อาการกังวล
อาการนี้เป็นอีกหนึ่งอาการที่เราต้องอยู่กับมันไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ จะว่าไปก็แปลก คนเรามีอะไรให้คิดให้หมกมุ่นได้เรื่อยๆ ตั้งแต่ตัวเอง สุขภาพ เรื่องเงินเรื่องทอง ความเป็นอยู่ อาหารการทาน การคบเพื่อน การมีแฟน ทั้งเรื่องของเราเองและเรื่องของชาวโลก ว่าไป ตั้งแต่สากกระเบือยันเรือรบไปจนถึงยานอวกาศ เอากับมันซิ
เวลา เราเกิดอาการอย่างว่า เราสามารถใช้สำนวนว่า
I’m very (so) worried about + สิ่งที่ทำให้กังวล เช่น
I’m so worried about my work / son/ kids/ family/ money
(เอาให้เพราะๆก็ financial situation สถานภาพทางการเงิน เป็นไง หรูไหม) economy / politics / the situation.
ฉันกังวลมากเลยเกี่ยวกับงาน ลูกชาย ลูกๆ ครอบครัว เงิน รายได้ เศรษฐกิจ การเมือง สถานการณ์ เห็นไหม มีหมด
ความรุนแรงก็สุดแท้แต่บุญกรรมของแต่ละท่านที่สะสมมาในอดีตชาติ หากมาก ก็ so / very / extremely (สุดๆ) แต่ถ้าน้อยก็ little เอามันไปใส่ไว้หน้าคำว่า worried ก็จะได้ความเข้มข้นนั้นไป
สาเหตุของความกังวลมีร้อยแปดพันเก้าสุดแต่ว่าใครจะไปเจอกับอะไรในชีวิต อันนี้พลิกแพลงไปตามเหตุและปัจจัย เช่น
I’m so worried about my son. He had a car accident two days ago. He is now in the hospital.
= ฉันกังวลกับลูกชายมาก เขาประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์ 2 วันที่แล้ว ตอนนี้อยู่โรงพยาบาล
มีการผ่าตัด ก็ใช้ว่า คนนั้น + had an operation. เช่น
My dad had an operation.
= พ่อผ่าตัด
เอาแบบกว้างๆ แต่ถ้าเริ่มเก่ง อยากฝอยต่อว่า ผ่าตัดอะไร ก็เอาอวัยวะนั้นๆไปใส่กันเอาเอง เช่น
He had a heart / liver / kidney / intestine / lung operation.
ผ่าตัดหัวใจ ตับ ไต ไส้ ปอด
He had a (n) arm / leg / foot / hand / hip / knee / brain breast / operation.
ผ่าตัดแขน ขา เท้า มือ ตะโพก หัวเข่า สมอง หน้าอก
เอาไปให้หมด แต่ไอ้ที่อยู่นอกเหนือจากนี้ มันไม่ธรรมดา ก็ไปหากันเอาเอง
ผ่าตัดมะเร็ง ก็ To have an operation for cancer. กว้างๆ
ก็น่าจะกังวลอยู่หรอก
แต่ตามที่ท่านองค์พระศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้าท่านทรงตรัสสอนว่า เมื่อเกิดอาการกังวล ให้คิดว่า จะกังวลไปทำไมใยกัน ถ้ามันแก้ไขได้ ก็ไม่ต้องไปกังวล แต่ถ้าแก้ไขไม่ได้ ก็ไม่ต้องกังวล เพราะกังวลไปก็ไม่มีประโยชน์
= If you are worried about something and you can do something about it. Then why worry. But if you are worried about something and there is nothing you can do about it, then why worry!
มาดูความกังวลที่เกิดกับงานกันบ้าง
I lost my job and I have to take care of my family. I’m so worried.
= ฉันตกงานและต้องเลี้ยงดูครอบครัว ฉันกังวลจัดเลย (ก็สมควร)
ก็ปลอบใจไปว่า
ถ้าฉันเป็นนาย ฉันก็ต้องกังวลแบบนี้เผลอๆหนักกว่า
= If I were you, I would worry for sure.
แต่บางคนแสดงท่าทางไม่น่าจะกังวล ก็สามารถย้ำว่า
นี่มันไม่ใช่เรื่องจะมาล้อเล่น เรื่องตลกๆ มันไม่ตลกนะเฟ้ย มันจริงจังออกจะตาย
Do you think this is a joke? This is pretty serious.
