วันพุธที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Dream of


If life can remove someone you never dreamed of losing, it can replace them with someone you never dreamed of having.

หากชีวิตทำให้คนที่เราไม่เคยคิดไม่เคยฝันให้จากไป

ชีวิตก็จะหาคนที่เราไม่เคยคิดจะอยู่ด้วยมาแทนที่เอง

 

สำนวน

to dream of = ฝันอยากเป็น อยากได้ อยากมี แต่จะเป็นได้หรือเปล่านั้นไม่รู้ เช่น

I always dream of becoming a superstar.

 = ฝันอยากเป็นซุปตาร์

My brother has dreamed of becoming a doctor.

= น้องชายฝันอยากเป็นหมอ (กริยา has dreamed หมายถึง ฝันมาตลอด)

Most athletes dream of winning some medals in the Olympics.


= นักกีฬาส่วนใหญ่ก็ฝันอยากจะได้เหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิค


This is the house that dad has ever dreamed of.


= นี่คือบ้านที่พ่อฝันอยากจะได้


I always dream of lying on the beach.


= ฉันมักจะฝันว่านอนอยู่บนชายหาด


Most city people dream of having a big house and a luxury car.


 = คนในเมืองส่วนใหญ่ฝันอยากจะมีบ้านหลังใหญ่และรถหรู


 


สำนวนน่าจำเกี่ยวกับ dream ก็คือ to be a dream come true. ฝันที่เป็นจริง เช่น


For me, studying overseas is a dream come true. = สำหรับฉันแล้ว การได้ไปเรียนต่อเมืองนอกคือฝันที่เป็นจริง

Leading a peaceful life in the countryside is a dream come true for him.

= สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การได้มีชีวิตที่สงบในต่างจังหวัดเป็นฝันที่เป็นจริงของเขา

 คำว่า to remove หมายถึง เอาออกไป หรือกำจัด เช่น

Remove all the chairs.

= เอาเก้าอี้พวกนี้ออกไป

The detergent is used to remove blood stains.

= ผงซักฟอกใช้ขจัดคราบเลือดพวกนี้

The HR department wants to remove some workers to save cost.

= ทางฝ่ายบุคลากรต้องการเอาพนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย

แต่หากต้องการจะเจาะจงไปอีกว่า เอาออกไปจากอะไร ก็สามารถใช้ from ซึ่งตรงกับภาษาไทยเลย เช่น

Please remove the old books from the library.

 = ช่วยเอาหนังสือเก่าๆออกไปจากห้องสมุด

Dad wants to remove useless clothes from the cabinet.

= พ่ออยากจะโละเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ออกไปจากตู้

คำว่า unused จะหมายถึง ที่ยังใหม่แบบไม่ได้ใช้ก็ได้ เพราะฉะนั้น unused airline tickets = ตั๋วที่ยังไม่ได้ใช้ตอนนี้

To replace ก็คือ แทนที่ เช่น

We need to replace the carpets and curtains.

 = เราจำเป็นต้องหาพรมและม่านใหม่

The coach has replaced him on the team.

= ผู้ฝึกสอนเอาเขามาแทนคนในทีม

Before the long trip, we need to replace tires.

=ก่อนเดินทางไกล เราต้องเปลี่ยนยางใหม่

I think I will replace the batteries in my phone because they are on and off.

= ฉันคิดว่าจะเปลี่ยนถ่านมือถือแล้วเพราะเดี๋ยวติดเดี๋ยวดับ

I plan to replace the old car with a more hi-tech one.

= มีแผนจะเปลี่ยนรถเก่าด้วยรถที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า

We are going to replace the old wooden  house with one made of concrete.

= เรากำลังจะสร้างบ้านหลังใหม่ด้วยคอนกรีตแทนหลังเก่าที่ทำด้วยไม้

He plans to replace this old sofa with a modern one.

=เขามีแผนจะหาโซฟาใหม่มาแทนตัวเก่า

The company will replace the managers who have resigned.

 = ทางบริษัทจะจ้างผู้บริหารใหม่แทนผู้บริหารที่ลาออกไป

คำนามคือ replacement หมายถึง การแทนที่ หรือคนที่จะมาแทนที่ เช่น

It is difficult to find a replacement for an experienced manager like him.

= ยากนะที่จะหาคนมาแทนผู้จัดการที่มีประสบการณ์เหมือนเขา  

We need a replacement because many clients complain.

