All temporary workers are paid on an hourly.............and receive no benefits.
(A) base (C) basis
(B) based (D) basic
โครงสร้างประโยคนี้คือ
All temporary workers (ประธาน) + are paid on an hourly.............and receive no benefits.
ประธานคือ ( all temporary ขยาย workers ) คำนามหลักคือ employees เวลาอ่าน ต้องจับคำนามหลักให้ได้ นั่นคือ พนักงานหรือลูกจ้าง (ชั่วคราวทั้งหมด) กริยาคืออะไร (ถามตัวเอง) ได้รับค่าตอบแทน กริยาคือ are paid + on an hourly …….and receive no benefits.
มาดูต่อว่าโครงสร้างที่เหลือคืออะไร on an hourly …… ส่วนที่หายไปคือคำนามเพราะมีคำนำหน้านามคือ an อยู่แล้ว
ส่วนต่อมา and ไม่ต้องสนใจเพราะ and ใช้เชื่อมสิ่งที่เหมือนกัน นั่นคือ เชื่อมระหว่าง are … and receive กริยาในรูปปัจจุบันเหมือนกัน ตรงนี้ ถ้าเขาจะจับผิดเรา ก็อาจจะใช้กริยาคนละเวลา เช่น Employees were paid… and receive แบบนี้ผิด เพราะกริยาอยู่คนละเวลา ต้องไปด้วยกัน
คำนามนั้นคือสิ่งที่หายไป ปัญหาต่อมาก็คือ เรารู้หรือเปล่าว่า คำนามนั้นคืออะไร ถ้าไม่รู้ก็จบเห่
(A) base (C) basis
(B) based (D) basic
แต่ถ้ามีความรู้อยู่บ้าง ก็จะรู้ว่า ข้อ b ใช้ไม่ได้เพราะเป็นกริยา ดูจาก –ed
ข้อ d คนไทยชอบใช้ทับศัพท์ว่า เบสิค อาจทำให้เข้าใจผิดว่าเป็นคำนามไป ซึ่งไม่ใช่ เพราะคำที่ลงท้ายด้วย –ic ส่วนใหญ่ (ขอเน้นว้าส่วนใหญ่) จะเป็นคำคุณศัพท์ จึงเลือกไม่ได้
เหลือสองข้อ a, b ข้อสอบมักจะเป็นแบบนี้ ชอบทำให้เหลือสองข้อ คำว่า base คือ ฐานของสิ่งต่างๆ และ basis ก็คือ พื้นฐานของความคิดหรือความจริง นี่คือความแตกต่างที่ยากขึ้นมาอีก
ประโยคนี้จึงตอบข้อ c
ลูกจ้างชั่วคราวได้รับการจ่ายเงินเป็นรายชั่วโมง (โดยมีแนวคิดหรือความจริง)แบบนั้นและไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ
ทีนี้ หลังจากทำแล้ว ก็ต้องจำ เพราะสำนวนพวกนี้มีโอกาสเจอบ่อยมาก ต้องจำว่า an hourly basis ไปเลย เพราะจะไปเจอในโอกาสอื่นๆอีก ให้จำว่า on a ……. basis ไว้เพราะจะไปเจอในสำนวนประเภท on a yearly basis (เป็นปี). On a regular basis (ทำเป็นประจำหรือสม่ำเสมอ) และอื่นๆอีก
Temporary = ชั้วคราว ใช้บ่อยอีกเช่นกัน เพราะโลกการทำงาน มันก็ชั่วคราวทั้งนั้นตรงข้ามคือ ถาวร permanent
และจำต่อไปเลยว่า to receive no benefits ไม่ได้รับผลประโยชน์ใดๆ คำว่า benefits ให้มี “s” เพราะเป็นคำนามที่ใช้ในแวดวงธุรกิจการทำงาน เป็นคำนามนับได้เสมอ หมายถึง ผลประโยชน์อื่นๆ แต่ถ้าเป็นคำนามทั่วไป ที่หมายถึง ข้อดี มันเป็นได้ทั้งสองแบบ แบบนี้ ต้องค่อยจดจำไป เช่น
The benefits of contact lenses
= ข้อดีของคอนแท๊กเลนส์
I never had the benefit of a university education.
= ฉันไม่เคยไม้รับประโยชน์ของการเรียนในมหาวิทยาลัยเลย
The new credit cards will be of great benefit to our customers.
