วันพฤหัสบดีที่ 22 เมษายน พ.ศ. 2564

ANGER

 ANGER

โกรธใครคิดว่าไม่สำคัญ โกรธเบาๆเท่านั้นทำให้ใจฉันสั่นได้ไม่แพ้จูบ เอ มันเกี่ยวกันไหมเนี่ยะ เคยได้ยินเพลงเก่ายุคดึกดำบรรพ์ที่นักแต่งเพลงเขาพูดถึงพลังแห่งการจูบไหม พลังแห่งการจูบ มีเหรอจะสู้พลังแห่งการโกรธ เพราะอย่างหลังนี่มันทำลายล้างได้อย่างราบคาบ สร้างความ ship หาย ให้ทั้งผู้โกรธและผู้ถูกโกรธ และเผลอๆ ก็ทำลายล้างคน สัตว์ สิ่งของที่อยู่ในรัศมีการทำลายล้างด้วย ไม่มีใครอยากครอบครองอารมณ์นี้หรอก มันโหด โหด โหด อย่างเดียว เวลาเราโกรธ โมโหเราจะต้องหาทางระบายมันออกไปไม่งั้นมันจะระเบิด พอมันระเบิดตูมขึ้นมา บอกได้คำเดียวว่า ship หาย กันถ้วนหน้า เราจะมาดูกันว่า เวลาฝรั่งเขาโกรธขึ้นมา เขาจะเอาอะไรมาพูดกันได้บ้าง
สำนวนแรกก็คงหนีไม่พ้น รู้สึกโกรธ ซึ่งเราสามารถใชโครงสร้างว่า
To get / be angry with / at + ใคร เช่น
He is very angry with / at me. เขาโกรธฉันอย่างแรง
Mom gets really angry with / at her dog. แม่โกรธหมามาก
ก็เอาเป็นว่า โกรธใคร ใช้โครงสร้างนี้แล้วกัน จะได้ไม่ต้องเหนื่อย
To be honest, I am angry with / at you.
= บอกตามตรง ตอนนี้ฉันโกรธแก
แต่ถ้าต้องการจะบรรยายว่าโกรธเรื่องอะไรก็ใช้ about ไปช่วย เช่น
Dad was really angry about my bad grades.
Dad was really angry at me about my bad grades.
= พ่อโกรธมากที่ฉันได้เกรดไม่ดี (เรื่องเกรดแย่ๆของฉัน)
ก่อนจะไปกันต่อ ขอแนะนำสำนวน pissed off ซึ่งก็แปลว่า โกรธ เช่นกัน เช่น
He was really pissed off at me.
= เขาโกรธฉันมากเลย
เราสามารถนำมันไปใช้แทนที่ angry หรือ mad ได้เลย
มาหัดใช้โครงสร้างนี้กันดู
I was really angry / mad / pissed off when I found that he told lies.
= ฉันโกรธมากเมื่อรู้ว่าเขาโกหก
He was really angry / mad when he found out the truth.
= เขาโกรธมากเมื่อรู้ความจริง
She was really angry / mad when she found that her neighbor left the trash in front of her house.
= เธอโกรธจัดทีเดียวเมื่อเพื่อนบ้านเอาขยะมาทิ้งไว้ที่หน้าบ้าน
We were really angry / mad when they criticized our project.
= เราโกรธจัดเมื่อพวกเขามาวิจารณ์โครงการของเรา
She was really angry / mad when he cheated on her.
= หล่อนโกรธจัดเมื่อถูกสวมเขา
He was really angry / mad when he found that he was used.
= เขาโกรธจัดเมื่อรู้ว่าถูกหลอกใช้
เอาเป็นว่า ฝึกใช้โครงสร้างข้างบนนี้ให้คล่อง ก็เห็นจะพอรับทานแล้ว ชาตินี้ เพราะหากเราไม่มีอะไรจับไว้ให้แน่นๆ พอเราไปเจอโครงสร้างอื่นที่สวยแต่ซับซ้อน เราจะเกิดอาการเง็งๆเอง ซึ่งไม่ดี แต่ถ้าโครงสร้างนี้เจ๋งแล้ว ทีนี้ก็ไปต่อยอดกันเองตามสบาย
ต่อมา มาดูสำนวนที่หมายถึง ทำให้โกรธ ทำให้ฟาดงวงฟาดงา
To make / drive someone crazy / mad เช่น
It’s driving the teacher crazy / mad when students talk in class.
= มันทำให้ครูฉุนกึก ตอนที่นักเรียนคุยกันในห้อง
เอาโครงสร้างนี้ไปฝึกใช้ ขอบอกดีมาก
It makes me mad when…. มันทำให้ตรูฉุนนะโว้ยเมื่อ… เช่น
It always makes me mad when she disagrees with me.