= เราจำเป็นต้องหาคนมาแทนเพราะลูกค้าโวยวายเพียบ

The company will seek a replacement for its finance manager.

= บริษัทจะหาคนมาแทนผู้บริหารทางการเงิน

และเมื่อเป็นคำนามนับไม่ได้ ก็จะหมายถึง การแทนที่เช่น

My old car needs a replacement.

= รถคันเก่าต้องเปลี่ยนแล้ว

วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Forward(s)


Go forward in life with a twinkle in your eyes and a smile on your face, and with great and strong purpose in your heart.

ก้าวต่อไปด้วยดวงตาที่เป็นประกายและรอยยิ้ม

กับใจที่มีจุดหมายแน่วแน่

 

ศัพท์สำนวน

To go forward ไปต่อไป ไปข้างหน้า อ่านว่า (ฟอร์) เวิร์ด เห็นที่ไหนคือ ไปข้างหน้า คำตรงข้ามคือ backwards ถอยหลัง เช่น Look forward not backwards.

= มองไปข้างหน้าอย่ามองไปข้างหลัง คำว่า backwards มี “s” หมายถึง ย้อนกลับ เราจะเจอในสำนวนว่า ย้อนหลัง เช่น Count backwards from 3. นับถอยหลัง 3 ,2,1

ต้องการจะบอกว่า นับถอยหลังจากจำนวนอะไรก็ใส่ลงไป

คำว่า forward (s) เขียนได้สองแบบ ส่วน backwards มี “s”

คำว่า forward ที่เราใช้กันอยู่ในวงการธุรกิจก็คือ ส่งต่อไปให้ เช่น ช่วย forward เมล์ไปให้คนโน้นคนนี้ด้วย เช่น Don’t forget to forward my mail to all employees.

= อย่าลืมส่งเมล์ต่อไปให้กับพนักงานทุกคนด้วย

Please forward me the mail.

= ช่วยส่งต่อเมล์มาให้ฉันด้วย

If you have anything new, please forward it to me. = ถ้ามีอะไรคืบหน้า ก็ส่งต่อมาให้ด้วย

และสำนวนที่ลืมไม่ได้คือ to look forward to + v ing หรือคำนามก็ได้ (สำนวนนี้ในเชิงธุรกิจใช้บ่อยมากและชอบออกข้อสอบด้วย) จำไปเลยว่า I look forward to hearing from you. = รอข่าวคราวจากคุณอยู่

He looks forward to the trip. = เขารอไปเที่ยว (อย่างตื่นเต้น อย่างใจจดใจจ่อ)

To lead your life with purpose = ดำเนินชีวิตอย่างมีเป้าหมาย คำว่า purpose อ่านว่า (เพอร์) เผิส หมายถึง จุดหมาย เป้าหมาย ความมุ่งมั่นที่จะทำอะไรให้ได้ในชีวิต เขาจึงบอกว่า It is essential for us to have a sense of purpose.

= นับเป็นสิ่งจำเป็นที่เราต้องมีชีวิตอย่างมีเป้าหมาย

If you have no purpose in life, life is not worth living.

= ถ้าไม่มีเป้าหมายในชีวิต ชีวิตก็ไม่คุ้มค่าที่จะอยู่

When he was disappointed in his love life, he had no purpose in life.

= เมื่อเขาผิดหวังในชีวิตรัก ก็ขาดเป้าหมายในการมีชีวิต

วันจันทร์ที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

Meaningful


A meaningful silence

is always better than meaningless words.

 

ความเงียบที่มีความหมายดีกว่าคำพูดที่ไม่มีสาระ ความหมาย

 

สำนวน

 meaningful หมายถึง ที่มีคุณค่า ที่มีความสำคัญ มีสาระ เช่น


What a meaningful life!


= ช่างเป็นชีวิตที่มีคุณค่า มีความหมายมาก


What a meaningful song!


= ช่างเป็นเพลงที่มีความหมายมาก


My life is meaningful because you are my friend.


= ชีวิตฉันมีคุณค่า มีความหมายเพราะมีเธอเป็นเพื่อน


They have a meaningful relationship.


= พวกเขามีความสัมพันธ์ที่มีคุณค่า มีความหมาย


และคำตรงข้ามก็คือ meaningless ไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย เช่น


His work is meaningless.


= งานที่เขาทำไม่มีคุณค่าอะไร (ไร้สาระ)


His life is meaningless.


