วันอาทิตย์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2563

Life is full of pain

 Life is full of pain,

but does it ever get better?
Will people ever care about each other,
and make time for those who are in need?
Each of us has a part to play
in this great show we call life.
Each of us has a duty to mankind
to tell our friends we love them.
If you do not care about your friends
you will not be punished.
You will simply be ignored…
ignored…
as you have done to others.
ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
แต่ความเจ็บปวดนั้นจะไม่จางหายไปเลยหรือ
ผู้คนจะไม่ใส่ใจใยดีต่อกันบ้างเลยหรือไร
และไม่คิดจะหาเวลามาใส่ใจคนที่ทุกข์ใจกันเลยหรือ
จริงอยู่ แต่ละคนนั้นมีหน้าที่ที่ต้องทำ
บทบาทหรือหน้าที่ที่เราเรียกว่า หน้าที่ของชีวิต
แต่ละคนต่างมีหน้าที่ต่อมวลมนุษยชาติ
ในการที่จะบอกเพื่อนๆของเราว่า เรารักพวกเขานะ
หากคุณไม่ใส่ใจใยดีกับเพื่อนแล้ว
ไม่มีใครจะมาลงโทษคุณหรอก
แต่ที่สุดแล้ว จะไม่มีใครมาสนใจคุณ
เหมือนที่คุณไม่สนใจคนอื่นเขา
ศัพท์สำนวน
ขึ้นมาข้อความแรกก็น่าสนใจแล้ว
เห็นไหม เขาบอกว่า ชีวิตนั้นมันเต็มไปด้วยความเจ็บปวด
สำนวน to be full of + สิ่งใดหรือใคร
ก็คือ เต็มไปด้วยสิ่งนั้นหรือคนเหล่านั้น เช่น
The bus is full of people.
= รถประจำทางเต็มไปด้วยผู้คน
ข้อความLife is full of pain จึงหมายถึง ชีวิตนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดรวดร้าว และต่อด้วยข้อความถามใจเราเองว่า เอ แล้วมันมีวันที่จะดีขึ้นไหม นั่นคือ but does it ever get better?
คำถามที่เขาถามต่อคือ แล้วคนเราจะใส่ใจดูแลกันไหมเนี่ยะ
โครงสร้างที่เขาใช้ก็คือ Will + คน + ever care about + คนหรือสิ่งของ
ก็จะหมายถึง คนๆนั้นเคยคิดที่ใส่ใจกันหรือเปล่า หรือจะเป็นการบรรยายการกระทำอื่นๆก็ได้นา
แต่ในข้อความนี้เขาเน้นถึงความใส่ใจต่อกัน
Will people ever care about each other,
ส่วนข้อความต่อมาก็คือ แล้วคนเราเคยหาเวลาให้กับคนที่เดือดร้อนกันบ้างไหมหนอ
ภาษาอังกฤษเขาใช้ว่า and make time for those who are in need?
สำนวน to make time ก็คือ หาเวลา จัดเวลา เช่น
I will make time to meet you.
=ฉันจะหาเวลาไปเจอเธอนะ
ส่วนสำนวนว่า Those who are in need นั้นมาจากสำนวนเดิมว่า to be in need ก็คือ ที่เดือดร้อน นั่นเอง
ข้อความถัดมาก็คือ
Each of us has a part to play in this great show we call life.
=แต่ละคนนั้นมีบทบาทของตัวเองที่จะต้องเล่นในเวทีที่ใหญ่เวทีนี้ซึ่งเราเรียกว่า เวทีแห่งชีวิต (เป็นไง คมไหม หลบให้ดี ระวังบาด)
สำนวน to have a part to play ก็จะหมายถึง มีบทบาทให้เล่น
ส่วน in this great show ก็คือ การแสดงที่ยิ่งใหญ่การแสดงนี้ ของเราก็จะหมายถึง เวทีนั่นแหละ
แล้วจากนั้นก็มาต่อด้วย ข้อความที่กินใจอีกเช่นเคย ที่ว่า
Each of us has a duty to mankind to tell our friends we love them. =แต่ละคนนั้นมีหน้าที่ต่อมวลมนุษยชาติที่จะบอกเพื่อนๆของเราว่าเรารักพวกเขานะ
สำนวนที่พอจะเรียนรู้ได้จากข้อความนี้ก็คือ to have a duty to + ใคร + to กริยา ก็จะหมายถึง มีหน้าที่ต่อคนนั้นในการทำสิ่งต่างๆ เช่น
ต้องการจะบรรยายว่า ฉันมีหน้าที่ต่อครอบครัวที่จะต้องดูแล เราก็ใช้ว่า I have a duty to my family to take care of them. เป็นต้น
และต่อด้วยข้อความว่า
If you do not care about your friends, you will not be punished. =หากคุณไม่ใส่ใจในตัวเพื่อนคุณแล้ว คุณก็จะไม่ถูกทำโทษหรอก ก็คือ ไม่มีใครทำโทษคุณหรอก
และตบท้ายด้วย
You will simply be ignored as you have done to others.
= คุณแค่จะถูกเมินเฉย หรือไม่มีใครมาสนใจคุณเหมือนกับที่คุณทำกับคนอื่นนั่นเลย เป็นไง แสบทรวงดีไหม
สำนวนว่า You will simply be ignored ก็คือ คุณจะโดนก็เพียงถูกละเลย
สำนวนว่า ถูกละเลยนั้นฝรั่งเขาใช้ว่า to be ignored และคำว่า simply นั้นก็มีความหมายเหมือนว่า only นั่นเอง
และสุดท้ายก็คือ as you have done to others ซึ่งหมายถึง เช่นเดียวกับที่คุณทำกับคนอื่นนั่นเลย คำว่า as คือ เหมือนกับ และ others หมายถึง คนอื่นๆ





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น