Real happiness doesn’t come from getting what you want.
It comes from sharing what you have with the people who matter.
ความสุขที่แท้จริงไม่ได้เกิดจากการได้สิ่งที่ต้องการ
แต่เกิดจากการแบ่งปันสิ่งที่มีกับคนที่มีความหมาย
สำนวน to share = แบ่งปัน...
We need to share both happiness and suffering. = เราต้องแบ่งปันทั้งความสุขและความทุกข์
You don’t have the book. You can share it with me.
= คุณไม่มีหนังสือ มาดูด้วยกันซิ
Please share the cake and candy.
= เอาเค้กและลูกกวาดไปแบ่งกัน
We can share the bed.
= เรานอนด้วยกันได้
We plan to rent an apartment and share the bills. = เรากะจะเช่าอพาร์ทเมนท์และช่วยกันจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆ
If there is a mistake about the project, we need to share the blame.
= ถ้ามีอะไรผิดพลาดเกี่ยวกับโครงการนี้ เราต้องรับผิดชอบร่วมกัน
The two parties had to share the blame for the accident.
= ทั้งสองฝ่ายต้องรับผิดชอบอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นด้วยกัน
Let’s share experiences and ideas so that we will learn something new.
= เรามาแบ่งปันประสบการณ์และความคิดเพื่อว่าเราจะได้เรียนรู้อะไรใหม่ๆ
Do you have anything to share with your friends?
= มีอะไรจะแบ่งปันกับเพื่อนไหม (เล่าให้เพื่อนฟังไหม)
I have something to share with you.
= ฉันมีอะไรจะแลกเปลี่ยน (เล่าให้ฟัง)
Thanks for sharing.
= ขอบคุณที่แบ่งปัน
Let’s share a taxi.
= เรามาใช้แท็กซี่ด้วยกันเถอะ
I will go to Pattaya tomorrow. You can share the cost of gas for the ride.
= พรุ่งนี้ ฉันจะไปพัทยา คุณไปกับฉันได้โดยช่วยค่าน้ำมัน
During the summer break, we plan to share the driving so that it will not be too tiring.
= ในช่วงหยุดเทอมฤดูร้อน เรากะจะช่วยกันขับรถเพื่อว่าจะไม่เหนื่อยเกินไป
I want to share my feelings with you, guys.
= ฉันอยากจะเล่าให้ฟังถึงความรู้สึกกับพวกคุณ
คำว่า share เป็นคำนามหมายถึง ส่วนแบ่ง
I've done my (fair) share of the work.
= ฉันได้ทำงานส่วนที่ฉันต้องทำแล้ว
the lion’s share (of something)= ส่วนที่ใหญ่ที่สุด หรือมากที่สุด เช่น
This company has the lion’s share of soft drinks.
= บริษัทนี้มีส่วนแบ่งตลาดใหญ่ที่สุดของน้ำดื่ม
Air Asia has the lion’s share of low-cost airline industry.
= แอร์เอเชียมีส่วนแบ่งตลาดใหญ่ที่สุดในอุตสาหกรรมการบินเครื่องบินต้นทุนต่ำ
A market share = ส่วนแบ่งตลาด
The purpose of all companies is to maintain market share.
= จุดหมายของทุกบริษัทก็คือรักษาส่วนแบ่งตลาดให้ได้
This year I think our company will lose market share to our competitors.
= ปีนี้ ฉันคิดว่า บริษัทของเราจะเสียส่วนแบ่งตลาดให้กับคู่แข่ง
วันจันทร์ที่ 30 ตุลาคม พ.ศ. 2560
วันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Fight
Everyone you meet is fighting a battle you know nothing about. Be kind!
ทุกคนที่เราพบต่างก็กำลังสู้กับปัญหาของตัวเองซึ่งเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขา เพราะฉะนั้น ดีกับเขาเถอะ
สำนวน
To fight = ต่อสู้ หรือทะเลาะ over = เกี่ยวกับ for = เพื่อ
Those guys are fighting over a girl....
= คนพวกนั้นกำลังทะเลาะกันเรื่องสาวๆ
The students are fighting in the street.
= เด็กนักเรียนกำลังต่อยตีกันบนถนน
I am fighting for freedom of speech.
= ฉันกำลังต่อสู้เพื่อให้มีเสรีภาพในการแสดงออก
Some residents were fighting for their lives from the fire in California.
= ผู้อยู่อาศัยบางคนกำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากไฟไหม้ในแคลิฟอร์เนีย
To fight a battle = สู้รบ
We are fighting against injustice.
= พวกเรากำลังสู้กับความอยุติธรรม
He is fighting a battle against materialism.
= เขากำลังต่อสู้กับวัตถุนิยม
สำนวน to fight a losing battle หมายถึง รู้ทั้งรู้ว่าแพ้แต่ก็จะสู้ เช่น
I know I am fighting a losing batter to lose weight.
= ฉันก็รู้นะว่า สู้ไปก็แพ้ แต่ก็จะสู้ กับการลดน้ำหนักครั้งนี้
In the fierce competition, he is fighting a losing battle.