= ชีวิตเขาไม่มีคุณค่าอะไรเลย (ไร้สาระ)


สำนวน to know the meaning of (something)= หมายถึง รู้หรือเข้าใจความหมายของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะมีประสบการณ์ในสิ่งนั้นมาก เช่น


You never know the meaning of love.


= เธอไม่มีวันเข้าใจความหมายของคำว่ารัก


I know the meaning of loneliness.


= ฉันเข้าใจความรู้สึกของความโดดเดี่ยว


The guy like you never know the meaning of dedication.


= คนอย่างเธอไม่มีทางเข้าใจถึงความหมายของการทุ่มเท


และสามารถนำมาใช้ในการพูดแซวกัน ในลักษณะที่ว่า บลั๊ฝกัน เช่น


I don’t know the meaning of the word “ fear”.


= ฉันไม่รู้ว่าความกลัวมันเป็นยังไง (ความกลัวมันเป็นยังไงหรือ)


 He doesn’t know the meaning of “failure”


= เขาไม่รู้ว่าความล้มเหลวมันเป็นยังไง


และสำนวนอีกหนึ่งสำนวนที่เราชอบใช้ก็คือ The word “……” is not in someone’s vocabulary = หมายถึง สิ่งนั้นไม่มีในความคิด หรือแปลง่ายๆว่า ไม่รู้ว่าสะกดยังไง เช่น


The word “Quit” is not in my vocabulary.


= คำว่ายอมแพ้นะเหรอ สะกดไม่เป็นหรอก (ไม่รู้จัก)


The word “ fear” is not in his vocabulary.


= คำว่ากลัว เขาสะกดไม่เป็นหรอก (กล้านั่นเอง)


Find faults


Don’t worry about people who say behind your back, they are the people who are finding faults in your life instead of fixing the faults in their own life.
อย่าไปกังวลว่าใครจะว่าเราลับหลัง คนที่ไม่หาทางทำอะไรให้ชีวิตดีขึ้นก็ได้แต่คอยจับผิดสิ่งที่เราทำ

To find faults with + คนใดคนหนึ่ง หมายถึง จับผิดเกี่ยวกับคนๆนั้น หรือวิจารณ์

เช่น

He always finds faults with me.

= เขามักจะจับผิดฉัน

My girlfriend always find faults with me.

= แฟนชอบจับผิดฉัน

He gets bored with his mom because she finds faults with everything he does.

 = เขาเบื่อแม่เพราะแม่จับผิดทุกอย่างที่เขาทำ

สำนวน to be someone’s fault หมายถึง เป็นความผิดของคนๆนั้น เช่น
It’s all my fault. = ฉันผิดเอง
It’s all her fault. = หล่อนผิด
It’s his fault that he was late.
= เขาผิดที่มาสาย
You came late. It’s all your fault that you got up late.
= เธอมาไม่ทัน เป็นความผิดของเธอ ที่ตื่นสาย
For all its faults (=in spite of its faults), we love this city.
= แม้จะมีอะไรไม่ดี เราก็รักเมืองนี้
For all her faults, I still love her.
= In spite of her faults, I still love her.
= แม้เธอจะมีอะไรไม่ดี ฉันก็ยังรักเธอ
สำนวน there’s something wrong with something = มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
I don’t know why my computer is not working. There’s something with it.
= ไม่รู้ว่าคอมพิวเตอร์ทำไมไม่ทำงาน ต้องมีอะไรไม่ปกติแน่ๆ
A double fault = การเสิร์ฝลูกพลาดสองครั้งในกีฬาเทนนิส
behind someone's back= ไม่ให้คนๆนั้นรู้ หรือลับหลัง เช่น
She likes to gossip behind my back.
 = หล่อนชอบนินทาฉันลับหลัง
They criticized their boss behind his back.
= เขาวิจารณ์หัวหน้าลับหลัง
I am sure that they are talking about us behind our back.
= ฉันแน่ใจว่าพวกเขากำลังพูดถึงเราลับหลัง

วันอาทิตย์ที่ 28 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

powerfule


Your mind is powerful.

When you fill it with positive thoughts,

 your life will start to change.

