Quite often, we have to stop worrying, wondering and doubting. Have faith that things will work out, maybe not how you planned, but just how it’s meant to be.
บ่อยครั้ง ที่เราต้องเลิกคิดมาก อยากรู้โน่นนี่ และระแวงสงสัย เพียงเชื่อมั่นว่า ทุกปัญหามีทางออก อาจจะไม่ใช่ตามที่เราคิด แต่เป็นไปตามแบบที่มันเป็น
สำนวน
To have faith = มีศรัทธาหรือเชื่อมั่น # to lose faith = หมดความศรัทธาหรือหมดความเชื่อมั่น
เช่น ...
We don’t have to do anything just have faith in our leader.
= เราไม่จำเป็นต้องทำอะไร เพียงแค่เชื่อมั่นในตัวหัวหน้า
If the people have faith in the government, then the country will prosper.
= ถ้าประชาชนเชื่อมั่นในรัฐบาล ประเทศก็จะเจริญ
I have faith in your ability to solve the conflict.
= ฉันเชื่อมั่นในความสามารถในการแก้ไขความขัดแย้งนี้ได้
To tell you the truth, I have lost faith in the teacher.
= บอกตามตรง ฉันหมดความศรัทธาในตัวครูแล้ว
Her faith in God is unshakable.
= ความศรัทธาที่เธอมีต่อพระเจ้าไม่หวั่นไหวสั่นคลอน
วันพฤหัสบดีที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
วันพุธที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Can do
I’ve learned that you cannot make someone love you. All you can do is be someone who can be loved. The rest is up to them.
ฉันเรียนรู้แล้วว่า เราไม่สามารถทำให้ใครมารักเราได้ สิ่งที่อาจจะทำได้ก็คือทำให้ตัวเราเป็นคนน่ารัก ส่วนใครจะรักหรือไม่ ไม่สำคัญแล้ว
สำนวน All + S+ can do is….. ทั้งหมดที่ใครสักคนทำได้ก็คือ... เช่น
All I can do is try my best. = ทั้งหมดที่ฉันทำได้ก็คือ ทำให้ดีที่สุด
All he can do is learn to love himself first. ...
= ทั้งหมดที่เขาสามารถทำได้ก็คือ เรียนรู้ที่จะรักตัวเองให้เป็นซะก่อน
All we can do is ignore the problems.
= ทั้งหมดที่เราสามารถทำได้ก็คือ อย่าไปสนใจกับปัญหาพวกนั้น
All mom can do is work hard.
= ทั้งหมดที่แม่ทำได้ก็คือ ทำงานให้หนัก
ส่วนคำว่า the rest โดยปกติเราเจอคำนี้ในความหมายว่า พักผ่อน เช่น
Take a rest. = พักหน่อยน่า I want to take a rest.
= ขอพักบ้าง แต่เมื่อเป็นสำนวน the rest = ที่เหลือ ส่วนที่เหลือ คนที่เหลือ ได้หมด เช่น
Do your job and leave the rest to me.
= ทำหน้าที่ของแกไปซะ ที่เหลือฉันจัดการเอง
I want you to come with me and the rest go with the boss.
= อยากให้คุณมากับฉัน ส่วนที่เหลือไปกับหัวหน้า
Three passengers were killed and the rest were severely injured.
= ผู้โดยสารเสียชีวิต 3 คน ที่เหลือบาดเจ็บสาหัส อ่านว่า ซี (เวีย) รี่ อิน (เจอร์ด)
และสำนวนที่ควรจำก็คือ the rest of someone’s life หมายถึง ที่เหลือของชีวิต เพราะชีวิตของแต่ละคนเหลือไม่เท่ากัน เช่น
I will spend the rest of my life traveling.
= ฉันจะใช้ที่เหลือของชีวิตไปกับการเดินทางท่องเที่ยว
He will spend the rest of his life teaching children.
= เขาจะใช้ชีวิตที่เหลือสอนเด็กๆ
She will spend the rest of her life observing religious teachings.
= หล่อนจะใช้เวลาที่เหลือของชีวิตปฏิบัติธรรม
สำนวน to observe religious teachings = ปฏิบัติธรรมตามคำสอนของศาสนาใดก็ได้ หากต้องการจะแจกแจงก็ต้องใช้ Christian teachings คำสอนของศาสนาคริสต์ Buddhist teachings = คำสอนของชาวพุทธ
วันอังคารที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
The answer
If you don’t go after you want, you’ll never have it. If you don’t ask, the answer is always no. if you don’t step forward, you’re always in the same place.
ถ้าไม่ตามหาสิ่งที่ต้องการ ก็ไม่มีวันได้มา
ถ้าไม่ถาม ก็ไม่มีวันได้คำตอบ
ถ้าไม่ก้าวเดิน ก็จะอยู่ที่เดิม
สำนวน...
The answer is … yes หรือ no หมายถึง โอเค หรือ ไม่โอเค เช่น
If you want me to go with you, the answer is no.
= ถ้าอยากให้ฉันไป คำตอบคือ ไม่
They need my help. The answer is no.
= พวกเขาต้องการให้ฉันช่วย ไม่มีทาง
If he asks me for suggestion, the answer is yes.
= ถ้าเขาขอคำแนะนำจากฉัน คำตอบคือ ได้เลย
สำนวน to be in the same place / position อยู่ในตำแหน่งเดิม หรือที่เดิม
We are in the same position.
= เราอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน (สถานการณ์เดียวกัน)
They are in the same house.
= พวกเขาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
We are in the same boat.
= เราอยู่ในเรือลำเดียวกัน (ชะตาเหมือนกัน)
ถ้าไม่ตามหาสิ่งที่ต้องการ ก็ไม่มีวันได้มา
ถ้าไม่ถาม ก็ไม่มีวันได้คำตอบ
ถ้าไม่ก้าวเดิน ก็จะอยู่ที่เดิม
สำนวน...
The answer is … yes หรือ no หมายถึง โอเค หรือ ไม่โอเค เช่น
If you want me to go with you, the answer is no.
= ถ้าอยากให้ฉันไป คำตอบคือ ไม่
They need my help. The answer is no.
= พวกเขาต้องการให้ฉันช่วย ไม่มีทาง
If he asks me for suggestion, the answer is yes.
= ถ้าเขาขอคำแนะนำจากฉัน คำตอบคือ ได้เลย
สำนวน to be in the same place / position อยู่ในตำแหน่งเดิม หรือที่เดิม
We are in the same position.
= เราอยู่ในตำแหน่งเดียวกัน (สถานการณ์เดียวกัน)
They are in the same house.
= พวกเขาอยู่ในบ้านหลังเดียวกัน
We are in the same boat.
= เราอยู่ในเรือลำเดียวกัน (ชะตาเหมือนกัน)
วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
To leave
You should always leave loved ones with loving words. It may be the last time you see them.
เราควรหมั่นใช้คำพูดที่น่ารักกับคนที่เรารัก
เพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นพวกเขาก็เป็นได้
สำนวน to leave + ใคร + with + สิ่งใด หมายถึง ทิ้งสิ่งนั้นไว้ให้กับคนๆนั้น เช่น
Leave your friend with good memories. ...
= ทิ้งความทรงจำดีๆไว้ให้เพื่อน
Never leave anyone with bad feelings.
= อย่าทิ้งความรู้สึกไม่ดีให้กับใครเลย
คำว่า love เป็นกริยา เช่น I love you. = ฉันรักเธอ ในที่นี้เอามาใช้เป็นช่อง 3 คือ ถูกรัก เมื่อเอาไปไว้หน้าคำไหน จะหมายถึง เป็นที่รัก หรือถูกรัก โดยเฉพาะสำนวนว่า a loved one ก็คือคนที่เป็นที่รักหรือคนที่เรารักเช่น
Don't make your loved one misery.
= อย่าทำให้คนที่เรารักทุกข์ใจ
The death of a loved one is hard to take.
= การจากไปของคนรักทำใจลำบาก
ส่วน loving หมายถึง ที่น่ารัก เช่น
A loving family = ครอบครับที่น่ารัก a loving wife = ภรรยาที่น่ารัก
สำนวน to take time หมายถึง ใช้เวลา ทุกอย่างในโลกล้วนใช้เวลาทั้งสิ้น เช่น
Learning to forgive takes time.
= การเรียนรู้ที่จะให้อภัยใช้เวลา
Forgetting someone takes time.
= การลืมใครสักคนก็ต้องใช้เวลา
Loving someone also takes time.
= การรักใครสักคนก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน
สำนวน Take your time. หมายถึง ทำอะไรตามสบาย ไม่ต้องรีบ
เราควรหมั่นใช้คำพูดที่น่ารักกับคนที่เรารัก
เพราะอาจเป็นครั้งสุดท้ายที่เห็นพวกเขาก็เป็นได้
สำนวน to leave + ใคร + with + สิ่งใด หมายถึง ทิ้งสิ่งนั้นไว้ให้กับคนๆนั้น เช่น
Leave your friend with good memories. ...
= ทิ้งความทรงจำดีๆไว้ให้เพื่อน
Never leave anyone with bad feelings.
= อย่าทิ้งความรู้สึกไม่ดีให้กับใครเลย
คำว่า love เป็นกริยา เช่น I love you. = ฉันรักเธอ ในที่นี้เอามาใช้เป็นช่อง 3 คือ ถูกรัก เมื่อเอาไปไว้หน้าคำไหน จะหมายถึง เป็นที่รัก หรือถูกรัก โดยเฉพาะสำนวนว่า a loved one ก็คือคนที่เป็นที่รักหรือคนที่เรารักเช่น
Don't make your loved one misery.
= อย่าทำให้คนที่เรารักทุกข์ใจ
The death of a loved one is hard to take.
= การจากไปของคนรักทำใจลำบาก
ส่วน loving หมายถึง ที่น่ารัก เช่น
A loving family = ครอบครับที่น่ารัก a loving wife = ภรรยาที่น่ารัก
สำนวน to take time หมายถึง ใช้เวลา ทุกอย่างในโลกล้วนใช้เวลาทั้งสิ้น เช่น
Learning to forgive takes time.
= การเรียนรู้ที่จะให้อภัยใช้เวลา
Forgetting someone takes time.
= การลืมใครสักคนก็ต้องใช้เวลา
Loving someone also takes time.
= การรักใครสักคนก็ต้องใช้เวลาเช่นกัน
สำนวน Take your time. หมายถึง ทำอะไรตามสบาย ไม่ต้องรีบ
วันอาทิตย์ที่ 26 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
To gain
Don't be afraid to change.
You may lose something good but you may gain something better.
อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง อาจสูญเสียสิ่งที่ดีไปแต่อาจได้รับสิ่งที่ดีกว่า
สำนวน...