= มันทำให้ฉันโกรธประจำเลยตอนที่หล่อนไม่เห็นด้วยกับฉัน (ไม่ยอมเออออด้วย)
It makes him angry when she criticizes him.
= มันทำให้เขาโกรธเมื่อหล่อนวิพากย์วิจารณ์เขา
It made Dad angry when I didn’t followed his advice.
= มันทำให้พ่อโกรธเมื่อฉันไม่ทำตามคำแนะนำของพ่อ
เรามาดูอีกโครงสร้างหนึ่ง ซึ่งขอนำเหนอ มันดีไม่แพ้กัน
It’s driving + ใครสักคนใครก็ได้ + crazy / mad when…. ขอร้อง ห้ามใช้ angry แต่ถ้าต้องการใช้ angry ก็ทำได้ จัดให้ บอกแล้ว ได้หมดถ้าสดชื่น ใช้มันในโครงสร้างนี้เลยครับท่าน It really made me angry when……
It’s driving Dad angry / mad when he found that we lied.
It really made Dad angry when he found that we lied.
= มันทำให้พ่อฉุนเมื่อพ่อรู้ว่าเราโกหก
ฝึกใช้แบบนี้ไปมา หรือถ้าไม่อยากงง ก็เอามันแค่โครงสร้างเดียว ก็ขอรับรองว่า พอรับทานแล้ว
It’s driving mom and dad crazy / mad when I argued with them.
= มันทำให้พ่อกับแม่โกรธจัดตอนที่ฉันเถียง
It really made Dad and Mom angry when I argued with them.
Never make Dad mad. If he is mad, run for life.
= อย่าได้ทีเดียวเชียว ไปทำให้พ่อโกรธ ถ้าพ่อโกรธขึ้นมา ก็ตัวใครตัวมัน (วิ่งเอาตัวรอดกันเอาเอง)
หรือมาดูแบบนี้ ก็เข้าท่าดีเหมือนกัน เราเริ่มต้นด้วย ทุกครั้งที่คิดถึงเขา คิดถึงเรื่องนี้ ขึ้นมาทีไร ก็อดโกรธ อดโมโหไม่ได้ แบบนี้ก็ใช้อันนี้เลย
Whenever I think about him, I get pissed off / get really angry. He treats me like crap.
= เมื่อคิดเกี่ยวกับอีตาคนนี้ขึ้นมาทีไร ฉันละโคตรโกรธเลย ทำกับฉันเหมือนขยะ
Whenever I think about the boss, I get pissed off / mad/ angry. He fired me.
= เมื่อคิดถึงหัวหน้าขึ้นมาทีไร อดฉุนไม่ได้ว่ะ เขาไล่ฉันออก
(คำว่า fired มาจาก to fire หมายถึง ไล่ออกจากงาน)
Whenever Dad thinks about me, he gets pissed off. I lied to him.
= คราใดที่พ่อคิดถึงฉัน พ่อฉุนเลยล่ะ ฉันโกหกพ่อ
Whenever I think about him, I get pissed off. He stabbed me in the back.
= คิดถึงเขาขึ้นมาทีไร อดโกรธไม่ได้ เขาแทงข้างหลังฉัน )(นินทาให้ร้าย ทรยศหักหลัง ไม่ใช่เอามีดมาแทง เป็นการเปรียบเทียบ)
(สำนวน พูดลับหลัง ก็คือ to talk behind someone’s back)
แต่หากไม่โกรธ เอาแค่เบาะ คือ รู้สึกหงุดหงิด รำคาญเล็กๆน้อย เราก็สามารถใช้ว่า
I was really annoyed /upset about his stupidity.
= ฉันหงุดหงิดที่เขางี่เง่า
Dad was annoyed about my grades.
= พ่อหงุดหงิดเรื่องเกรด
ทีนี้เราก็มาดูคำพูดที่สามารถใช้ปลอบใจกันสักหน่อย เพราะจะว่าไป แม้ช่วยอะไรให้เห็นเป็นรูปธรรมไม่ได้ ก็เอายาหอมยาลมยาหม่องถูๆไถกันไปก็ยังดีกว่าไม่ทำอะไรเลย เช่น
I can’t believe that happened.
= ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่า มันเกิดขึ้นได้ยังไงวะเนี่ยะ
I can’t believe how that happened. (แปลเหมือนข้างบน)
I know how you feel. I was really angry when that happened to me.
= ฉันรู้ว่าแกรู้สึกยังไง ฉันโกรธจัดเหมือนกันตอนที่มันเกิดกับฉัน
I can’t imagine how angry you must feel. It has never happened to me. But if I were you, I would feel the same.