ใจคนมีอานุภาพมาก

เมื่อเราใส่ความคิดดีๆลงไป ชีวิตเราก็จะเริ่มเปลี่ยน

สำนวน

Powerful หมายถึง ที่ทรงพลัง ที่มีอำนาจ ที่แกร่ง ที่แข็งแรงมาก ที่แรง ที่มีอิทธิพล แนวคิดของคำนี้อยู่ประมาณนี้

เช่น He is a powerful person.

= เขาเป็นคนมีพลังมาก หรือมีอำนาจมากก็ได้

She has a powerful singing voice.

= หล่อนมีน้ำเสียงที่ทรงพลัง

It is a powerful family in the neighborhood.

= ครอบครัวนี้มีอำนาจในละแวกนี้

China is a very powerful country.

= ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอำนาจมากประเทศหนึ่ง

He is powerful and well-built.

= เขาแข็งแรงและรูปร่างดี

His speech is so powerful .

= สุนทรพจน์ของเขาทรงพลังมาก

Her feelings are very powerful.

= ความรู้สึกของเธอแรงมาก

It is such a powerful drug. It can relieve the pain within a few minutes.

= ยาแรงมาก สามารถบรรเทาอาการปวดได้ภายในสองสามนาที

This perfume has a powerful smell.

= น้ำหอมตัวนี้กลิ่นรุนแรง

My new laptop is more powerful than the old one. = คอมพิวเตอร์แล๊ปท๊อปเครื่องใหม่แรงกว่าตัวเก่า

The powerful people = คนที่ทรงพลังหรือทรงอิทธิพล

วันเสาร์ที่ 27 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

To start


Happiness starts with you—not with your relationships, not with your money –not with your job but with you.

 

ความสุขเริ่มที่ตัวเรา

ไม่ใช่ความสัมพันธ์

ไม่ใช่เงิน ไม่ใช่งาน

 

สำนวน

To start + v. ing หรือ to do ก็ได้ เช่น

It started raining. = ฝนเริ่มตกแล้ว

He started running. = เขาเริ่มวิ่ง

My student started to study hard.

= นักเรียนของฉันเริ่มขยันแล้ว

When dose the film start?

= หนังเริ่มฉายตอนไหน

There are so many things to do. I don’t know how to start.

= มีอะไรที่จะต้องทำมากมาย ไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง

There are so many things to tell you. I don’t’ know where to start.

= มีอะไรจะเล่าให้ฟังมากมาย ไม่รู้จะเริ่มต้นตรงไหนดี

 There are so many people I want to talk to. I don’t know who to start with.

= มีคนที่อยากจะพูดด้วยมากมาย ไม่รู้จะเริ่มที่ใครดี

สำนวนที่ใช้บอกเวลาว่า เริ่มจากเดี๋ยวนี้ เริ่มต้นสัปดาห์หน้า เริ่มต้นเดือนหน้า เราสามารถใช้ว่า to start from + เวลาได้เลย เช่น

The test starts from tomorrow.

= การสอบเริ่มพรุ่งนี้

The summer break starts from next week.

= ช่วงปิดภาคฤดูร้อนเริ่มตั้งแต่สัปดาห์หน้า

I will study hard from now on.

= ฉันจะเริ่มขยันเริ่มตั้งแต่เดี๋ยวนี้

I won’t talk to you from now on.

= จากนี้ไป จะไม่พูดด้วยแล้ว

และสำนวนง่ายๆที่น่าเอาไปใช้คือ to start with.. หมายถึง เริ่มต้นด้วย เช่น

The trip starts with a free meal.

= การเดินทางเริ่มต้นด้วยอาหารฟรี

Those who want to speak  English have to start with a great deal of listening.

= คนที่อยากจะพูดอังกฤษต้องเริ่มด้วยการฟังเยอะๆ

I always start the day with meditation.

 = ฉันมักจะเริ่มต้นของวันด้วยการทำสมาธิ

I am so confused and don’t know where to start with.

= ฉันสับสนมาก และไม่รู้ว่าจะเริ่มตรงไหน

สำนวน be back where + คนใดคนหนึ่ง + started หมายถึง กลับไปเป็นเหมือนเดินตอนเริ่ม เช่น

I tired to be on a diet and then I was back where I started.

= ฉันพยายามคุมอาหารและแล้วก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม

They were fit and firm for two weeks and they were back where they started.

= เขาแข็งแรงอยู่สองอาทิตย์แล้วก็กลับไปเป็นเหมือนเดิม

รูปร่างดี

และสำนวน Someone started it! หมายถึง คนๆนั้นเป็นคนเริ่มก่อน หมายถึง เป็นฝ่ายเริ่มปัญหา หรือเริ่มความขัดแย้งก่อน เช่น

Don’t blame her. I started it.