To gain = ได้รับ ได้มา เช่น
He gained a master’s degree in engineering. = เขาได้ปริญญาตรีด้านวิศวกรรม
They gained a lot of money from their business.
= พวกเขาได้เงินเยอะจากการทำธุรกิจ
I have gained a lot of experiences from overseas trips.
= ฉันได้ประสบการณ์เยอะแยะจากการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ
She always gains confidence and support when she talks to her mom.
= หล่อนมักจะได้ความเชื่อมั่นและกำลังใจเมื่อคุยกับแม่
Most people gain weight because they eat sweet things.
= คนส่วนใหญ่นำหนักเพิ่มเพราะกินของหวาน
Recently I have gained some weight because I didn’t exercise.
= ช่วงนี้ น้ำหนักเพิ่มมาหน่อยเพราะไม่ได้ออกกำลังกาย
You may lose something good but you may gain something better.
อย่ากลัวที่จะเปลี่ยนแปลง อาจสูญเสียสิ่งที่ดีไปแต่อาจได้รับสิ่งที่ดีกว่า
สำนวน...
To gain = ได้รับ ได้มา เช่น
He gained a master’s degree in engineering. = เขาได้ปริญญาตรีด้านวิศวกรรม
They gained a lot of money from their business.
= พวกเขาได้เงินเยอะจากการทำธุรกิจ
I have gained a lot of experiences from overseas trips.
= ฉันได้ประสบการณ์เยอะแยะจากการเดินทางไปเที่ยวต่างประเทศ
She always gains confidence and support when she talks to her mom.
= หล่อนมักจะได้ความเชื่อมั่นและกำลังใจเมื่อคุยกับแม่
Most people gain weight because they eat sweet things.
= คนส่วนใหญ่นำหนักเพิ่มเพราะกินของหวาน
Recently I have gained some weight because I didn’t exercise.
= ช่วงนี้ น้ำหนักเพิ่มมาหน่อยเพราะไม่ได้ออกกำลังกาย
Seasons change
Seasons change and songs do fade.
Death can never be detached in our fate; don’t worry we will meet them someday.
In heaven where eternal happiness stay.
ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง เสียงเพลงไม่นานก็จางหาย
ความตายเป็นส่วนหนึ่งของชะตาชีวิต อย่ากังวลไปเลย อีกไม่นาน เราก็จะพบกัน ...
สวรรค์เป็นที่ที่ความสุขจะอยู่นิรันดร
Death can never be detached in our fate; don’t worry we will meet them someday.
In heaven where eternal happiness stay.
ฤดูกาลเปลี่ยนแปลง เสียงเพลงไม่นานก็จางหาย
ความตายเป็นส่วนหนึ่งของชะตาชีวิต อย่ากังวลไปเลย อีกไม่นาน เราก็จะพบกัน ...
สวรรค์เป็นที่ที่ความสุขจะอยู่นิรันดร
วันพฤหัสบดีที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Mean everything
How others see you is not important.
How you see yourself means everything.
ใครจะมองเราอย่างไรไม่สำคัญ
แต่การที่เรามองตัวเองอย่างไรต่างหากที่สำคัญ
สำนวน...
To mean everything เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น
You mean everything to me.
= เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน
You mean nothing to me.
= เธอไม่มีค่าสำหรับฉันเลย
I don’t mean anything by what I say.
= ที่พูดไปไม่ได้มีอะไร (ไม่ต้องจริงจัง)
I don’t mean to hurt anyone.
= ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร (ทำให้ใครต้องเจ็บปวด)
It means a lot to me to know that you still love me.
= มีความหมายต่อฉันมากที่รู้ว่าเธอยังรักฉันอยู่
Money means everything to me.
= สำหรับฉันแล้วเงินคือทุกสิ่งทุกอย่าง
Money means nothing to her.
= สำหรับหล่อนแล้วเงินไม่สำคัญเลย
His kid means everything to him.
= สำหรับเขาแล้ว ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง
สิ่งใดหรือใคร means nothing to ใคร ก็หมายถึง สิ่งนั้นหรือคนนั้นไม่มีค่า ไม่มีความหมายต่ออีกคนหนึ่ง
และตรงข้ามก็คือเอา everything ไปแทนที่ nothing
และสำนวน to be meant for = หมายถึง ถูกฟ้าลิขิตมาเพื่อ เช่น
He was meant for her.
= เขาถูกลิขิตมาให้เป็นคู่กับหล่อน อ่านว่า เม๊นท์ ไม่ใช่ มีน
You were meant for me and I was meant for you. = ฟ้าส่งให้เรามาคู่กัน
หรือจะบอกง่ายๆว่า They were meant for each other. ก็ได้ หมายถึง ฟ้าลิขิตให้มาเป็นคู่กัน
= A perfect match made from heaven. = ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันซะนี่กระไร
ฟ้าส่งมาเป็นคู่กัน
To know what it means= หมายถึง เข้าใจว่าเป็นอย่างไร เช่น
I know what it means to be lonely.
= ฉันเข้าใจว่าเหงาเป็นอย่างไร
You must know what it means to be heartbroken.
= เธอต้องเข้าใจว่าความเจ็บปวดเป็นอย่างไร
I know what it means to be broke.
= ฉันเข้าใจแล้วว่าการไม่มีเงินเป็นอย่างไร สำนวน to be broke = to have no money และเราก็สามารถเอาโครงสร้างนี้มาเล่นแร่แปรธาตุได้อีก โดยใส่คำปฏิเสธลงไป ก็จะหมายถึงว่า ไม่เข้าใจหรอกความรู้สึกที่ว่าว่าเป็นอย่างไร เช่น
I don’t know what it means to be heartbroken.
= ฉันไม่เข้าใจหรอกว่าอาการอกหักเป็นอย่างไร
Our team doesn’t know what it means to be defeated.
= ทีมเราไม่เข้าใจหรอกว่าคำว่าแพ้เป็นอย่างไร
How you see yourself means everything.
ใครจะมองเราอย่างไรไม่สำคัญ
แต่การที่เรามองตัวเองอย่างไรต่างหากที่สำคัญ
สำนวน...
To mean everything เป็นทุกสิ่งทุกอย่าง เช่น
You mean everything to me.
= เธอเป็นทุกสิ่งทุกอย่างสำหรับฉัน
You mean nothing to me.
= เธอไม่มีค่าสำหรับฉันเลย
I don’t mean anything by what I say.
= ที่พูดไปไม่ได้มีอะไร (ไม่ต้องจริงจัง)
I don’t mean to hurt anyone.
= ฉันไม่ได้ตั้งใจทำร้ายใคร (ทำให้ใครต้องเจ็บปวด)
It means a lot to me to know that you still love me.
= มีความหมายต่อฉันมากที่รู้ว่าเธอยังรักฉันอยู่
Money means everything to me.
= สำหรับฉันแล้วเงินคือทุกสิ่งทุกอย่าง
Money means nothing to her.
= สำหรับหล่อนแล้วเงินไม่สำคัญเลย
His kid means everything to him.
= สำหรับเขาแล้ว ลูกคือทุกสิ่งทุกอย่าง
สิ่งใดหรือใคร means nothing to ใคร ก็หมายถึง สิ่งนั้นหรือคนนั้นไม่มีค่า ไม่มีความหมายต่ออีกคนหนึ่ง
และตรงข้ามก็คือเอา everything ไปแทนที่ nothing
และสำนวน to be meant for = หมายถึง ถูกฟ้าลิขิตมาเพื่อ เช่น
He was meant for her.
= เขาถูกลิขิตมาให้เป็นคู่กับหล่อน อ่านว่า เม๊นท์ ไม่ใช่ มีน
You were meant for me and I was meant for you. = ฟ้าส่งให้เรามาคู่กัน
หรือจะบอกง่ายๆว่า They were meant for each other. ก็ได้ หมายถึง ฟ้าลิขิตให้มาเป็นคู่กัน
= A perfect match made from heaven. = ช่างเป็นคู่ที่เหมาะสมกันซะนี่กระไร
ฟ้าส่งมาเป็นคู่กัน
To know what it means= หมายถึง เข้าใจว่าเป็นอย่างไร เช่น
I know what it means to be lonely.
= ฉันเข้าใจว่าเหงาเป็นอย่างไร
You must know what it means to be heartbroken.
= เธอต้องเข้าใจว่าความเจ็บปวดเป็นอย่างไร
I know what it means to be broke.
= ฉันเข้าใจแล้วว่าการไม่มีเงินเป็นอย่างไร สำนวน to be broke = to have no money และเราก็สามารถเอาโครงสร้างนี้มาเล่นแร่แปรธาตุได้อีก โดยใส่คำปฏิเสธลงไป ก็จะหมายถึงว่า ไม่เข้าใจหรอกความรู้สึกที่ว่าว่าเป็นอย่างไร เช่น
I don’t know what it means to be heartbroken.
= ฉันไม่เข้าใจหรอกว่าอาการอกหักเป็นอย่างไร
Our team doesn’t know what it means to be defeated.
= ทีมเราไม่เข้าใจหรอกว่าคำว่าแพ้เป็นอย่างไร
วันอังคารที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Be strong
Be strong, but not rude.
Be kind, but not weak.
Be bold, but not bully.
Be humble, but not timid.
Be proud, but not arrogant....
จงแข็งแกร่งแต่อย่าหยาบคาย
ใจดีแต่อย่าอ่อนแอ
กล้าแต่อย่ารังแกคนอื่น
ถ่อมตนแต่อย่าขี้กลัว
ภูมิใจแต่อย่าหยิ่งจองหอง
Be kind, but not weak.
Be bold, but not bully.
Be humble, but not timid.
Be proud, but not arrogant....
จงแข็งแกร่งแต่อย่าหยาบคาย
ใจดีแต่อย่าอ่อนแอ
กล้าแต่อย่ารังแกคนอื่น
ถ่อมตนแต่อย่าขี้กลัว
ภูมิใจแต่อย่าหยิ่งจองหอง
Smile
Smiling is the best way to face every problem,
to crush every fear and to hide every pain.
การยิ้มคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะเผชิญกับทุกปัญหา
เอาชนะความกลัว และซ่อนความเจ็บปวด
สำนวน
คำว่า a smile = รอยยิ้ม ส่วน to smile = ยิ้มเช่น
He smiled at me. = เขาส่งยิ้มมาให้ฉัน
แต่เวลาต้องการจะบอกว่า ยิ้มให้กับตัวเอง เราต้องใช้ว่า to smile to oneself เช่น
He smiled to himself.
= เขายิ้มให้กับตัวเอง
I always smile to myself when she looks at the picture.
= ฉันมักจะยิ้มให้ตัวเองตอนที่ดูรูป
She smiles to herself when her boyfriend calls her.
