ทุกสิ่งทุกอย่างในโลกต่างมีข้อดีข้อเสียทั้งนั้นแม้แต่ตัวเราเอง สิ่งที่ท้าทายสำหรับการอยู่รอดและอยู่อย่างมีความสุขก็คือ หาอะไรหรือใครที่มีข้อดีมากกว่าข้อเสียหรือหาข้อดีที่มันกลบข้อเสียของมันให้หมด เมื่อนั้นแหละ ใจเราจะมีความสุข เวลาเราจะพูดถึงข้อดีข้อเสีย เรามีสำนวนหรือคำศัพท์อะไรที่จะเอาบรรยายได้บ้าง ก็ที่คุ้นๆก็ได้แก่
The advantage (s) อ่านว่า ดิส เอิด (แวน) ทิจ (เจิส ถ้าเป็นพหูพจน์)
ข้อเสียก็คือ disadvantage (s) เอา dis มาเติม เป็นไง ง่ายไหม เช่น
The disadvantage of a car is convenience while its disadvantage is a great expense.
= ข้อดีของรถคือ สะดวก ส่วนข้อเสียคือ ค่าใช้จ่ายเยอะมาก
เราจะมาดูกันว่า เวลาจะบรรยายข้อดี เราจะใช้โครงสร้างไหนดีที่มันง่ายต่อการใช้ที่สุด
The advantage (s) of… สิ่งที่ต้องการบรรยาย… is/ are……. เช่น
The advantage of living in the city is convenience.
= ข้อดีของการอยู่ในเมืองคือ ความสะดวกสบาย
แต่ถ้ามันมีมากกว่า 1 ข้อ ก็ต้องเติม “s” ตัวอย่างเช่น
The advantages of living in the city are convenience, location and careers.
= ข้อดีของการอยู่ในเมืองก็คือ ความสะดวกสบาย ทำเลและอาชีพ
คำว่า advantages เราสามารถเอาคำว่า benefit(s), merit(s), asset (s), pro (s) ไปแทนที่ได้เลย (หากเบื่อ)
ส่วนข้อเสียก็เอาพวกนี้เข้าไปช่วยโดยมีหัวขบวนคือ disadvantage (s)
คำที่สามารถเอาไปใช้แทนที่ได้แก่ drawback(s), con (s), liability (เอกพจน์ พหูพจน์ก็ liabilities ) มาดูตัวอย่างกัน
The drawbacks of living in the city are traffic jams, too many people, and pollution.
= ข้อเสียของการอยู่ในเมืองใหญ่ก็คือ รถติด คนเยอะและมลพิษ
นอกจากนี้ เรายังสามารถใช้โครงสร้างอื่นได้อีกนั่นคือ
a blessing , bonus , a strong point , a good thing จุดดี จุดแข็ง ข้อดี ใช้ได้หมด เช่น
Another strong point of a city is a variety.
= จุดแข็งหรือข้อดีของเมืองใหญ่อีกข้อหนึ่งก็คือ ความหลากหลาย
A blessing of overseas study is firsthand experience.
= ข้อดีของการเรียนเมืองนอกอีกอย่างหนึ่งก็คือการได้ประสบการณ์ตรง
คำว่า first-hand อยู่ที่ใด หมายถึง มือหนึ่ง เหมือนรถใหม่ a first-hand car รถมือสองก็ a second-hand car หรือเราจะเอามันไปใช้บรรยายสิ่งใดก็ตามที่ไปเจอครั้งแรก จากต้นตอ แบบนั้น หมายถึง first-hand เช่น
first-hand information = ข้อมูลที่ไปเจอมาเอง จากต้นตอ
hands-on experiences เหมือนกันคือ ประสบการณ์ที่ลงมือทำเองไม่ได้เป็นเรื่องทฤษฎีเพราะบางที บางทฤษฎีมันก็ไม่ดี
ส่วนข้อเสียในกลุ่มนี้ก็คือ
A curse , a weak point, a bad thing ลากเอามาใช้ให้หมด เช่น
Pollution in a city is a curse.
= มลพิษในเมืองเป็นข้อเสีย
(แปลตรงตัวคือ คำสาปแช่ง ตรงข้ามกับ ข้อดี blessing)
เพราะฉะนั้น เวลาใช้ ก็เอาไปใช้เป็นคู่ๆ เช่น a blessing ควรจะไปกับ a curse
ส่วน a weak point ก็ควรไปกับอะไรที่มันเป็น point ๆ เหมือนกัน นั่นคือ a good point/ a strong point เพราะมันถูกออกแบบคู่กัน
นอกจากนี้ ฝรั่งเขายังคิดค้นสำนวนแบบเก๋ไก๋เอาไว้ให้เราใช้อีก อันนี้มาเป็นกลุ่มเป็นก้อน ก็ยังสามารถเอาสำนวนต่อไปนี้ไปใช้ได้อีก ใครอยากทันสมัย อยากให้ตัวเองดูดี ก็เอาชุดนี้ไปลองสวมลองใส่ดู รับรองภาพดีขึ้นเยอะแน่นอน นั่นคือ
On the plus, on the positive side / on the upside,……..สิ่งที่ต้องการบรรยาย + is…… เช่น
On the plus, living in a city is convenience.