= อย่าไปว่าเธอ ฉันเป็นฝ่ายเริ่มต้นเอง

Don’t blame mom. Dad started it.

= อย่าไปว่าแม่ พ่อเป็นฝ่ายเริ่มต้นก่อน

Situation


The key to happiness is letting each situation be what it is instead of what you think it should be.

เคล็ดลับความสุขคือการปล่อยให้สถานการณ์นั้นๆเป็นไปตามที่มันเป็น แทนที่จะคิดอยากให้มันเป็น

สำนวน

situation ซิ เฉอะ (เอ) เชิ่น หมายถึง สถานการณ์ สภาพการณ์ หรือภาวะ เช่น

An economic situation = ภาวะเศรษฐกิจ

A financial situation = ภาวะทางการเงิน

A political situation = สถานการณ์ทางการเมือง

We have to do something to improve the situation.

= เราต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อทำให้สถานการณ์ดีขึ้น

The situation is getting worse and worse.

= สถานการณ์ยิ่งเลวร้ายลงเรื่อยๆ

The current situation in the south is worrying.

 = สถานการณ์ในภาคใต้น่าเป็นห่วง

The current financial situation is improving.

= สถานการณ์ทางการเงินตอนนี้กำลังดีขึ้น

High unemployment arises in work situations.

= การว่างงานที่สูงเกิดขึ้นในภาวการณ์ทำงาน

My dad’s health is in good situation.

In this situation หรือ in a situation like this,…..ในสถานการณ์แบบนี้, S + v

In a situation like this, we should be careful in our spending.

= ในสถานการณ์แบบนี้ เราควรระมัดระวังเรื่องการใช้จ่าย

I can help you because I used to be in the situation like this.

= ฉันสามารถช่วยคุณได้เพราะฉันเคยตกอยู่ในสถานการณ์แบบนี้มาก่อน

และสำนวน a win-win situation หมายถึง สถานการณ์หรือภาวะที่ไม่มีใครสูญเสีย มีแต่ได้กับได้   It’s a win-win situation.

หรือหากเป็นสถานการณ์ที่ทั้งสองไม่มีใครได้ มีแต่เสียกับเสีย ก็ใช้ว่า It’s a no-win situation. และสำนวน It’s a chicken and egg situation. = สถานการณ์ที่ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นก่อน หรือเอาไปใช้บรรยายปัญหาก็หมายถึง ปัญหาโลกแตก It’s a chicken and egg problem. = ปัญหาที่ไม่รู้ว่าอะไรเกิดขึ้นก่อน (เหมือนไก่กับไข่ อะไรมาก่อน ประมาณนั้น ตัดสินใจอะไรไม่ได้) และคำว่า situation comedy หมายถึง ตลกสถานการณ์ ก็คือ ละครแนวตลกตามทีวีที่เปลี่ยนไปตามสถานการณ์ หรือที่เรียกกันสั้นๆว่า sitcom นั่นเอง เช่น

I like watching sitcoms on TV because it’s relaxing.

= ฉันชอบดูตลกสถานการณ์ทางทีวีเพราะมันผ่อนคลายดี

relationship


Every relationship has its problems,

but what makes it perfect is if you still want to be together when things go wrong.

ทุกความสัมพันธ์ล้วนมีปัญหา แต่สิ่งที่ทำให้สมบูรณ์ก็คือ เรายังอยากอยู่ด้วยกันยามที่มีปัญหา

สำนวน

Relationship รี (เล) เชิ่นชิพ หมายถึง ความสัมพันธ์ ของคน ของสิ่งต่างๆ เช่น

I have a good relationship with my colleagues.

 = ฉันทีความสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อร่วมงาน

The relationship between Thailand and America has improved.

= ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยและสหรัฐดีขึ้น

She has a bad relationship with her dad.

= หล่อนมีความสัมพันธ์ไม่ดีกับพ่อ

The best way to treat a patient is to understand the relationship between mental and physical health.

= วิธีที่จะรักษาคนไข้ก็คือเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างสุขภาพกายและสุขภาพจิต

My relationship with my girlfriend is getting better.

= ความสัมพันธ์ระหว่างแฟนและฉันกำลังดีขึ้น

New companies have to establish good relationships with customers.