= หล่อนยิ้มให้ตัวเองตอนที่แฟนโทรมา
และถ้าต้องการจะบรรยายว่า ยิ้มแบบยินยอม หรือยิ้มแบบให้กำลังใจก็สามารถใช้สำนวนต่อไปนี้
Dad smiled his approval.
= พ่อยิ้มแบบเห็นด้วย
Mom always smile encouragement.
= แม่มักจะยิ้มให้กำลังใจ
เราลองมาดูคำว่า smile ที่เป็นคำนามในโครงสร้าง a …. smile หากต้องการจะบรรยายลักษณะการยิ้มแบบไหน สามารถเอาคำคุณศัพท์มาใช้ในโครงสร้างนี้ได้
A warm smile = ยิ้มแบบอบอุ่น a friendly smile = ยิ้มแบบกันเอง a wicked smile = ยิ้มแบบชั่วร้าย a grim smile = ยิ้มแบบแหยๆ a lovely smile = ยิ้มแบบน่ารัก a knowing smile = ยิ้มแบบรู้กัน (ความลับ) เช่น
He gave me a friendly smile the first time we met.
= เขายิ้มให้ฉันแบบเป็นกันเองตอนพบกันครั้งแรก
to face every problem =เผชิญกับทุกปัญหา คำว่า to face + สิ่งใด หมายถึง เผชิญหน้ากับสิ่งนั้น เช่น
We have to face the truth.
= เราต้องเผชิญกับความจริง
He has to face the reality.
= เขาต้องเผชิญกับความจริง (ต้องยอมรับความจริงก่อน)
Thailand is facing the economic problem.
= ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ
บางครั้งเราอาจไปเจอสำนวน to be faced with มีความหมายเหมือนกับคำว่า to face แต่จะใช้กับสถานการณ์ที่ไม่ดี หรือปัญหา เช่น
He is faced with the financial trouble. = He faces the financial trouble. = เขาเจอกับปัญหาทางการเงิน (เขามีปัญหาเรื่องเงิน)
He is facing the biggest challenge of his life.
= เขากำลังเจอกับสิ่งที่ท้าทายที่สุดของชีวิต
He is faced with the biggest challenge of his life.
She is faced with her personal problem. = She faces her personal problem. = หล่อนเจอกับปัญหาส่วนตัว
คำว่า face ยังหมายถึง ไม่กล้าไปเจอหน้า ไม่กล้าไปพบ เพราะรู้สึกผิดที่ทำไม่ดีใส่เช่น
I can’t face her since I treated her badly.
= ฉันไม่กล้าเผชิญหน้าเธอเพราะทำไม่ดีใส่เธอไว้
และสุดท้ายก็คือ หันหน้าไปทาง เช่น
This room faces the sea.
= ห้องนี้หันหน้าเข้าทะเล
I want to a room facing the mountain.
= อยากได้ห้องที่หันหน้าไปทางภูเขา จะใช้ (that faces ก็ได้)
She wants a room facing the swimming pool.
= หล่อนอยากได้ห้องที่หันหน้าไปทางสระว่ายน้ำ ( that faces)
I want a room that faces the park.
= อยากได้ห้องที่หันหน้าไปสวนสาธารณะ
I don’t like that room because it faces the wall.
= ฉันไม่ชอบห้องนั้นเพราะหันหน้าไปทางผนัง
His house faces to the north.
= บ้านเขาหันหน้าไปทางทิศเหนือ
I want the bedroom that faces to the east.
= อยากได้ห้องที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
to crush = บดขยี้ หรือทำลายจนสิ้นซาก เช่น
His leg was crushed in the accident.
= เท้าของเขาถูกบดขยี้ (เละ)ในอุบัติเหตุ
He crushed his cigarette in an ashtray while talking on the phone.
= เขาขยี้บุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ระหว่างคุยโทรศัพท์
Coconuts are crushed to extract oil.
= มะพร้าวถูกบดเพื่อเอามาสกัดทำน้ำมัน
เพราะฉะนั้น เมื่อเอามาใช้ที่ไหน ให้คิดถึงความหมายนี้ไว้
My close friend’s death has crushed my hope.
= การตายของเพื่อนซี๊ทำให้ความหวังของฉันพังทลาย (บดขยี้ความหวัง) เพราะฉะนั้น to crush every fear จึงเห็นภาพว่า บดขยี้ความกลัวทั้งหมด นั่นเอง
To hide every pain = ซ่อน หรือปกปิด
คำว่า to hide ตรงกับภาษาไทยคือ แอบไว้ หรือซ่อนไว้ ใช้ได้หมด เช่น
She tried to hide the robber from the police.
= หล่อนพยายามซ่อนตัวนักปล้นจากตำรวจ
• He hid himself under the bed.
• = เขาแอบอยู่ใต้เตียง
และสามารถนำมาใช้กับคำนามที่จับต้องไมได้ เช่น ความกลัว (fear) ความสนใจ (interest , enthusiasm ) ความวิตกกังวล (anxiety) ได้หมด
She smiles to hide her sorrow.
= หล่อนยิ้มเพื่อกลบเกลือนความเสียใจ
He hides his excitement by looking at the floor.
= เขาซ่อนความตื่นเต้นด้วยการมองไปที่พื้น
She laughed to hide her nervousness.
= หล่อนหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่า (ซ่อน)
Look at me and tell me what you are hiding.
= ไหน มองหน้าซิ แล้วบอกมาว่าแกปิดอะไรอยู่
I swear, I don’t have anything to hide from you.
= ขอสาบาน ไม่มีอะไรจริงๆ
You can ask me anything. I have nothing to hide. = อยากถามอะไร ก็ถามมา ฉันไม่มีอะไรจะปกปิด อยู่แล้ว (บริสุทธิ์ใจ)
และ hide-and-seek ก็คือ เล่นซ่อนหา เช่น Children like to play hide-and seek. = เด็กๆชอบเล่นซ่อนหา
The bushes in the park is a great place for hide-and –seek.
= พุ่มไม้ในสวนสาธารณะเป็นที่ที่ดีมากสำหรับเล่นซ่อนแอบ
to crush every fear and to hide every pain.
การยิ้มคือวิธีที่ดีที่สุดที่จะเผชิญกับทุกปัญหา
เอาชนะความกลัว และซ่อนความเจ็บปวด
สำนวน
คำว่า a smile = รอยยิ้ม ส่วน to smile = ยิ้มเช่น
He smiled at me. = เขาส่งยิ้มมาให้ฉัน
แต่เวลาต้องการจะบอกว่า ยิ้มให้กับตัวเอง เราต้องใช้ว่า to smile to oneself เช่น
He smiled to himself.
= เขายิ้มให้กับตัวเอง
I always smile to myself when she looks at the picture.
= ฉันมักจะยิ้มให้ตัวเองตอนที่ดูรูป
She smiles to herself when her boyfriend calls her.
= หล่อนยิ้มให้ตัวเองตอนที่แฟนโทรมา
และถ้าต้องการจะบรรยายว่า ยิ้มแบบยินยอม หรือยิ้มแบบให้กำลังใจก็สามารถใช้สำนวนต่อไปนี้
Dad smiled his approval.
= พ่อยิ้มแบบเห็นด้วย
Mom always smile encouragement.
= แม่มักจะยิ้มให้กำลังใจ
เราลองมาดูคำว่า smile ที่เป็นคำนามในโครงสร้าง a …. smile หากต้องการจะบรรยายลักษณะการยิ้มแบบไหน สามารถเอาคำคุณศัพท์มาใช้ในโครงสร้างนี้ได้
A warm smile = ยิ้มแบบอบอุ่น a friendly smile = ยิ้มแบบกันเอง a wicked smile = ยิ้มแบบชั่วร้าย a grim smile = ยิ้มแบบแหยๆ a lovely smile = ยิ้มแบบน่ารัก a knowing smile = ยิ้มแบบรู้กัน (ความลับ) เช่น
He gave me a friendly smile the first time we met.
= เขายิ้มให้ฉันแบบเป็นกันเองตอนพบกันครั้งแรก
to face every problem =เผชิญกับทุกปัญหา คำว่า to face + สิ่งใด หมายถึง เผชิญหน้ากับสิ่งนั้น เช่น
We have to face the truth.
= เราต้องเผชิญกับความจริง
He has to face the reality.
= เขาต้องเผชิญกับความจริง (ต้องยอมรับความจริงก่อน)
Thailand is facing the economic problem.
= ประเทศไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเศรษฐกิจ
บางครั้งเราอาจไปเจอสำนวน to be faced with มีความหมายเหมือนกับคำว่า to face แต่จะใช้กับสถานการณ์ที่ไม่ดี หรือปัญหา เช่น
He is faced with the financial trouble. = He faces the financial trouble. = เขาเจอกับปัญหาทางการเงิน (เขามีปัญหาเรื่องเงิน)
He is facing the biggest challenge of his life.
= เขากำลังเจอกับสิ่งที่ท้าทายที่สุดของชีวิต
He is faced with the biggest challenge of his life.
She is faced with her personal problem. = She faces her personal problem. = หล่อนเจอกับปัญหาส่วนตัว
คำว่า face ยังหมายถึง ไม่กล้าไปเจอหน้า ไม่กล้าไปพบ เพราะรู้สึกผิดที่ทำไม่ดีใส่เช่น
I can’t face her since I treated her badly.
= ฉันไม่กล้าเผชิญหน้าเธอเพราะทำไม่ดีใส่เธอไว้
และสุดท้ายก็คือ หันหน้าไปทาง เช่น
This room faces the sea.
= ห้องนี้หันหน้าเข้าทะเล
I want to a room facing the mountain.
= อยากได้ห้องที่หันหน้าไปทางภูเขา จะใช้ (that faces ก็ได้)
She wants a room facing the swimming pool.
= หล่อนอยากได้ห้องที่หันหน้าไปทางสระว่ายน้ำ ( that faces)
I want a room that faces the park.
= อยากได้ห้องที่หันหน้าไปสวนสาธารณะ
I don’t like that room because it faces the wall.
= ฉันไม่ชอบห้องนั้นเพราะหันหน้าไปทางผนัง
His house faces to the north.
= บ้านเขาหันหน้าไปทางทิศเหนือ
I want the bedroom that faces to the east.
= อยากได้ห้องที่หันหน้าไปทางทิศตะวันออก
to crush = บดขยี้ หรือทำลายจนสิ้นซาก เช่น
His leg was crushed in the accident.
= เท้าของเขาถูกบดขยี้ (เละ)ในอุบัติเหตุ
He crushed his cigarette in an ashtray while talking on the phone.
= เขาขยี้บุหรี่ลงในที่เขี่ยบุหรี่ระหว่างคุยโทรศัพท์
Coconuts are crushed to extract oil.