มาดูสาเหตุอื่นๆกันอีก
I don’t know how I’m going to pay for the medical bills.
= ไม่รู้จะหาเงินมาจ่ายค่ายาค่าหมอยังไง
I don’t know how to pay the bills.
= ไม่รู้จะหาเงินมาจ่ายค่าน้ำไฟยังไง
I don’t know how to pay for the expenses.
= ไม่รู้จะหาเงินมาจ่ายรายจ่ายอื่นๆได้อย่างไร
I don’t know how to pay for + สิ่งที่เป็นภาระ
a house / a car / a motorbike / a necklace / credit card loan
I have so much debt. I don’t know what to do.
= ฉันไม่รู้ว่าจะจ่ายค่าบ้าน รถยนต์ รถจักรยานยนต์ สร้อยคอ บัตรเครดิต ได้ยังไง
ฉันมีหนี้เยอะ ไม่รู้ว่าจะยังไง
ที่โรงเรียน
I just took an exam and I don’t know whether I passed it or not.
= ฉันเพิ่งสอบเสร็จและไม่รู้ว่าจะผ่านไหม
I have to take a test tomorrow and I am not ready.
= พรุ่งนี้ ฉันต้องสอบ และก็ยังไม่พร้อม
I applied for four schools. What’s going to happen if I don’t get into any of them?
= สมัครเรียนไป 4 ที่ อะไรจะเกิดถ้าฉันไม่ได้สักแห่ง
ที่ทำงาน
I just had an interview. I don’t know if I got it or not.
= ฉันเพิ่งจะสัมภาษณ์งานมา ไม่รู้ว่าจะหมู่หรือจ่า
So many people are relying on me. What is going to happen if I let them down?
= มีหลายคนไว้ใจฉัน อะไรจะเกิดขึ้นน๊า ถ้าฉันทำให้พวกเขาผิดหวัง
My aunt had a car accident. She’s in critical condition. I don’t know what’s going to happen.
= ป้าประสบอุบัติเหตุรถยนต์ อาการสาหัส ไม่รู้ว่าจะเป็นยังไง
ก็อย่างที่บอก ให้ใช้คำสอนขององค์พระศาสดาบอกตัวเองตามข้างบนนั่นเลย ท่องเป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษควบคู่กันไปจะได้จำไปทั้งสองภาษา เกิดจับพลัดจับผลู ได้มีโอกาสเจอชาวต่างชาติเกิดอาการกังวล ก็สามารถบอกเขาได้ด้วย นับเป็นบุญ
เอาล่ะ ทีนี้ก็ลงอมาดูว่า เราจะปลอบใจคนที่เกิดอาการกังวล สามารถใช้คำพูดอะไรได้บ้าง
เลิกกังวลซะ นาย มีแต่จะทำให้นายรู้สึกแย่ได้อีก
= Stop worrying. It’s only making you feel worse.
บางคนถามทำไมใช้ is making ทำไมไม่ใช้ it only makes ได้หมด ถ้าสดชื่น เอ้ย ไม่ใช่ ถ้าต้องการเน้นว่ากำลังทำให้กังวล ก็ใช้ ing ไป แต่ถ้าไม่อยากยุ่งยากก็ใช้ makes ไป ไม่ต่างกันเท่าไร
You should try to think positive. Worrying is not going to help you. There is always someone worse than you.
= ควรพยายามคิดบวกเข้าไว้ การกังวลจะไม่ได้ช่วยอะไรนายเลย ยังมีคนที่แย่กว่านายอีก
หากเราสามารถช่วยเขาได้ ก็นี่เลย
Don’t worry about it. I will take care of it.
= อย่าไปกังวล เดี๋ยวฉันจะดูแลให้เอง
ประโยคนี้ป๋ามาก เรื่องเงินเรื่องทอง หรือเรื่องอื่นๆ ทำได้หมด ประโยคนี้ กว้างๆไว้ก่อน ส่วนใครจะลงรายละเอียด ก็ตามแต่ เอาเข้าจริง เอาแบบกว้างๆ ไว้ดีกว่า สบายใจทั้งผู้พูดและผู้ฟัง ไม่ต้องคิดหาอะไรมาพูดมาก ปวดหัว ปวดใจ เช่น
Don’t worry! Everything will be ok./ alright.
= จะกังวลไปใย เดี๋ยวทุกอย่างก็จะดีเอง
Don’t worry! Everything will work out.