= บริษัทใหม่ๆต้องสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้เกิดกับลูกค้า

Every relationship without trust doesn’t last long . = ทุกความสัมพันธ์ที่ไม่ความเชื่อใจกันมันไม่ยืนยาว

สำนวน to go wrong หมายถึง ที่ไม่เป็นไปตามนั้น ผิดปกติ ที่ผิดพลาด เช่น

I don’t know what went wrong with this project. = ไม่รู้เหมือนกันว่ามีอะไรผิดพลาดกับโครงการนี้

What went wrong with the computer?

= เกิดอะไรผิดปกติกับคอมพิวเตอร์หรือ

We must have many plans in case our first plan goes wrong. = เราต้องมีหลายแผนเผื่อแฟนแรกของเราไม่ได้ผล

Something has gone wrong with  my cellphone.

 = โทรศัพท์ฉันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ

วันพฤหัสบดีที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

The key


The key to being happy

is knowing you have the power to choose

what to accept and what to let go.

เคล็ดลับความสุขคือการได้รู้ว่า

เรามีพลังที่จะเลือกยอมรับและปล่อยวางอะไร

 

สำนวน

The key to + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง หัวใจหรือกุญแจที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการทำสิ่งนั้น เช่น

The key to speaking English is listen and practice.

= กุญแจที่จะทำให้พูดภาษาอังกฤษได้คือฟังและฝึก

The key to happiness is be content with what you have.

= กุญแจสู่ความสุขคือพอใจในสิ่งที่เรามี

Working as a team is the key to success.

=การทำงานเป็นทีมเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ

Hard work is the key to success.

= การขยันเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ

เราสามารถเอาคำไหนมาใส่ส่วนหน้าก็ได้ เช่น honest (คามซื่อสัตย์) patience (ความอดทน) determination (ความเด็ดเดี่ยว) dedication (การทำอย่างทุ่มเท) ซึ่งจะเอาไปใส่ในโครงสร้างที่ว่า หรือจะเอาไปใช้ในโครงสร้างนี้ก็ได้ เช่น

If you want to be good at English, practice is the key.

= ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ การฝึกฝนคือกุญแจ (สิ่งสำคัญ )

If you want to improve your health, exercise is the key.

= ถ้าอยากจะสุขภาพดี การออกกำลังกายคือกุญแจ(สิ่งสำคัญ)

If you want to be successful in business, creativity is the key.

= ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์คือกุญแจ (สิ่งสำคัญ)

สำนวน to have the power to do สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง มีพลัง มีความสามารถในการทำสิ่งนั้น เช่น

I don’t have the power to change the world , but I have to power to change my life.

= ฉันไม่มีพลังที่จะเปลี่ยนโลกแต่ฉันมีพลังที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง

I am not in my power to make a decision.

= ฉันไม่อยู่ในอำนาจที่จะตัดสินใจ

It is within his power to do that.

= มันอยู่ในอำนาจของเขาที่จะทำแบบนั้น

สำนวน to be in one’s power to do = อยู่ในอำนาจของใครคนใดคนหนึ่งที่จะสิ่งใดสิ่งหนึ่ง

It’s in my power to change everything.

= อยู่ในอำนาจของฉันที่จะทำอะไรก็ได้

I promise I will do everything in my power to help everyone.

= ฉันสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่มีอำนาจทำได้เพื่อช่วยทุกคน

That politician is hungry for power.

= นักการเมืองคนนั้นหิวอำนาจ

We are hungry for wealth and power. Then we suffer.

= พวกเราหิวเงินทองและอำนาจ เราจึงทุกข์ใจ

 

the power behind the throne = อำนาจที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังองค์กรหรือประเทศ ผู้ที่อยู่เบื้อหลังอำนาจ  คำว่า throne = บัลลังก์ ก็คืออำนาจนั่นเอง เช่น

He is the leader of the family, but his wife is the power behind the throne.

= เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวแต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังอำนาจที่แท้จริงคือ ภรรยา ( อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่ภรรยา)

คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังอำนาจที่แท้จริง สามารถใช้สำนวนนี้บรรยายได้ในทุกสถานการณ์

the powers that be = ผู้ที่มีอำนาจคนนั้นที่สามารถอนุญาตให้ทำสิ่งใดได้ ซึ่งเป็นใครไม่มีใครรู้  เช่น

We wanted to take the trip to New York, but the powers that be didn’t approve.