= มะพร้าวถูกบดเพื่อเอามาสกัดทำน้ำมัน
เพราะฉะนั้น เมื่อเอามาใช้ที่ไหน ให้คิดถึงความหมายนี้ไว้
My close friend’s death has crushed my hope.
= การตายของเพื่อนซี๊ทำให้ความหวังของฉันพังทลาย (บดขยี้ความหวัง) เพราะฉะนั้น to crush every fear จึงเห็นภาพว่า บดขยี้ความกลัวทั้งหมด นั่นเอง
To hide every pain = ซ่อน หรือปกปิด
คำว่า to hide ตรงกับภาษาไทยคือ แอบไว้ หรือซ่อนไว้ ใช้ได้หมด เช่น
She tried to hide the robber from the police.
= หล่อนพยายามซ่อนตัวนักปล้นจากตำรวจ
• He hid himself under the bed.
• = เขาแอบอยู่ใต้เตียง
และสามารถนำมาใช้กับคำนามที่จับต้องไมได้ เช่น ความกลัว (fear) ความสนใจ (interest , enthusiasm ) ความวิตกกังวล (anxiety) ได้หมด
She smiles to hide her sorrow.
= หล่อนยิ้มเพื่อกลบเกลือนความเสียใจ
He hides his excitement by looking at the floor.
= เขาซ่อนความตื่นเต้นด้วยการมองไปที่พื้น
She laughed to hide her nervousness.
= หล่อนหัวเราะเพื่อกลบเกลื่อนอาการประหม่า (ซ่อน)
Look at me and tell me what you are hiding.
= ไหน มองหน้าซิ แล้วบอกมาว่าแกปิดอะไรอยู่
I swear, I don’t have anything to hide from you.
= ขอสาบาน ไม่มีอะไรจริงๆ
You can ask me anything. I have nothing to hide. = อยากถามอะไร ก็ถามมา ฉันไม่มีอะไรจะปกปิด อยู่แล้ว (บริสุทธิ์ใจ)
และ hide-and-seek ก็คือ เล่นซ่อนหา เช่น Children like to play hide-and seek. = เด็กๆชอบเล่นซ่อนหา
The bushes in the park is a great place for hide-and –seek.
= พุ่มไม้ในสวนสาธารณะเป็นที่ที่ดีมากสำหรับเล่นซ่อนแอบ
วันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Grateful
Happiness isn’t about getting what you want all the time. It’s about loving what you have and being grateful for it.
ความสุขไม่ใช่การได้สิ่งที่อยากได้เสมอไป
แต่คือการรักสิ่งที่มีและรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งเหล่านั้น
สำนวน
To be grateful for + สิ่งใด หมายถึง รู้สึกขอบคุณ ซาบซึ้งในสิ่งนั้น เช่น...
I am grateful for your help.
= ฉันรู้สึกขอบคุณที่ช่วย
I am really grateful for everything you’ve done to me.
= รู้สึกขอบคุณ(ซาบซึ้ง) สำหรับทุกสิ่งที่คุณทำให้จริงๆ
She is really grateful for all the assistance.
= หล่อนรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือทั้งหมดจริงๆ
แต่ถ้าเราต้องการจะบรรยายว่า รู้สึกซาบซึ้งมาก เราก็สามารถใช้คำว่า extremely / deeply เข้าไปขยายได้ หมายถึง ขอบคุณหรือซาบซึ้งสุดๆ
I am extremely grateful for your understanding. = รู้สึกขอบคุณสุดๆที่เข้าใจฉัน
แต่ถ้าต้องการบอกบอกว่า รู้สึกขอบคุณหรือซาบซึ้งกับใคร ให้ใช้ “to” เช่น
I feel grateful to the boss for the opportunity.
= ฉันรู้สึกขอบคุณหัวหน้าสำหรับโอกาส
He is grateful to Mom for her constant encouragement.
= เขารู้สึกขอบคุณแม่ที่ให้กำลังใจเสมอมา
He is grateful son. = เขาเป็นเด็กกตัญญู และคำตรงข้ามก็คือ ungrateful = อกตัญญู
What an ungrateful son! = ช่างเป็นลูกอกตัญญูจริงๆ
What a grateful son! = ช่างเป็นลูกที่กตัญญูจริงๆ
I don’t’ mean to be ungrateful.
= ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอกตัญญูแบบนั้น
She gave me a grateful look / smile.
= หล่อนมองมาที่ฉันอย่างรู้สึกขอบคุณ (หล่อนยิ้มให้ฉันอย่างรู้สึกขอบคุณ)
คำนี้ยังสามารถเอาไปใช้ในโครงสร้าง to be grateful that + s+ v ได้ด้วย หมายถึง รู้สึกขอบคุณ เช่น
I am grateful that I don’t have to be responsible for the damage.
= รู้สึกขอบคุณที่ไม่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายนั้น
และส่งท้ายด้วยสำนวนแบบเป็นทางการ โดนเฉพาะเวลาเราต้องการจะพูดอะไรกับคนที่เราไม่คุ้น เราก็ต้องสุภาพไว้ก่อน ด้วยโครงสร้าง I would be grateful if you could / would…. ใช้เมื่อต้องการขอร้องให้ใครทำอะไรให้เรา เช่น
I would be grateful if you could attend the seminar.
= ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่คุณจะเข้าร่วมการสัมมนา (ได้โปรดเข้าร่วมการสัมมนาด้วย) = I would like to ask you to attend the seminar.
I would be grateful if you would forward this mail to him.
= ฉันรู้สึกขอบคุณที่จะส่งเมล์ไปให้เขา (ช่วยส่งเมล์ไปให้เขาด้วย)
I would be grateful if you would give me a wake-up call.
= ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่จะโทรมาปลุก
ความสุขไม่ใช่การได้สิ่งที่อยากได้เสมอไป
แต่คือการรักสิ่งที่มีและรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งเหล่านั้น
สำนวน
To be grateful for + สิ่งใด หมายถึง รู้สึกขอบคุณ ซาบซึ้งในสิ่งนั้น เช่น...
I am grateful for your help.
= ฉันรู้สึกขอบคุณที่ช่วย
I am really grateful for everything you’ve done to me.
= รู้สึกขอบคุณ(ซาบซึ้ง) สำหรับทุกสิ่งที่คุณทำให้จริงๆ
She is really grateful for all the assistance.
= หล่อนรู้สึกขอบคุณสำหรับความช่วยเหลือทั้งหมดจริงๆ
แต่ถ้าเราต้องการจะบรรยายว่า รู้สึกซาบซึ้งมาก เราก็สามารถใช้คำว่า extremely / deeply เข้าไปขยายได้ หมายถึง ขอบคุณหรือซาบซึ้งสุดๆ
I am extremely grateful for your understanding. = รู้สึกขอบคุณสุดๆที่เข้าใจฉัน
แต่ถ้าต้องการบอกบอกว่า รู้สึกขอบคุณหรือซาบซึ้งกับใคร ให้ใช้ “to” เช่น
I feel grateful to the boss for the opportunity.
= ฉันรู้สึกขอบคุณหัวหน้าสำหรับโอกาส
He is grateful to Mom for her constant encouragement.
= เขารู้สึกขอบคุณแม่ที่ให้กำลังใจเสมอมา
He is grateful son. = เขาเป็นเด็กกตัญญู และคำตรงข้ามก็คือ ungrateful = อกตัญญู
What an ungrateful son! = ช่างเป็นลูกอกตัญญูจริงๆ
What a grateful son! = ช่างเป็นลูกที่กตัญญูจริงๆ
I don’t’ mean to be ungrateful.
= ฉันไม่ได้ตั้งใจจะอกตัญญูแบบนั้น
She gave me a grateful look / smile.
= หล่อนมองมาที่ฉันอย่างรู้สึกขอบคุณ (หล่อนยิ้มให้ฉันอย่างรู้สึกขอบคุณ)
คำนี้ยังสามารถเอาไปใช้ในโครงสร้าง to be grateful that + s+ v ได้ด้วย หมายถึง รู้สึกขอบคุณ เช่น
I am grateful that I don’t have to be responsible for the damage.
= รู้สึกขอบคุณที่ไม่ต้องรับผิดชอบกับความเสียหายนั้น
และส่งท้ายด้วยสำนวนแบบเป็นทางการ โดนเฉพาะเวลาเราต้องการจะพูดอะไรกับคนที่เราไม่คุ้น เราก็ต้องสุภาพไว้ก่อน ด้วยโครงสร้าง I would be grateful if you could / would…. ใช้เมื่อต้องการขอร้องให้ใครทำอะไรให้เรา เช่น
I would be grateful if you could attend the seminar.
= ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่คุณจะเข้าร่วมการสัมมนา (ได้โปรดเข้าร่วมการสัมมนาด้วย) = I would like to ask you to attend the seminar.
I would be grateful if you would forward this mail to him.
= ฉันรู้สึกขอบคุณที่จะส่งเมล์ไปให้เขา (ช่วยส่งเมล์ไปให้เขาด้วย)
I would be grateful if you would give me a wake-up call.
= ฉันรู้สึกขอบคุณมากที่จะโทรมาปลุก
วันพฤหัสบดีที่ 16 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Temporary
Everything in life is temporary. So if things are going good, enjoy it because it won't last forever. And if thing are going bad, don't worry. It cannot last forever either.
ทุกสิ่งในชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ถ้าพบเรื่องดีๆก็จงมีความสุขไปกับมันเพราะมันจะไม่คงอยู่ตลอดไป และถ้าเจอกับเรื่องเลวร้าย ก็อย่าได้กังวลเพราะมันไม่เป็นแบบนั้นตลอดไปเช่นกัน
สำนวน
Temporary = ชั่วคราว ชั่วครู่ชั่วยาม เกิดขึ้นอยู่ไม่นาน
The job I am doing is temporary. I am looking for a permanent one....
= งานที่ทำอยู่เป็นงานชั่วคราว ตอนนี้กำลังหางานที่ถาวรทำอยู่
This is a temporary house. They are looking for a permanent one.
= นี่เป็นบ้านพักพิงชั่วคราว พวกเขากำลังหาบ้านที่ถาวรอยู่
Don’t worry! The problem is temporary.
= อย่ากังวลไป ปัญหานี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
The flood victims have to stay in temporary shelters for a while.
= ผู้ประสบภัยน้ำท่วมต้องอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวสักระยะหนึ่ง
Happiness and unhappiness are temporary.
= ความสุขและความทุกข์มันอยู่ได้ไม่นาน
สำนวน to last forever อยู่ตลอดไป เช่น
My love will last forever.
= รักฉันจะคงอยู่นิรันดร
We want this moment to last forever.