= ข้อดีอีกอย่างหนึ่งก็คือ การอยู่ในเมืองนั้นคือความสะดวกสบาย
และตรงข้ามก็คือ
On the minus, on the negative side, on the downside,…..
On the downside, living in a city can be very expensive.
= ข้อเสีย ก็คือ การอยู่ในเมืองนั้นสิ้นเปลืองมาก
หรือจะเอาไปใช้ในรูปของคำกริยาก็ไม่เลว
We can benefit from…..อ่านว่า (เบ) เหนอะ ฟิท
We can profit from……. อ่านว่า (พรา) ฟิท
We can benefit from the convenience of a city.
We can profit from the convenience of a city.
= เราสามารถได้รับประโยชน์จากความสะดวกสบายของเมือง เป็นต้น
และสุดท้ายก็คือ การนำเอาคำนามมาแปลงเป็นคำคุณศัพท์แล้วเอาไปวางไว้หลังโน่นเลย
คำที่ว่าคือ disadvantageous อ่านว่า ดิส เอิด (แวน) เทิสเจิส เป็นไง ยาวไหม ไม่ได้ขอร้องให้เอาไปใช้แต่ขอให้จำเผื่อไปเจอมันที่ไหน จะได้รู้ว่า มันคือสิ่งเดียวกัน
คำต่อมาคือ beneficial อ่านว่า เบ เหนอะ (ฟี) เชิล) และ favorable อ่านว่า (เฟ) เหวอะเหรอะเบิ้ล และทำให้เป็นข้อเสียได้โดยการเอา dis + advantageous เอาคำคุณศัพท์เหล่านี้ไปวางไว้หลังสิ่งที่เป็นข้อดี เช่น
Having own transportation is advantageous.
หรือ Having own transportation is an advantage. ก็ได้
หมายถึง การมีรถจะได้รับการพิจารณาก่อนหรือได้เปรียบนั่นเอง
ในโลกของการทำงาน ตอนจบ เหล่าบัณฑิตหน้าใสหรือหน้าแก่ต้องอ่านโฆษณาหางาน และประโยคที่ต้องเจอก็คือ
Being able to communicate in English/ Chinese is an advantage. (is advantageous)
นั่นก็หมายความว่า (ใครก็ตามที่มี)ความสามารถในการสื่อสารภาษาอังกฤษ หรือภาษาจีนจะได้รับการพิจารณาก่อน
เอาเป็นว่า สำนวนนี้เห็นที่ไหนคือ นั่นคือสิ่งที่เขาต้องการและหากเรามี เราก็ได้เปรียบ
การนำโครงสร้างมาใช้บรรยายผู้คน เราก็สามารถใช้ในรูปประโยคได้อีก เอาแบบรูปแบบของเราก็ได้ เช่น ข้อดีของชายคนนี้คือ เขาเป็นคนมีน้ำใจชอบช่วยเหลือ เราก็สามารถบรรยายได้ว่า
The advantage of this guy is that he is helpful.
ยังไม่พอ ต้องให้อีก เช่น
Another good point is that he is understanding.
= จุดแข็งหรือข้อดีอีกอย่างหนึ่งของเขาก็คือ เขาเป็นคนที่เข้าใจคน
มีอีก
Another blessing is that he is attractive.
= เขาเป็นคนมีเสน่ห์
(เห็นไหมว่า เราสามารถหลีกเลี่ยงการใช้คำว่า advantage โดยใช้คำเหมือนหรือสำนวนเหมือนมาแทนที่ ให้ความหมายเหมือนเดิมแต่ความรู้สึกไม่เหมือนเดิม)
คนเรามันจะสมบูรณ์แบบได้ยังไง ไม่มีใครสมบูรณ์แบบได้ แต่หากข้อเสียบางอย่างมันแรง ก็ไม่มีใครเขาทนเจ็บทนปวดอยู่ได้หรอก เช่น
ข้อเสียข้อเดียวของเขาก็คือ เขาเจ้าชู้
= The only drawback is that he is flirtatious.
อันนี้อาจเป็นข้อเสียที่รุนแรงก็ได้เพราะเขาเจ้าชู้ แบบนี้ก็กลบข้อดีทั้งหมดไปเลย หมดกัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น