= เราอยากไปเที่ยวนิวยอร์ค แต่คนที่มีอำนาจไม่อนุมัติ

The powers that be don’t want us to work on this project.

= ใครที่มีอำนาจที่เราไม่รู้ไม่อยากให้เราทำโครงการนี้

I can’t tell you if we will get this job. It depends on the powers that be.

= ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าเราจะได้งานนี้ มันขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเบื้องบน

วันพุธที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

lead to


Difficult roads often lead to beautiful destinations.

เส้นทางที่ลำบากมักจะพาไปสู่จุดหมายที่งดงาม

สำนวน

To lead to + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง ทำให้เกิด ใช้เหมือน to result in เช่น

Too much work leads to stressful life.

= การทำงานหนักเกินไปทำให้ชีวิตเครียด

Creativity leads to innovation.

= ความคิดสร้างสรรค์ทำให้เกิดนวัตกรรม

Smoking leads to cancer.

= การสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็ง

Blaming always leads to conflicts.

= การเพ่งโทษมักจะนำไปสู่ความขัดแย้ง

นอกจากนี้ คำว่า to lead + คนใดคนหนึ่ง + to do สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ยังหมายถึง ทำให้คนๆนั้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ เช่น

His interest in religion leads him to practice meditation.

 = ความสนใจในศาสนาทำให้เขาฝึกสมาธิ

Her volunteer  work leads her to a career in hospitals.

= งานอาสาสมัครที่เธอทำทำให้เธอไปทำงานในโรงพยาบาล

คำว่า destination หมายถึง จุดหมายปลายทาง

Phuket is a popular tourist attraction in Thailand. = ภูเก็ตเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวที่นิยมของประเทศไทย

What is your destination?

= จุดหมายของคุณคือที่ไหน (จะไปไหน)

New York is my favorite holiday destination.

= นิวยอร์คเป็นปลายทางของการพักผ่อนที่ฉันชอบ

I enjoy travelling to exotic destinations.

= ฉันชอบเดินทางท่องเที่ยวไปยังจุดหมายปลายทางที่แปลกๆ มีเอกลักษณ์

เราสามารถเอาไปขยายคำนามอื่นก็ได้เช่น

We are getting to our destination restaurant.

 = เรากำลังจะถึงภัตตาคารที่เป็นจุดหมายของเราแล้ว

It takes us about two hours to get to our destination resort.

= ใช้เวลาอีกประมาณสองชั่วโมงก็จะถึงรีสอร์ทที่เป็นจุดหมายของเราแล้ว

วันอังคารที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

ข้อคิดคำคม

Stop hating yourself for everything you aren’t and start loving yourself for everything you already are.
เลิกเกลียดตัวเองที่มีอะไรที่ไม่ใช่เรา
และเริ่มรักตัวเองในทุกอย่างที่เป็นเราได้แล้ว
สำนวน
To hate = เกลียด เช่น...
I hate you. = ฉันเกลียดเธอ
She hates doing this.
= เธอเกลียดการทำแบบนี้
I hate snakes. = ฉันเกลียดงู
Dad hates selfishness.
= พ่อเกลียดการเห็นแก่ตัว
หากต้องการจะบรรยายว่าเกลียดใครมาก็ใช้คำว่า “really” เข้าไปขยายได้เช่น
I really hate that guy.
= ฉันเกลียดคนนั้นจริงๆ
และเกลียดใครเรื่องอะไรให้ใช้ “for”
I hate him for telling a lie.
= ฉันเกลียดเขาเพราะพูดโกหก
He hates me for not keeping the secret.
= เขาเกลียดฉันเพราะเก็บความลับไม่ได้
I hate myself for loving you.
= ฉันเกลียดตัวเองที่ไปรักเธอเข้า
หรือ I hate myself for doing that.
= ฉันเกลียดตัวเองที่ไปทำแบบนั้น
หรือต้องการจะใช้สำนวนสุภาพเพื่อขอโทษที่ทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ก็สามารถใช้ว่า
I hate to bother you, but would you please keep quiet?
= ขอโทษด้วยที่รบกวน ช่วยเงียบหน่อยนะครับ
I hate to bother you, would you please tell me where the post office is.
= ขอโทษที่รบกวน ช่วยบอกหน่อยว่าไปรษณีย์อยู่ไหน
โครงสร้าง I hate to bother you, would you please….+ กริยา