= เราอยากให้ช่วงเวลานี้คงอยู่ตลอดไป
I will remember this trip forever.
= ฉันจะจำการเดินทางครั้งนี้ตลอดไป
Don’t be too serious about it. Nothing lasts forever.
= อย่าไปจริงจังนัก ไม่มีอะไรมันอยู่ตลอดไปหรอก
ทุกสิ่งในชีวิตอยู่ได้ไม่นาน ถ้าพบเรื่องดีๆก็จงมีความสุขไปกับมันเพราะมันจะไม่คงอยู่ตลอดไป และถ้าเจอกับเรื่องเลวร้าย ก็อย่าได้กังวลเพราะมันไม่เป็นแบบนั้นตลอดไปเช่นกัน
สำนวน
Temporary = ชั่วคราว ชั่วครู่ชั่วยาม เกิดขึ้นอยู่ไม่นาน
The job I am doing is temporary. I am looking for a permanent one....
= งานที่ทำอยู่เป็นงานชั่วคราว ตอนนี้กำลังหางานที่ถาวรทำอยู่
This is a temporary house. They are looking for a permanent one.
= นี่เป็นบ้านพักพิงชั่วคราว พวกเขากำลังหาบ้านที่ถาวรอยู่
Don’t worry! The problem is temporary.
= อย่ากังวลไป ปัญหานี้เกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น
The flood victims have to stay in temporary shelters for a while.
= ผู้ประสบภัยน้ำท่วมต้องอยู่ในที่พักพิงชั่วคราวสักระยะหนึ่ง
Happiness and unhappiness are temporary.
= ความสุขและความทุกข์มันอยู่ได้ไม่นาน
สำนวน to last forever อยู่ตลอดไป เช่น
My love will last forever.
= รักฉันจะคงอยู่นิรันดร
We want this moment to last forever.
= เราอยากให้ช่วงเวลานี้คงอยู่ตลอดไป
I will remember this trip forever.
= ฉันจะจำการเดินทางครั้งนี้ตลอดไป
Don’t be too serious about it. Nothing lasts forever.
= อย่าไปจริงจังนัก ไม่มีอะไรมันอยู่ตลอดไปหรอก
วันพุธที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Focus
Happy people focus on what they have.
Unhappy people focus on what’s missing.
คนที่มีความสุขจะสนใจสิ่งที่มี
คนที่ไม่มีความสุขจะมองสิ่งที่ตัวเองขาด
ศัพท์สำนวน ...
คำว่า miss มีสองความหมายคือ คิดถึง กับพลาด เช่น
I miss you badly.
= ฉันคิดถึงเธอมาก
I wonder if you will miss me.
= อยากรู้จังว่าเธอจะคิดถึงฉันหรือเปล่า
When I was in England, I missed my family.
= ตอนที่อยู่อังกฤษ ฉันคิดถึงครอบครัวมาก
We missed the beginning of the movie because the traffic was bad.
= เราพลาดชมตอนเริ่มต้นของหนังเพราะรถติด
This morning he missed the bus because he overslept.
= เช้านี้ ตกรถเพราะหลับเพลิน
พลาดอะไรก็พลาดได้แต่อย่าพลาดโอกาส Don’t miss a chance/ an opportunity.
และสำนวน Something is not to be missed. หมายถึง เป็นอะไรที่พลาดไม่ได้ ต้องทำเช่น
If you go to Paris, visiting the palace is something not to be missed.
= ถ้าไปปารีส การไปเยี่ยมชมพระราชวังเป็นสิ่งที่พลาดไม่ได้ (ต้องไปชม)
เราอาจจะไม่ต้องระบุอะไรลงไปก็ได้ ในกรณีที่สถานการณ์นั้น เรารู้ว่ากำลังพูดอะไรกันอยู่ เราก็ใช้ได้ประโยคนี้ได้ทันที นั่นคือ It is something not to be missed. ใช้ได้กับทุกเรื่องที่เราคิดว่าไม่ควรพลาด
To focus on (โฟ) เกิส หมายถึง มีสมาธิอยู่กับ มีจิตใจจดจ่อกับ เช่น
You need to focus on your work instead of personal stuff.
= คุณต้องใส่ใจกับการทำงานมากกว่าเรื่องส่วนตัว
He is trying to focus on both work and family.
= เขากำลังพยายามใส่ใจทั้งเรื่องงานและครอบครัว
Nothing can distract her. She is focusing on her studies.
= ไม่มีอะไรมาทำให้เธอเขวได้ เธอกำลังมีสมาธิอยู่กับเรื่องเรียน
Don’t interrupt! I am trying to focus on getting my assignment done.
= อย่าเพิ่งขัดจังหวะ กำลังใช้สมาธิทำงานให้เสร็จ
และสุดท้าย คำว่า focused ถูกนำมาเป็นคำคุณศัพท์ หมายถึง ที่แน่วแน่ ที่มีสมาธิ แบบไม่มีอะไรมาทำให้วอกแวกได้ เช่น
You need to stay focused if you want to win the singing contest.
= คุณต้องแน่วแน่มั่นคงถ้าต้องการจะชนะการแข่งขันร้องเพลง
We need to be more focused to pass the test.
= เราต้องแน่วแน่มากกว่านี้ถ้าจะสอบให้ผ่าน
วันอังคารที่ 14 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Dream of
If life can remove someone you never dreamed of losing, it can replace them with someone you never dreamed of having.
หากชีวิตทำให้คนที่เราไม่เคยคิดฝันให้จากไป
ชีวิตก็จะหาคนที่เราไม่เคยคิดฝันมาแทนที่เอง
สำนวน
To dream of = ฝันอยากเป็น อยากได้ อยากมี แต่จะเป็นได้หรือเปล่านั้นไม่รู้ เช่น
I always dream of becoming a superstar.
= ฝันอยากเป็นซุปตาร์
My brother has dreamed of becoming a doctor.
= น้องชายฝันอยากเป็นหมอ (กริยา has dreamed หมายถึง ฝันมาตลอด)
Most athletes dream of winning some medals in the Olympics.
= นักกีฬาส่วนใหญ่ก็ฝันอยากจะได้เหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิค
This is the house that dad has ever dreamed of.
= นี่คือบ้านที่พ่อฝันอยากจะได้
I always dream of lying on the beach.
= ฉันมักจะฝันว่านอนอยู่บนชายหาด
Most city people dream of having a big house and a luxury car.
= คนในเมืองส่วนใหญ่ฝันอยากจะมีบ้านหลังใหญ่และรถหรู
สำนวนน่าจำเกี่ยวกับ dream ก็คือ to be a dream come true. ฝันที่เป็นจริง เช่น
For me, studying overseas is a dream come true. = สำหรับฉันแล้ว การได้ไปเรียนต่อเมืองนอกคือฝันที่เป็นจริง
Leading a peaceful life in the countryside is a dream come true for him.
= สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การได้มีชีวิตที่สงบในต่างจังหวัดเป็นฝันที่เป็นจริงของเขา
คำว่า to remove หมายถึง เอาออกไป หรือกำจัด เช่น
Remove all the chairs.
= เอาเก้าอี้พวกนี้ออกไป
The detergent is used to remove blood stains.
= ผงซักฟอกใช้ขจัดคราบเลือดพวกนี้
The HR department wants to remove some workers to save cost.
= ทางฝ่ายบุคลากรต้องการเอาพนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย
แต่หากต้องการจะเจาะจงไปอีกว่า เอาออกไปจากอะไร ก็สามารถใช้ from ซึ่งตรงกับภาษาไทยเลย เช่น
Please remove the old books from the library.
= ช่วยเอาหนังสือเก่าๆออกไปจากห้องสมุด
Dad wants to remove useless clothes from the cabinet.
= พ่ออยากจะโละเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ออกไปจากตู้
คำว่า unused จะหมายถึง ที่ยังใหม่แบบไม่ได้ใช้ก็ได้ เพราะฉะนั้น unused airline tickets = ตั๋วที่ยังไม่ได้ใช้ตอนนี้
To replace ก็คือ แทนที่ เช่น
We need to replace the carpets and curtains.
= เราจำเป็นต้องหาพรมและม่านใหม่
The coach has replaced him on the team.
= ผู้ฝึกสอนเอาเขามาแทนคนในทีม
Before the long trip, we need to replace tires.
=ก่อนเดินทางไกล เราต้องเปลี่ยนยางใหม่
I think I will replace the batteries in my phone because they are on and off.
= ฉันคิดว่าจะเปลี่ยนถ่านมือถือแล้วเพราะเดี๋ยวติดเดี๋ยวดับ
I plan to replace the old car with a more hi-tech one.
= มีแผนจะเปลี่ยนรถเก่าด้วยรถที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า
We are going to replace the old wooden house with one made of concrete.
= เรากำลังจะสร้างบ้านหลังใหม่ด้วยคอนกรีตแทนหลังเก่าที่ทำด้วยไม้
He plans to replace this old sofa with a modern one.
=เขามีแผนจะหาโซฟาใหม่มาแทนตัวเก่า
The company will replace the managers who have resigned.
= ทางบริษัทจะจ้างผู้บริหารใหม่แทนผู้บริหารที่ลาออกไป
คำนามคือ replacement หมายถึง การแทนที่ หรือคนที่จะมาแทนที่ เช่น
It is difficult to find a replacement for an experienced manager like him.
= ยากนะที่จะหาคนมาแทนผู้จัดการที่มีประสบการณ์เหมือนเขา
We need a replacement because many clients complain.
= เราจำเป็นต้องหาคนมาแทนเพราะลูกค้าโวยวายเพียบ
The company will seek a replacement for its finance manager.
= บริษัทจะหาคนมาแทนผู้บริหารทางการเงิน
และเมื่อเป็นคำนามนับไม่ได้ ก็จะหมายถึง การแทนที่เช่น
My old car needs a replacement. = ต้องเปลี่ยนรถแล้ว
หากชีวิตทำให้คนที่เราไม่เคยคิดฝันให้จากไป
ชีวิตก็จะหาคนที่เราไม่เคยคิดฝันมาแทนที่เอง
สำนวน
To dream of = ฝันอยากเป็น อยากได้ อยากมี แต่จะเป็นได้หรือเปล่านั้นไม่รู้ เช่น
I always dream of becoming a superstar.
= ฝันอยากเป็นซุปตาร์
My brother has dreamed of becoming a doctor.
= น้องชายฝันอยากเป็นหมอ (กริยา has dreamed หมายถึง ฝันมาตลอด)
Most athletes dream of winning some medals in the Olympics.
= นักกีฬาส่วนใหญ่ก็ฝันอยากจะได้เหรียญรางวัลในกีฬาโอลิมปิค
This is the house that dad has ever dreamed of.
