one of the family.

 = เขาทำกับฉันเป็นสมาชิกในครอบครัว

They treated me like dirt.

= เขาทำกับฉันราวกับว่าเป็นขยะ (แย่มาก)

  • My parents still treat me like a child.
  • = พ่อแม่ยังทำกับฉันเหมือนฉันเป็นเด็ก
  • Don’t treat me like a child. I am an adult.
  • = อย่าทำยังกับฉันเป็นเด็ก ฉันโตแล้วนะ

To treat + สิ่งใดสิ่งหนึ่งหรือคนใดคนหนึ่ง + adv

We should treat everyone equally.

= เราควรปฏิบัติต่อทุกคนอย่างเท่าเทียมกัน

Dad treated his children unequally.

= พ่อปฏิบัติกับลูกไม่เท่ากัน

They treated their dog cruelly.

= พวกเขาทำกับสุนัขแบบโหดร้าย

He treated his girlfriend like a queen.

= เขาปฏิบัติต่อแฟนยังกับราชินี



คำนี้ยังหมายถึง เลี้ยง หรือออกเงินให้อีกด้วย เช่น

  • Let's go out to dinner. I'll treat.
  • = ไปกินข้างด้วยกันไป ฉันเลี้ยงเอง

Let’s celebrate our victory. The coach will treat.

= เราไปฉลองชัยชนะ โค๊ชจะเลี้ยง

และคำนี้สามารถใช้เป็นคำนามได้ มีความหมายเหมือนกัน เช่น

It’s my treat. = ฉันเลี้ยงเอง

It’s his treat. = เขาเลี้ยง

และด้วยความหมายนี้ เราสามารถใช้โครงสร้างว่า

To treat + คนใดคนหนึ่ง + สิ่งที่ต้องการจะเลี้ยง เช่น

I will treat you to some ice-cream.

= ฉันจะเลี้ยงไอติมเธอเอง

You treat me to a concert ticket.

= เธอเลี้ยงดนตรีฉันซิ

Don’t worry! I will treat her to lunch.

= ไม่ต้องห่วง ฉันจะเลี้ยงข้าวกลางวันเธอเอง

และเรายังสามารถบรรยายว่า เราซื้ออะไรให้ตัวเองได้ด้วยเช่น

I always treat myself to a trip after the exam.

= ฉันมักจะให้รางวัลตัวเองด้วยการไปเที่ยวหลังสอบ

  • He treated himself to some cookies.
  • =  เขาให้รางวัลตัวเองด้วยการไปกินคุ๊กกี้
  • She treated herself to a massage.
  • = หล่อนให้รางวัลตัวเองด้วยการไปนวด message อ่านว่า เหมอะ (ซาจ)

  • It was Dutch treat—we each bought our own ticket. = ใครกินใครจ่าย เราซื้อตั๋วหนังเอง
  • It’s a Dutch treat dinner.
  • = อาหารเย็นแบบใครกินใครจ่าย

หรือจะบอกว่า It’s Dutch treat. เฉลยๆ ก็ได้ ก็หมายถึง ใครจะกิน ใครจะมาทำอะไรก็ตามที แต่ต้องจ่ายกันเองไม่มีใครเลี้ยง
When we discover to seek the best in others,
we somehow bring out the best in ourselves.

เมื่อเราค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดในตัวคนอื่น
เราก็นำสิ่งที่ดีที่สุดของเราออกมาด้วย

สำนวน
To discover ดิส (คัฝ) เวอร์ หมายถึง ค้นพบ
เช่น
At last, I can discover how to speak English fluently.
= ในที่สุด ฉันก็ค้นพบวิธีที่จะพูดภาษาอังกฤษให้คล่อง
He has discovered the solution to his problem.
= เขาค้นพบทางออกของปัญหาแล้ว
We have discovered the technique to develop her recipe.
= เราได้ค้นพบเทคนิคในการพัฒนาตำรับอาหารของตัวเอง
โครงสร้างที่ง่ายคือ to discover that + S + V เช่น
I have discovered that he was a robber.
= ฉันมาค้นพบว่าเขาเป็นพวกปล้น
He was surprised to discover that he passed the test.
= เขาประหลาดใจที่พบว่าเขาสอบผ่าน
She discovered that he cheated on her.
= หล่อนพบว่าเขานอกใจ
The locals have discovered the new tourist attraction.
= คนในพื้นที่ค้นพบแหล่งท่องเที่ยวแห่งใหม่
The unseen tourist destinations in Thailand are waiting for travelers to discover.
= แหล่งท่องเที่ยวที่ยังไม่คนเห็นในประเทศไทยรอให้นักเดินทางมาค้นพบ
To seek the best in others = ค้นหาสิ่งที่ดีที่สุดในคนอื่น
To look for the best in others = มองหาสิ่งที่ดีที่สุด
สำนวนตรงข้ามคือ to seek the worst in others
= มองหาแต่สิ่งแย่ๆของคนอื่น
To look for / to seek the bad in others = มองหาสิ่งไม่ดี แต่ถ้าเป็นสิ่งดีก็ the good
To bring out the best in + คนใดคนหนึ่ง หมายถึง นำสิ่งที่ดีที่สุดหรือความสามารถของคนๆนั้นออกมา หรือ the worst ก็จะหมายถึง นำสิ่งที่แย่สุดของคนๆนั้นออกมา เช่น
The teacher brings out the best in her students.
= ครูเอาสิ่งที่ดีที่สุดของนักเรียนออกมา (ทำให้นักเรียนได้แสดงความสามารถ)
The skilled coach can bring out the best in his players.
= ผู้ฝึกสอนที่เก่งสามารถนำเอาความสามารถของผู้เล่นออกมา
Alcohol brings out the worst in him.
= เหล้าทำให้เขาแสดงพฤติกรรม