= ก็คิดไม่ออกเหมือนกันว่านายรู้สึกโกรธได้ขนาดไหน ไม่เคยเกิดกับเรา แต่ถ้าเราเป็นนาย ก็คงรู้สึกเหมือนๆกัน
If that happened to me I would get revenge.
= ถ้าเกิดกับเราล่ะก้อ ก็จะขอแก้แค้น (ให้มันรู้กันไปว่าใครจะอยู่ ใครจะไป ไปไหนก็ไม่รู้ แต่คงไม่ได้ไปดีแน่นอน)
ทางที่ดีที่สุดก็คือ เลิกคบเป็นเพื่อน เขาไม่สมควรจะมีเพื่อน
= The best thing to do is stop being his friend. He doesn’t deserve to have any friends.
I was really pissed off when I found that my friend dated my ex-girlfriend. I still have feeling for her.
= ตรูฉุนมากเลยเมื่อรู้ว่าเพื่อนนัดเที่ยวกับอดีตแฟน ตรูยังรู้สึกกับเธออยู่
และหากต้องการจะบอกว่า อย่ามาโกรธตรูเลย ตรูไม่ได้ตั้งใจให้เป็นแบบนั้นก็สามารถใช้สำนวนต่อไปนี้เพื่อขออภัย เช่น
Don’t get mad / angry at me. I really didn’t mean it.นี่ คือประโยคเด็ด เอาไว้อ้อน
ไม่รู้ว่านายเกี่ยวข้อง มีส่วนมารู้เห็น หวังว่านายคงไม่โกรธนะ
= I didn’t know you were involved. I hope you’re not mad at me.
I am so sorry. I really didn’t know it was going to make you mad.
= ฉันขอสุมาเต๊อ ไม่รู้จริงๆว่ามันจะทำให้นายโกรธ (รู้งี้ก็จะไม่ทำหรอก)
If I knew it, I wouldn’t do that.
= ถ้ารู้ ก็คงไม่ทำ
มีอีกหนึ่งสำนวนที่น่าเรียนรู้ อย่าเพิ่งงง ถ้างง พักด่วน แล้วค่อยมาอ่านต่อวันหลัง แต่ที่ต้องจับมาใส่ไว้ตรงนี้เพราะมันจะได้อยู่เป็นกลุ่มเป็นก้อน ทีหน้าทีหลัง เวลาต้องการจะจำอะไรเป็นแพ็ค จะได้หาง่าย มาดูกัน
To be frustrated หมายถึง รู้สึกอึดอัด คับข้องใจ เช่น
He gets frustrated with her life.
= เขาอึดอัดกับชีวิตของเขาเอง (ชีวิตบัดซบ Life sucks.)
เพราะฉะนั้นเวลาเรารู้สึกอีดอัด คับข้องใจ ก็อุทานมาเป็นภาษาอังกฤษมันซะเลย
I’m so frustrated. ดูจากตัวสะกดของคำนี้ มันก็น่าอึดอัดอยู่ไม่น้อย อ่านว่า ฟรัส เตรท ทิด เน้นพยางค์ที่ 2 กว่าจะเขียนออกมาได้ขนาดนี้ก็ทำเอาเหนื่อยไปเหมือนกัน
แต่โครงสร้างที่ทุกคนต้องคุ้นเคยเพราะเจอมันมาทุกอารมณ์ นั่นก็คือ
It’s so / really frustrating + V ing เช่น
It’s so/ really frustrating seeing you guys talk in the movie theatre.
= อึดอัดใจจังเว้ยเฮ้ย ที่เห็นพวกแกคุยกันในโรงหนัง
It’s so / really frustrating working with them.
= น่าอึดอัดจังโว้ยที่ต้องทำงานกับพวกเขา
It’s so / really frustrating thinking about it.
= น่าอึดอัดใจจังโว้ยที่ต้องคิดเกี่ยวกับมัน
และก็ตามระเบียบ เราสามารถเอาคำนี้มาประยุกต์ใช้ในโครงสร้างต่อไปนี้คือ
It’s easy to get frustrated when…….. รู้สึกอึดอัดได้ง่ายๆเมื่อ...
It’s easy to get frustrated when things don’t go as planned.
= รู้สึกอึดอัดได้ง่ายๆเมื่อสิ่งต่างๆไม่เป็นไปตามที่วางแผน
It’s easy to get frustrated when things are not fair.
= รู้สึกอึดอัดได้ง่ายๆเมื่อสิ่งต่างๆไม่ยุติธรรม
It’s easy to get frustrated when someone you love says no to love.
= รู้สึกอึดอัดได้ง่ายๆเมื่อคนที่เรารักปฏิเสธความรัก

อาจเป็นรูปภาพของ ธรรมชาติ, ภูเขา และทะเลสาบ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น