= บัตรเครดิตใหม่จะเป็นประโยชน์อย่างมากกับลูกค้า
สำนวนยกเว้น to be of great benefit แบบนี้เป็นสำนวนเฉพาะ ก็จะไม่มี “s” นี่แหละคือความท้าทาย คนที่จะเรียนภาษาๆได้เร็ว ต้องหมั่นสังเกตคำพวกนี้ จะไปว่าฝรั่งเขาก็ไม่ได้เพราะเขาทำมาเพื่อการใช้ของเขา หน้าที่ของเราคือทำตัวให้คุ้นชินให้มากที่สุด และพยายามนึกไว้เยอะๆหรือจำสำนวนพวกนี้ไว้มากๆ เช่น ในการทำงาน เราก็ต้องนึกถึงผลประโยชน์ ให้คิดเลยว่า ทำงานก็ต้องมีผลประโยชน์อื่นๆ เช่น เงินพิเศษ ค่ารักษาพยาบาล ค่ารถค่าเรือ พวกนี้ รวมเรียกว่า benefits และพยายามจำสำนวน to be of benefit ไว้ เอาไว้ใช้ เช่น This book is of great benefit. = หนังสือเล่มนี้มีประโยชน์มาก หรือหากไม่มีประโยชน์ก็ This book is of no benefit. และสุดท้ายทำอะไร เราก็ทำเพื่อประโยชน์ของอะไรก็ตาม เขาใช้ว่า for the benefit of….. เช่น I work hard for the benefit of the company. = ฉันทำงานหนักเพื่อประโยชน์ของบริษัทล้วนๆ (จริงหรือเปล่าก็ไม่รู้)
หากเราเรียนภาษาแล้ว ปล่อยผ่านไป โดยไม่สนใจการใช้ของมัน ไม่นานหรอก เราก็จะลืม เพราะฉะนั้น ต้องพยายามโยงสิ่งที่รู้มาสู่สิ่งที่เราเป็นอยู่ให้ได้ เช่น ในประโยคนี้ เขาบอกว่า พนักงานได้รับค่าตอบแทนเป็นชั่วโมง เราต้องสามารถนำมาประยุกต์ใช้ให้ได้ว่า I am paid on a weekly basis. = ฉันได้รับการจ่ายเงินค่าแรงเป็นรายอาทิตย์ รายเดือนก็ a monthly basis แต่ก็มีอีกคำหนึ่งที่ใช้กันก็คือ a salary เงินเดือนเท่าไร ก็ What is your salary? = เงินเดือนคุณเท่าไร และเชื่อไหมว่า ในบริษัทเขายังมีเงินเดือนเริ่มต้น เท่าไร เขาก็ใช้ว่า starting salary เช่น What is your starting salary? = เงินเดือนเริ่มที่เท่าไร แบบนี้ ต้องหาอ่านเอาเองตามหนังสือที่เกี่ยวกับเรื่องพวกนี้ นี่คือส่วนหนึ่งของการเรียนรู้เท่านั้น ทำแบบนี้เรื่อยไป แล้วไม่นานก็จะเก่งเอง
การเรียนรู้แบบผิวเผินก็คือ หาเทคนิคมาทำให้ผ่านการสอบ แต่หากต้องการจะเรียนรู้แบบรู้จริงๆ ผู้อ่านต้องหาบทความที่มีสองภาษาในเรื่องนั้นๆมาอ่านเยอะๆ แล้วจะรู้เองว่า เราสามารถเรียนรู้ข้อมูลผ่านตัวภาษาได้เลย
แต่อย่าหักโหม เพราะเราจะตายเอาก่อนพูดภาษาเป็น ภาษาอังกฤษเพื่อการสื่อสารนั้น ดูเหมือนจะยากแต่ไม่ยากเพียงแต่มันเยอะและกว้าง ที่บอกว่าเยอะเพราะมันรวมทุกสาขา ธุรกิจ การเงิน การธนาคาร การบัญชีคิดดูซิว่าในโลกธุรกิจเขาทำอะไรกันบ้าง นั่นแหละ เราต้องรู้ขนาดนั้น แต่ที่เราไม่รู้เพราะเราไม่ได้เตรียมตัวตั้งแต่สมัยเรายังเอ๊าะๆ เรามาเริ่มรู้ตัวตอนแก่ ก็ต้องขยันให้มากหน่อย คนที่ยังอายุยังน้อย ก็จะได้เตรียมตัวซะตั้งแต่เนิ่นๆ พอจบมาจะได้ไม่เหนื่อยมาก ขอย้ำว่า ภาษาที่พวกคุณกำลังเรียนอยู่นั้นคือภาษาที่เขาใช้กันจริงๆ และน่าเรียนรู้เป็นอย่างมาก เพราะมีประโยชน์มากจริงๆและเราจะต้องใช้มันจนวันสุดท้ายของการทำงานหรือวันตายโน่นไปเลย ขอเพียงอย่าท้อซะก่อนเป็นพอ
โชคดีทุกคน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น