= นี่คือบ้านที่พ่อฝันอยากจะได้
I always dream of lying on the beach.
= ฉันมักจะฝันว่านอนอยู่บนชายหาด
Most city people dream of having a big house and a luxury car.
= คนในเมืองส่วนใหญ่ฝันอยากจะมีบ้านหลังใหญ่และรถหรู
สำนวนน่าจำเกี่ยวกับ dream ก็คือ to be a dream come true. ฝันที่เป็นจริง เช่น
For me, studying overseas is a dream come true. = สำหรับฉันแล้ว การได้ไปเรียนต่อเมืองนอกคือฝันที่เป็นจริง
Leading a peaceful life in the countryside is a dream come true for him.
= สำหรับคนส่วนใหญ่แล้ว การได้มีชีวิตที่สงบในต่างจังหวัดเป็นฝันที่เป็นจริงของเขา
คำว่า to remove หมายถึง เอาออกไป หรือกำจัด เช่น
Remove all the chairs.
= เอาเก้าอี้พวกนี้ออกไป
The detergent is used to remove blood stains.
= ผงซักฟอกใช้ขจัดคราบเลือดพวกนี้
The HR department wants to remove some workers to save cost.
= ทางฝ่ายบุคลากรต้องการเอาพนักงานออกเพื่อลดค่าใช้จ่าย
แต่หากต้องการจะเจาะจงไปอีกว่า เอาออกไปจากอะไร ก็สามารถใช้ from ซึ่งตรงกับภาษาไทยเลย เช่น
Please remove the old books from the library.
= ช่วยเอาหนังสือเก่าๆออกไปจากห้องสมุด
Dad wants to remove useless clothes from the cabinet.
= พ่ออยากจะโละเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใช้ออกไปจากตู้
คำว่า unused จะหมายถึง ที่ยังใหม่แบบไม่ได้ใช้ก็ได้ เพราะฉะนั้น unused airline tickets = ตั๋วที่ยังไม่ได้ใช้ตอนนี้
To replace ก็คือ แทนที่ เช่น
We need to replace the carpets and curtains.
= เราจำเป็นต้องหาพรมและม่านใหม่
The coach has replaced him on the team.
= ผู้ฝึกสอนเอาเขามาแทนคนในทีม
Before the long trip, we need to replace tires.
=ก่อนเดินทางไกล เราต้องเปลี่ยนยางใหม่
I think I will replace the batteries in my phone because they are on and off.
= ฉันคิดว่าจะเปลี่ยนถ่านมือถือแล้วเพราะเดี๋ยวติดเดี๋ยวดับ
I plan to replace the old car with a more hi-tech one.
= มีแผนจะเปลี่ยนรถเก่าด้วยรถที่มีเทคโนโลยีสูงกว่า
We are going to replace the old wooden house with one made of concrete.
= เรากำลังจะสร้างบ้านหลังใหม่ด้วยคอนกรีตแทนหลังเก่าที่ทำด้วยไม้
He plans to replace this old sofa with a modern one.
=เขามีแผนจะหาโซฟาใหม่มาแทนตัวเก่า
The company will replace the managers who have resigned.
= ทางบริษัทจะจ้างผู้บริหารใหม่แทนผู้บริหารที่ลาออกไป
คำนามคือ replacement หมายถึง การแทนที่ หรือคนที่จะมาแทนที่ เช่น
It is difficult to find a replacement for an experienced manager like him.
= ยากนะที่จะหาคนมาแทนผู้จัดการที่มีประสบการณ์เหมือนเขา
We need a replacement because many clients complain.
= เราจำเป็นต้องหาคนมาแทนเพราะลูกค้าโวยวายเพียบ
The company will seek a replacement for its finance manager.
= บริษัทจะหาคนมาแทนผู้บริหารทางการเงิน
และเมื่อเป็นคำนามนับไม่ได้ ก็จะหมายถึง การแทนที่เช่น
My old car needs a replacement. = ต้องเปลี่ยนรถแล้ว
วันจันทร์ที่ 13 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
To live with
As you breathe right now, another person takes his last.
So stop complaining and learn to live with what you have.
ขณะที่หายใจอยู่ บางคนกำลังใช้ลมหายใจสุดท้าย
เลิกบ่น เลิกโวยวายเถอะ เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตกับสิ่งที่มีดีกว่า
...
So stop complaining and learn to live with what you have.
ขณะที่หายใจอยู่ บางคนกำลังใช้ลมหายใจสุดท้าย
เลิกบ่น เลิกโวยวายเถอะ เรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตกับสิ่งที่มีดีกว่า
...
สำนวน
To live with what you have = ชีวิตกับสิ่งที่มี
To live with + สิ่งใดหรือคนใดคนหนึ่ง หมายถึง อยู่กับสิ่งนั้นหรือคนนั้น เช่น
He lives with regrets.
= เขามีชีวิตอยู่ด้วยความเสียใจ
I am learning how to work with less stress.
= ฉันกำลังเรียนรู้ที่จะทำงานให้มีความเครียดน้อยลง
I plan to live with this person forever.
= ฉันกะจะอยู่กับคนนี้ไปชั่วชีวิต
Complain = โวยวาย บ่น
เช่น
The neighbor complained about the loud music.
= เพื่อนบ้านโวยวายดนตรีดัง
She always complains about hard work.
= หล่อนมักจะบ่นเรื่องงานหนัก
I will complain about the service to the manager.
= ฉันจะไปโวยวายเรื่องบริการกับผู้จัดการ
สำนวน to have the right to complain = มีสิทธิ์ที่จะโวยวาย
You have the right to complain if you are not happy about the service.
= คุณมีสิทธิ์ที่จะโวยวายถ้าไม่พอใจกับการบริการ
You have good reason to complain about the quality of the product.
= คุณมีเหตุผลที่ดีที่จะโวยวายเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้า
To live with what you have = ชีวิตกับสิ่งที่มี
To live with + สิ่งใดหรือคนใดคนหนึ่ง หมายถึง อยู่กับสิ่งนั้นหรือคนนั้น เช่น
He lives with regrets.
= เขามีชีวิตอยู่ด้วยความเสียใจ
I am learning how to work with less stress.
= ฉันกำลังเรียนรู้ที่จะทำงานให้มีความเครียดน้อยลง
I plan to live with this person forever.
= ฉันกะจะอยู่กับคนนี้ไปชั่วชีวิต
Complain = โวยวาย บ่น
เช่น
The neighbor complained about the loud music.
= เพื่อนบ้านโวยวายดนตรีดัง
She always complains about hard work.
= หล่อนมักจะบ่นเรื่องงานหนัก
I will complain about the service to the manager.
= ฉันจะไปโวยวายเรื่องบริการกับผู้จัดการ
สำนวน to have the right to complain = มีสิทธิ์ที่จะโวยวาย
You have the right to complain if you are not happy about the service.
= คุณมีสิทธิ์ที่จะโวยวายถ้าไม่พอใจกับการบริการ
You have good reason to complain about the quality of the product.
= คุณมีเหตุผลที่ดีที่จะโวยวายเกี่ยวกับคุณภาพของสินค้า
วันอาทิตย์ที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Meaningful
A meaningful silence
is always better than meaningless words.
ความเงียบที่มีความหมายดีกว่าคำพูดที่ไร้สาระ
สำนวน...
meaningful หมายถึง ที่มีคุณค่า ที่มีความสำคัญ มีสาระ เช่น
What a meaningful life!
= ช่างเป็นชีวิตที่มีคุณค่า มีความหมายมาก
What a meaningful song!
= ช่างเป็นเพลงที่มีความหมายมาก
My life is meaningful because you are my friend.
= ชีวิตฉันมีคุณค่า มีความหมายเพราะมีเธอเป็นเพื่อน
They have a meaningful relationship.
= พวกเขามีความสัมพันธ์ที่มีคุณค่า มีความหมาย
และคำตรงข้ามก็คือ meaningless ไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย เช่น
His work is meaningless.
= งานที่เขาทำไม่มีคุณค่าอะไร (ไร้สาระ)
His life is meaningless.
= ชีวิตเขาไม่มีคุณค่าอะไรเลย (ไร้สาระ)
สำนวน to know the meaning of (something)= หมายถึง รู้หรือเข้าใจความหมายของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะมีประสบการณ์ในสิ่งนั้นมาก เช่น
You never know the meaning of love.
= เธอไม่มีวันเข้าใจความหมายของคำว่ารัก
I know the meaning of loneliness.
= ฉันเข้าใจความรู้สึกของความโดดเดี่ยว
The guy like you never know the meaning of dedication.
= คนอย่างเธอไม่มีทางเข้าใจถึงความหมายของการทุ่มเท
และสามารถนำมาใช้ในการพูดแซวกัน ในลักษณะที่ว่า บลั๊ฟกัน เช่น
I don’t know the meaning of the word “fear”.
= ฉันไม่รู้ว่าความกลัวมันเป็นยังไง (ความกลัวมันเป็นยังไงหรือ)
He doesn’t know the meaning of “failure”
= เขาไม่รู้ว่าความล้มเหลวมันเป็นยังไง
และสำนวนอีกหนึ่งสำนวนที่เราชอบใช้ก็คือ The word “……” is not in someone’s vocabulary = หมายถึง สิ่งนั้นไม่มีในความคิด หรือแปลง่ายๆว่า ไม่รู้ว่าสะกดยังไง เช่น
The word “Quit” is not in my vocabulary.
= คำว่ายอมแพ้นะเหรอ สะกดไม่เป็นหรอก (ไม่รู้จัก)
The word “fear” is not in his vocabulary.
= คำว่ากลัว เขาสะกดไม่เป็นหรอก (กล้านั่นเอง)
is always better than meaningless words.
ความเงียบที่มีความหมายดีกว่าคำพูดที่ไร้สาระ
สำนวน...
meaningful หมายถึง ที่มีคุณค่า ที่มีความสำคัญ มีสาระ เช่น
What a meaningful life!
= ช่างเป็นชีวิตที่มีคุณค่า มีความหมายมาก
What a meaningful song!
= ช่างเป็นเพลงที่มีความหมายมาก
My life is meaningful because you are my friend.
= ชีวิตฉันมีคุณค่า มีความหมายเพราะมีเธอเป็นเพื่อน
They have a meaningful relationship.
= พวกเขามีความสัมพันธ์ที่มีคุณค่า มีความหมาย
และคำตรงข้ามก็คือ meaningless ไม่มีคุณค่า ไม่มีความหมาย เช่น
His work is meaningless.
= งานที่เขาทำไม่มีคุณค่าอะไร (ไร้สาระ)
His life is meaningless.