ประโยคนี้ก็ดี ใช้สลับกันเดี๋ยวเขาจะหาว่าเราเป็นอยู่แค่ประโยคเดียว
หากเป็นเรื่องงาน ก็สามารถบอกได้ว่า
I’m sure you will get a job soon.
= ฉันแน่ใจว่าเดี๋ยวแกก็ได้งาน
เติมคำว่า I’m sure ลงไปหน่อยว่า อั๋วแน่ใจว่าลื๊อจะได้งาน แต่ในใจอาจเกิดความขัดแย้งว่า สภาพเศรษฐกิจเป็นเยี่ยงนี้ ขนาดอั๊วก็ยังจะเอาตัวไม่รอด แต่ก็ต้องพูดไป เอาไว้ปลอบใจตัวเองด้วยเพราะเราเองก็ต้องเจอเรื่องกังวลแบบนี้แน่นอน ไม่เรื่องนี้ก็เป็นเรื่องโน้น ไม่เรื่องโน้น ก็เป็นเรื่องนั้น
ถ้าเป็นการสอบ ก็
I’m sure you will pass the test. If you fail this time, try it again. Where there is a will, there is a way.
= ผ่านการสอบแน่ ถ้าตกอีก ก็พยายามใหม่ ถ้ามีความตั้งใจ ก็ต้องมีหนทางซิ เชื่อเหอะ
แต่หากเจอบางคนที่เว่อร์เกิน ก็สามารถใช้คำพูดต่อไปนี้
You’re over reacting. The situation is not that bad. Please get real! (Stop imagining things!)
= นายนี่มันเวอร์เกิน สถานการณ์มันไม่ได้เลวร้ายแบบนั้นซักกะหน่อย หยุดมโนซะ
หรือจะเตือนสติว่า
Worrying is not going to help your situation. Let’s think step by step about the plan that will help you handle the problem.
= การกังวลจะไม่ช่วยทำให้สถานการณ์ดีขึ้น ลองมาคิดทีละขั้นทีละตอน เกี่ยวกับแผนที่จะมารับมือกับปัญหานั้นดีกว่าไหม
หรือ
Everything happens for a reason. I’m sure something good will come out.
= ทุกอย่างเกิดด้วยเหตุผลที่ดีของมัน ฉันมั่นใจว่า สิ่งดีๆจะเกิดขึ้น
เอาแค่นี้ ก็เก่งแล้ว
ทีนี้ มาดูความกังวลที่เกิดในครอบครัวกันบ้าง รับรองว่าเกิดกับทุกคน ทุกเพศทุกวัย ทุกสถานะ เพราะเราคือคน คนคืออาการมั่ว มันสะสม ระคนปนเปกันอยู่ทั้งตัวคนและอารมณ์
คำพูดที่เราสามารถใช้กับคนในครอบครัวคือ
Stop worrying about me. I’m ok. Don’t worry about me. I can take care of myself.
= เลิกกังวลกับฉันได้แล้ว สบายดี ไม่ต้องห่วง ฉันดูแลตัวเองได้
I wish my mom would stop worrying about me .
= อยากจะให้แม่เลิกกังวลเกี่ยวกับฉันซะที (ทุกคนโดนหมด ยกเว้นคนที่พ่อแม่ไปสวรรค์แล้ว)
สรรพนามปรับเปลี่ยนได้ตามสถานการณ์ เช่น
I wish my Dad would stop worrying about mom / my sister/ his aunt. ได้หมด
ความกังวลเกิดขึ้นเพราะอะไร ความกังวลเกิดขึ้นเพราะความกังวล
My dad is always worried about my future.
= พ่อมักจะกังวลถึงอนาคตของฉัน
(แต่หารู้ไม่ว่าพ่อก็กงัวลเกี่ยวกับอนาคตของพ่อเหมือนกันแต่พ่อไม่ยอมบอก เดี๋ยวจะเสียฟอร์ม)
ทีนี้มาดูคำตอยอมตะนิรันกาล คลาสสิค แบบ all time คือ
Your parents only worry because they love you.
= พ่อแม่กังวลเพราะรัก
แต่เราก็ต้องบอกว่า
It doesn’t help the situation. It makes them more worried.