= ชีวิตเขาไม่มีคุณค่าอะไรเลย (ไร้สาระ)
สำนวน to know the meaning of (something)= หมายถึง รู้หรือเข้าใจความหมายของสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เพราะมีประสบการณ์ในสิ่งนั้นมาก เช่น
You never know the meaning of love.
= เธอไม่มีวันเข้าใจความหมายของคำว่ารัก
I know the meaning of loneliness.
= ฉันเข้าใจความรู้สึกของความโดดเดี่ยว
The guy like you never know the meaning of dedication.
= คนอย่างเธอไม่มีทางเข้าใจถึงความหมายของการทุ่มเท
และสามารถนำมาใช้ในการพูดแซวกัน ในลักษณะที่ว่า บลั๊ฟกัน เช่น
I don’t know the meaning of the word “fear”.
= ฉันไม่รู้ว่าความกลัวมันเป็นยังไง (ความกลัวมันเป็นยังไงหรือ)
He doesn’t know the meaning of “failure”
= เขาไม่รู้ว่าความล้มเหลวมันเป็นยังไง
และสำนวนอีกหนึ่งสำนวนที่เราชอบใช้ก็คือ The word “……” is not in someone’s vocabulary = หมายถึง สิ่งนั้นไม่มีในความคิด หรือแปลง่ายๆว่า ไม่รู้ว่าสะกดยังไง เช่น
The word “Quit” is not in my vocabulary.
= คำว่ายอมแพ้นะเหรอ สะกดไม่เป็นหรอก (ไม่รู้จัก)
The word “fear” is not in his vocabulary.
= คำว่ากลัว เขาสะกดไม่เป็นหรอก (กล้านั่นเอง)
วันพฤหัสบดีที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Be determined
If you are not willing to learn, no one can help you.
If you are determined to learn, no one can stop you.
ถ้าไม่อยากเรียน ก็ไม่มีใครสอนได้
แต่ถ้ามุ่งมั่นที่จะเรียน ก็ไม่มีใครหยุดเราได้
สำนวน...
to be determined to = มุ่งมั่น ตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
On New Year’s Day, I am determined to quit smoking.
= ปีใหม่ ฉันมุ่งมั่น (ตั้งใจอย่างแน่วแน่)ที่จะเลิกสูบบุหรี่
He is determined to work hard for a better life.
= เขามุ่งมั่นที่จะทำงานหนักขึ้นเพื่อชีวิตที่กว่าเดิม
She was determined not to repeat the same mistake.
= หล่อนมุ่งมั่นว่าจะไม่ทำผิดแบบนี้อีก
เมื่อใช้เป็นคำคุณศัพท์ ก็หมายถึง ที่มุ่งมั่น ที่แน่วแน่ เช่น
He is a very determined doctor.
= เขาเป็นหมอที่มุ่งมั่นมาก
What you need to do is to be more determined.
= สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ มุ่งมั่นให้มากกว่านี้
If you are determined, you will certainly succeed.
= ถ้าคุณมุ่งมั่น ก็จะประสบผลสำเร็จแน่ๆ
If you are determined to learn, no one can stop you.
ถ้าไม่อยากเรียน ก็ไม่มีใครสอนได้
แต่ถ้ามุ่งมั่นที่จะเรียน ก็ไม่มีใครหยุดเราได้
สำนวน...
to be determined to = มุ่งมั่น ตั้งใจอย่างแน่วแน่ในการทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
On New Year’s Day, I am determined to quit smoking.
= ปีใหม่ ฉันมุ่งมั่น (ตั้งใจอย่างแน่วแน่)ที่จะเลิกสูบบุหรี่
He is determined to work hard for a better life.
= เขามุ่งมั่นที่จะทำงานหนักขึ้นเพื่อชีวิตที่กว่าเดิม
She was determined not to repeat the same mistake.
= หล่อนมุ่งมั่นว่าจะไม่ทำผิดแบบนี้อีก
เมื่อใช้เป็นคำคุณศัพท์ ก็หมายถึง ที่มุ่งมั่น ที่แน่วแน่ เช่น
He is a very determined doctor.
= เขาเป็นหมอที่มุ่งมั่นมาก
What you need to do is to be more determined.
= สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ มุ่งมั่นให้มากกว่านี้
If you are determined, you will certainly succeed.
= ถ้าคุณมุ่งมั่น ก็จะประสบผลสำเร็จแน่ๆ
วันพุธที่ 8 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Interfere
Do not allow what you cannot do interfere with what you can do.
You can reach your dreams faster by doing things you're good at.
อย่าปล่อยให้สิ่งที่ทำไม่ได้
มาเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่ทำได้ ...
เราถึงฝันได้เร็วขึ้นหากเลือกทำในสิ่งที่ถนัด
สำนวน
To interfere หมายถึง เข้ามาก้าวก่าย เข้ามายุ่ง เข้ามาแทรกแซง เช่น
Don’t interfere. It will cause trouble.
= อย่าเข้ามาก้าวก่าย มันจะมีปัญหา
You have no right to interfere in my decision.
= คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวก่ายการตัดสินใจของฉัน
It’s my problem. Please don’t interfere.
= มันเป็นปัญหาของฉัน กรุณาอย่าเข้ามาก้าวก่าย
Parents tend to interfere in children’s lives. That’s the cause of the conflict.
= พ่อแม่มักจะเข้ามายุ่งกับชีวิตของลูกๆ นั่นคือสาเหตุของความขัดแย้ง
You can reach your dreams faster by doing things you're good at.
อย่าปล่อยให้สิ่งที่ทำไม่ได้
มาเป็นอุปสรรคในการทำสิ่งที่ทำได้ ...
เราถึงฝันได้เร็วขึ้นหากเลือกทำในสิ่งที่ถนัด
สำนวน
To interfere หมายถึง เข้ามาก้าวก่าย เข้ามายุ่ง เข้ามาแทรกแซง เช่น
Don’t interfere. It will cause trouble.
= อย่าเข้ามาก้าวก่าย มันจะมีปัญหา
You have no right to interfere in my decision.
= คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะก้าวก่ายการตัดสินใจของฉัน
It’s my problem. Please don’t interfere.
= มันเป็นปัญหาของฉัน กรุณาอย่าเข้ามาก้าวก่าย
Parents tend to interfere in children’s lives. That’s the cause of the conflict.
= พ่อแม่มักจะเข้ามายุ่งกับชีวิตของลูกๆ นั่นคือสาเหตุของความขัดแย้ง
วันอังคารที่ 7 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Apology
A true apology has 3 parts.
1. I am sorry.
2. It’s my fault.
3. What can I do to make it right?
Most of us miss the third part....
การขอโทษที่แท้จริงมี 3 ส่วน
ฉันขอโทษนะ
ฉันผิดเอง
ฉันจะทำยังไงเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด
คนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำส่วนที่ 3
สำนวน
Please accept my apology.
= กรุณารับคำขอโทษจากฉันด้วย
I would like to make an apology for the inconvenience.
= ขออภัยสำหรับความไม่สะดวก
สำนวน to make one’s apologies ขอโทษ เช่น
I made my apologies and left the party.
= ฉันกล่าวคำขอโทษและออกจากงานเลี้ยง
To make it right = แก้ไข
To do the right thing ทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม เช่น
We need to teach our children to do the right thing.
= เราจำเป็นต้องสินให้ลูกทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม
All you have to do is to do the right thing.
= สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม
I am trying to do the right thing even though someone may think it’s strange.
= ฉันพยายามทำสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่าบางคนจะมองว่ามันแปลกก็ตาม
1. I am sorry.
2. It’s my fault.
3. What can I do to make it right?
Most of us miss the third part....
การขอโทษที่แท้จริงมี 3 ส่วน
ฉันขอโทษนะ
ฉันผิดเอง
ฉันจะทำยังไงเพื่อแก้ไขสิ่งที่ผิดพลาด
คนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำส่วนที่ 3
สำนวน
Please accept my apology.
= กรุณารับคำขอโทษจากฉันด้วย
I would like to make an apology for the inconvenience.
= ขออภัยสำหรับความไม่สะดวก
สำนวน to make one’s apologies ขอโทษ เช่น
I made my apologies and left the party.
= ฉันกล่าวคำขอโทษและออกจากงานเลี้ยง
To make it right = แก้ไข
To do the right thing ทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม เช่น
We need to teach our children to do the right thing.
= เราจำเป็นต้องสินให้ลูกทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม
All you have to do is to do the right thing.
= สิ่งที่คุณต้องทำก็คือ ทำสิ่งที่ถูกต้องเหมาะสม
I am trying to do the right thing even though someone may think it’s strange.
= ฉันพยายามทำสิ่งที่ถูกต้องแม้ว่าบางคนจะมองว่ามันแปลกก็ตาม
วันจันทร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
To hate the sight of
I forgive not because I am a saint, but because I am tired of hating.
ฉันให้อภัยไม่ใช่เพราะเป็นนักบุญ แต่เพราะเบื่อที่เกลียดชังใครแล้ว
สำนวน
To hate the sight of + คนหรือสิ่งของหมายถึง เหม็นหน้า เช่น
These two guys hate the sight of each other....
= คนสองคนนี้เหม็นหน้ากัน
I hate the sight of him. = ฉันเหม็นหน้าเขา
ฉันให้อภัยไม่ใช่เพราะเป็นนักบุญ แต่เพราะเบื่อที่เกลียดชังใครแล้ว
สำนวน
To hate the sight of + คนหรือสิ่งของหมายถึง เหม็นหน้า เช่น
These two guys hate the sight of each other....
= คนสองคนนี้เหม็นหน้ากัน
I hate the sight of him. = ฉันเหม็นหน้าเขา
วันอาทิตย์ที่ 5 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Have a grudge
Holding grudges doesn’t make you strong; it makes you bitter.
Forgiving doesn’t make you weak; it sets you free.
การพยาบาทโกรธเกลียดไม่ได้ทำให้เราเข้มแข็ง แต่ทำให้เรารวดร้าว
การให้อภัยไม่ได้ทำให้เราอ่อนแอ แต่ปลดปล่อยตัวเรา
สำนวน...
To hold / have a grudge = พยาบาทโกรธเกลียด
He holds (has) a grudge against his dad.
= เขาพยาบาทโกรธเกลียดพ่อตัวเอง
It is no good carrying a grudge against anyone.
= ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพยาบาทใคร
สำนวน to set + คนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง + free
= ปลดปล่อยสิ่งนั้นหรือคนนั้นให้เป็นอิสระ
All the hostages are set free.
= ตัวประกันทั้งหมดได้รับการปล่อย
Buddhists set animals (birds and fish) free on religious holidays.
= ชาวพุทธปล่อยนกปล่อยปลาในวันสำคัญทางศาสนา
Forgiving doesn’t make you weak; it sets you free.
การพยาบาทโกรธเกลียดไม่ได้ทำให้เราเข้มแข็ง แต่ทำให้เรารวดร้าว
การให้อภัยไม่ได้ทำให้เราอ่อนแอ แต่ปลดปล่อยตัวเรา
สำนวน...
To hold / have a grudge = พยาบาทโกรธเกลียด
He holds (has) a grudge against his dad.
= เขาพยาบาทโกรธเกลียดพ่อตัวเอง
It is no good carrying a grudge against anyone.
= ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพยาบาทใคร
สำนวน to set + คนหรือสิ่งใดสิ่งหนึ่ง + free
= ปลดปล่อยสิ่งนั้นหรือคนนั้นให้เป็นอิสระ
All the hostages are set free.
= ตัวประกันทั้งหมดได้รับการปล่อย
Buddhists set animals (birds and fish) free on religious holidays.
= ชาวพุทธปล่อยนกปล่อยปลาในวันสำคัญทางศาสนา
วันศุกร์ที่ 3 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Find fault
Don’t worry about people who say behind your back, they are the people who are finding faults in your life instead of fixing the faults in their own life.
อย่าไปกังวลว่าใครจะว่าเราลับหลัง คนที่ไม่หาทางทำอะไรเพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นก็ได้แต่คอยจับผิดสิ่งที่เราทำ
To find faults with + คนใดคนหนึ่ง หมายถึง จับผิดเกี่ยวกับคนๆนั้น หรือวิจารณ์
เช่น
He always finds faults with me. ...
= เขามักจะจับผิดฉัน
My girlfriend always find faults with me.
= แฟนชอบจับผิดฉัน
He gets bored with his mom because she finds faults with everything he does.
= เขาเบื่อแม่เพราะแม่จับผิดทุกอย่างที่เขาทำ
สำนวน to be someone’s fault หมายถึง เป็นความผิดของคนๆนั้น เช่น
It’s all my fault. = ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน
It’s all her fault. = ทั้งหมดเป็นความผิดของหล่อน
It’s his fault that he was late.
= เขาผิดที่มาสาย
You came late. It’s all your fault that you got up late.
= เธอมาไม่ทัน เป็นความผิดของเธอ ที่ตื่นสาย
For all its faults (=in spite of its faults), we love this city.
= แม้จะมีอะไรไม่ดี เราก็รักเมืองนี้
For all her faults, I still love her.
= In spite of her faults, I still love her.
= แม้เธอจะมีอะไรไม่ดี ฉันก็ยังรักเธอ
สำนวน there’s something wrong with something = มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
I don’t know why my computer is not working. There’s something with it.
= ไม่รู้ว่าคอมทำไมไม่ทำงาน ต้องมีอะไรไม่ปกติแน่ๆ
A double fault = การเสิร์ฝลูกพลาดสองครั้งในกีฬาเทนนิส
behind someone's back= ไม่ให้คนๆนั้นรู้ หรือลับหลัง เช่น
She likes to gossip behind my back.
= หล่อนชอบนินทาฉันลับหลัง
They criticized their boss behind his back.
= เขาวิจารณ์หัวหน้าลับหลัง
I am sure that they are talking about us behind our back.
= ฉันแน่ใจว่าพวกเขากำลังพูดถึงเราลับหลัง
อย่าไปกังวลว่าใครจะว่าเราลับหลัง คนที่ไม่หาทางทำอะไรเพื่อให้ชีวิตตัวเองดีขึ้นก็ได้แต่คอยจับผิดสิ่งที่เราทำ
To find faults with + คนใดคนหนึ่ง หมายถึง จับผิดเกี่ยวกับคนๆนั้น หรือวิจารณ์
เช่น
He always finds faults with me. ...
= เขามักจะจับผิดฉัน
My girlfriend always find faults with me.
= แฟนชอบจับผิดฉัน
He gets bored with his mom because she finds faults with everything he does.
= เขาเบื่อแม่เพราะแม่จับผิดทุกอย่างที่เขาทำ
สำนวน to be someone’s fault หมายถึง เป็นความผิดของคนๆนั้น เช่น
It’s all my fault. = ทั้งหมดเป็นความผิดของฉัน
It’s all her fault. = ทั้งหมดเป็นความผิดของหล่อน
It’s his fault that he was late.
= เขาผิดที่มาสาย
You came late. It’s all your fault that you got up late.
= เธอมาไม่ทัน เป็นความผิดของเธอ ที่ตื่นสาย
For all its faults (=in spite of its faults), we love this city.
= แม้จะมีอะไรไม่ดี เราก็รักเมืองนี้
For all her faults, I still love her.
= In spite of her faults, I still love her.
= แม้เธอจะมีอะไรไม่ดี ฉันก็ยังรักเธอ
สำนวน there’s something wrong with something = มีอะไรผิดปกติเกี่ยวกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เช่น
I don’t know why my computer is not working. There’s something with it.
= ไม่รู้ว่าคอมทำไมไม่ทำงาน ต้องมีอะไรไม่ปกติแน่ๆ
A double fault = การเสิร์ฝลูกพลาดสองครั้งในกีฬาเทนนิส
behind someone's back= ไม่ให้คนๆนั้นรู้ หรือลับหลัง เช่น
She likes to gossip behind my back.
= หล่อนชอบนินทาฉันลับหลัง
They criticized their boss behind his back.
= เขาวิจารณ์หัวหน้าลับหลัง
I am sure that they are talking about us behind our back.
= ฉันแน่ใจว่าพวกเขากำลังพูดถึงเราลับหลัง
วันพฤหัสบดีที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
To focus on
Stop looking for reasons to be unhappy.
Focus on the things you do have and the reasons you should be happy.
หยุดมองหาเหตุผลว่าทำไมไม่มีความสุข
จงใส่ใจกับสิ่งที่เรามีและเหตุผลที่ควรจะมีความสุขดีกว่า
สำนวน...
To focus on + สิ่งใด หรือคนใดคนหนึ่ง หมายถึง ให้ความสนใจต่อ
เช่น
You need to focus on your lecture.
= คุณจำเป็นต้องมีสมาธิกับคำบรรยาย
Kids focus their attention on games.
= เด็กๆสนใจแต่เกมส์
We need to focus our efforts on this project if we want to be successful.
= เราต้องใช้ความพยายามกับโครงการนี้หากต้องการจะประสบผลสำเร็จ
He has tried to focus his attention on the presentation.
= เขาพยายามสนใจการนำเสนอ
คำนามคือ focus เช่น
The flood has become the main focus of attention.
= น้ำท่วมกลายเป็นจุดสนใจที่สำคัญไปแล้ว
Focus on the things you do have and the reasons you should be happy.
หยุดมองหาเหตุผลว่าทำไมไม่มีความสุข
จงใส่ใจกับสิ่งที่เรามีและเหตุผลที่ควรจะมีความสุขดีกว่า
สำนวน...
To focus on + สิ่งใด หรือคนใดคนหนึ่ง หมายถึง ให้ความสนใจต่อ
เช่น
You need to focus on your lecture.
= คุณจำเป็นต้องมีสมาธิกับคำบรรยาย
Kids focus their attention on games.
= เด็กๆสนใจแต่เกมส์
We need to focus our efforts on this project if we want to be successful.
= เราต้องใช้ความพยายามกับโครงการนี้หากต้องการจะประสบผลสำเร็จ
He has tried to focus his attention on the presentation.
= เขาพยายามสนใจการนำเสนอ
คำนามคือ focus เช่น
The flood has become the main focus of attention.
= น้ำท่วมกลายเป็นจุดสนใจที่สำคัญไปแล้ว
วันพุธที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2560
Powerful
Your mind is powerful.
When you fill it with positive thoughts,
your life will start to change.
ใจเราทรงพลัง
เมื่อใส่ความคิดดีๆลงไป...
ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยน
สำนวน
Powerful หมายถึง ที่ทรงพลัง ที่มีอำนาจ ที่แกร่ง ที่แข็งแรงมาก ที่แรง ที่มีอิทธิพล แนวคิดของคำนี้อยู่ประมาณนี้
เช่น He is a powerful person.
= เขาเป็นคนมีพลังมาก หรือมีอำนาจมากก็ได้
She has a powerful singing voice.
= หล่อนมีน้ำเสียงที่ทรงพลัง
It is a powerful family in the neighborhood.
= ครอบครัวนี้มีอำนาจในละแวกนี้
China is a very powerful country.
= ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอำนาจมากประเทศหนึ่ง
He is powerful and well-built.
= เขาแข็งแรงและรูปร่างดี
His speech is so powerful.
= สุนทรพจน์ของเขาทรงพลังมาก
Her feelings are very powerful.
= ความรู้สึกของเธอแรงมาก
It is such a powerful drug. It can relieve the pain within a few minutes.
= ยาแรงมาก สามารถบรรเทาอาการปวดได้ภายในสองสามนาที
This perfume has a powerful smell.
= น้ำหอมตัวนี้กลิ่นรุนแรง
My new laptop is more powerful than the old one. = คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปเครื่องใหม่แรงกว่าตัวเก่า
The powerful people = คนที่ทรงพลังหรือทรงอิทธิพล
When you fill it with positive thoughts,
your life will start to change.
ใจเราทรงพลัง
เมื่อใส่ความคิดดีๆลงไป...
ชีวิตก็จะเริ่มเปลี่ยน
สำนวน
Powerful หมายถึง ที่ทรงพลัง ที่มีอำนาจ ที่แกร่ง ที่แข็งแรงมาก ที่แรง ที่มีอิทธิพล แนวคิดของคำนี้อยู่ประมาณนี้
เช่น He is a powerful person.
= เขาเป็นคนมีพลังมาก หรือมีอำนาจมากก็ได้
She has a powerful singing voice.
= หล่อนมีน้ำเสียงที่ทรงพลัง
It is a powerful family in the neighborhood.
= ครอบครัวนี้มีอำนาจในละแวกนี้
China is a very powerful country.
= ประเทศจีนเป็นประเทศที่มีอำนาจมากประเทศหนึ่ง
He is powerful and well-built.
= เขาแข็งแรงและรูปร่างดี
His speech is so powerful.
= สุนทรพจน์ของเขาทรงพลังมาก
Her feelings are very powerful.
= ความรู้สึกของเธอแรงมาก
It is such a powerful drug. It can relieve the pain within a few minutes.
= ยาแรงมาก สามารถบรรเทาอาการปวดได้ภายในสองสามนาที
This perfume has a powerful smell.
= น้ำหอมตัวนี้กลิ่นรุนแรง
My new laptop is more powerful than the old one. = คอมพิวเตอร์แล็ปท็อปเครื่องใหม่แรงกว่าตัวเก่า
The powerful people = คนที่ทรงพลังหรือทรงอิทธิพล