= มันไม่ได้ช่วยอะไร นอกจากกังวลเพิ่ม
คำพูดที่พ่อแม่มักใช้คือ ก็เพราะเป็นลูกจึงอดห่วงไม่ได้
Because you are my son / daughter. I can’t help but worry. If you were me, you would do the same. = ถ้าแกมาเป็นฉัน แกก็ต้องห่วงเหมือนฉันนี่แหละ
คำพูดที่เรามักจะได้ยินอีกจากคนที่ต้องคอยปลอบใจเราว่า
ที่พ่อแม่กังวลก็เพราะรัก รักคือคำตอบที่สามารถทำร้ายคนทั้งเป็นหากใส่ใจมันมากเกินไป หากมีใครมาโวยใส่หูเรา เราก็ต้องปลอบไปตามรูปแบบที่คุ้นเคยกันก็คือ
พ่อแม่อยากจะให้สิ่งที่ดีที่สุดกับลูกใช้ว่า
Mom / Dad only wants what is best for you. No wonder if she/ he is worrying so much.
= พ่อหรือแม่แค่ต้องการให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด ไม่น่าแปลกใจหากจะกังวล
ได้หมดถ้าสดชื่น กังวลไปเลย ทำนองนั้น หรือ
Your dad wants you to have a better life than his. That’s why he is worrying.
= เพราะพ่ออยากให้ลูกมีชีวิตที่ดีกว่าพ่อ ก็เลยต้องกังวล
พ่อทำถูกแล้วที่กังวล มีเหตุผล
It’s reasonable for Dad to be worried.
อนุญาตให้กังวลต่อไป หรือบางคนทำตัวเหลวแหลก แบบนี้ก็น่าห่วง เช่น
If you were not such a screw up, then your parents wouldn’t have to worry about you.
ประโยคนี้ดี ถ้านายไม่ทำตัวไม่ดี พ่อแม่พี่น้องก็คงไม่ต้องมากังวล
โปรดสังเกตการณ์ใช้กริยา ใน If-clause มันเป็นไปไม่ได้ จึงเห็นการใช้กริยาช่อง 2 เพราะมันเป็นไปไม่ได้ ยังไง
a screw up คือคนที่สร้างเรื่องสร้างราว ทำเรื่องไม่ดีๆ ก่อเรื่องก่อราว
ลองดู ความกังวลที่เกิดกับคนเป็นพ่อเป็นแม่ต่อ
I am 42 years old and I don’t have a girlfriend / boyfriend. What if I don’t get married. My mom is worried that I won’t get married.
= ฉันอายุอานามปาเข้าไป 42 ขวดแล้ว และยังไม่มีแฟน จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่แต่งงาน แม่จะกังวลว่าฉันจะไม่แต่งงาน
พอแต่งงานแล้ว พ่อแม่ก็จะกังวลต่ออีกว่า จะไม่มีลูก
= My parents are worried that I won’t have kids.
เห็นไหม ว่าโลกเราใบนี้ถูกความคิดหลอกให้กังวลในทุกเรื่องทุกนาที จนกว่าจะเด๊ดสมอลเลย์ โชคดีความกังวล โชคดีทุกคนที่เกิดมาบนโลกใบนี้แล้วมีความกังวล หากถามว่าตัวผู้เขียนมีไหม ปัดโธ่เอ๋ย ก็คนเหมือนกัน แต่ขอบอกวิธีทำใจก็คือ ยึดเอาคำสอนข้างต้นนั่นแหละ หมั่นเตือนตัวเองทุกครั้งที่เกิดอาการอย่างว่า และท่องต่อไปว่า
One day I will die. No one will live forever.
วันหนึ่งตัวตรูก็ต้องเน่า ไม่มีใครอยู่ได้จนชั่วฟ้าดินสลาย
ดังนั้น Why worry! = แล้วจะกังวลไปทำไม
เสียลมหายใจไปเปล่าๆปลี้ๆ = It’s a waste of life.
6 สำนวนใช้พูดเพื่อลดความกังวล
1. Don't worry. = อย่ากังวลเลย
2. You'll be fine. / It'll be fine = เดี๋ยวก็ดีเอง ทุกอย่างจะดีเอง
3. What are you worrying for? = กังวลไปเพื่ออะไร
4. There's no need to worry. = ไม่มีความจำเป็นต้องกังวลเลย
5. There's nothing to worry about. = ไม่มีอะไรที่ต้องกังวล
6. It'll turn out all right. = เดี๋ยวจะออกมาดีเอง
7. It isn't as bad as all that. = ไม่ได้เลวร้ายแบบนั้นซักกะหน่อย
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น