= ในการแข่งขันที่ดุเดือด เขารู้ทั้งรู้ว่าแพ้ แต่ก็จะสู้
ทุกคนที่เราพบต่างก็กำลังสู้กับปัญหาของตัวเองซึ่งเราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขา เพราะฉะนั้น ดีกับเขาเถอะ
สำนวน
To fight = ต่อสู้ หรือทะเลาะ over = เกี่ยวกับ for = เพื่อ
Those guys are fighting over a girl....
= คนพวกนั้นกำลังทะเลาะกันเรื่องสาวๆ
The students are fighting in the street.
= เด็กนักเรียนกำลังต่อยตีกันบนถนน
I am fighting for freedom of speech.
= ฉันกำลังต่อสู้เพื่อให้มีเสรีภาพในการแสดงออก
Some residents were fighting for their lives from the fire in California.
= ผู้อยู่อาศัยบางคนกำลังต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอดจากไฟไหม้ในแคลิฟอร์เนีย
To fight a battle = สู้รบ
We are fighting against injustice.
= พวกเรากำลังสู้กับความอยุติธรรม
He is fighting a battle against materialism.
= เขากำลังต่อสู้กับวัตถุนิยม
สำนวน to fight a losing battle หมายถึง รู้ทั้งรู้ว่าแพ้แต่ก็จะสู้ เช่น
I know I am fighting a losing batter to lose weight.
= ฉันก็รู้นะว่า สู้ไปก็แพ้ แต่ก็จะสู้ กับการลดน้ำหนักครั้งนี้
In the fierce competition, he is fighting a losing battle.
= ในการแข่งขันที่ดุเดือด เขารู้ทั้งรู้ว่าแพ้ แต่ก็จะสู้
วันเสาร์ที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Lack of
It is lack of love for ourselves that inhibits our compassion toward others. If we make friends with ourselves, then there is no obstacle to opening our hearts and minds to others.
เพราะขาดความรัก จึงทำให้เราไม่เห็นใจผู้อื่น
หากมีตัวเองเป็นเพื่อนได้แล้ว
ก็ไม่มีอุปสรรคใดที่จะเปิดใจยอมรับคนอื่น
สำนวน...
Lack of + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง ขาดซึ่งสิ่งนั้น เช่น
He cannot win that girl’s heart because of lack of courage.
= เขาไม่สามารถครอบครองหัวใจของหญิงสาวได้เพราะขาดความกล้า
I suffered from lack of sleep.
= ฉันทรมานจากการหลับไม่พอ
Some victims were killed in the fire due to lack of oxygen.
= ผู้เคราะห์ร้ายบางคนเสียชีวิตในกองเพลิงเนื่องจากขาดอากาศหายใจ
That kid is a problem due to lack of love.
= เด็กคนนั้นสร้างปัญหาเพราะขาดความรัก
Don’t trust that comment. It’s a total lack of information.
= อย่าเชื่อการติติงนั้น ไม่มีข้อมูลเลย
Some seniors are treated with a lack of respect.
= คนแก่บางคนถูกปฏิบัติอย่างไม่มีความเคารพ
สำนวน
To make friends with = เป็นมิตรกับ หรือเป็นเพื่อนกับ เช่น
Don’t worry! He can make friends with everybody.
= ไม่ต้องห่วง เขาสามารถเป็นมิตรกับทุกคน
She finds it hard to make friends with her peers.
= เธอพบว่ายากที่จะเป็นมิตรกับคนในวัยเดียวกัน
Most successful tourism operators can make friends with guests.
= ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวที่ประสบผลสำเร็จส่วนใหญ่เป็นกันเองกับแขก
I don’t feel comfortable here. I find it hard to make friends with seniors.
= ฉันรู้สึกอึดอัด พบว่าเป็นกันเองกับคนแก่ยาก
เพราะขาดความรัก จึงทำให้เราไม่เห็นใจผู้อื่น
หากมีตัวเองเป็นเพื่อนได้แล้ว
ก็ไม่มีอุปสรรคใดที่จะเปิดใจยอมรับคนอื่น
สำนวน...
Lack of + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง ขาดซึ่งสิ่งนั้น เช่น
He cannot win that girl’s heart because of lack of courage.
= เขาไม่สามารถครอบครองหัวใจของหญิงสาวได้เพราะขาดความกล้า
I suffered from lack of sleep.
= ฉันทรมานจากการหลับไม่พอ
Some victims were killed in the fire due to lack of oxygen.
= ผู้เคราะห์ร้ายบางคนเสียชีวิตในกองเพลิงเนื่องจากขาดอากาศหายใจ
That kid is a problem due to lack of love.
= เด็กคนนั้นสร้างปัญหาเพราะขาดความรัก
Don’t trust that comment. It’s a total lack of information.
= อย่าเชื่อการติติงนั้น ไม่มีข้อมูลเลย
Some seniors are treated with a lack of respect.
= คนแก่บางคนถูกปฏิบัติอย่างไม่มีความเคารพ
สำนวน
To make friends with = เป็นมิตรกับ หรือเป็นเพื่อนกับ เช่น
Don’t worry! He can make friends with everybody.
= ไม่ต้องห่วง เขาสามารถเป็นมิตรกับทุกคน
She finds it hard to make friends with her peers.
= เธอพบว่ายากที่จะเป็นมิตรกับคนในวัยเดียวกัน
Most successful tourism operators can make friends with guests.
= ผู้ประกอบการด้านท่องเที่ยวที่ประสบผลสำเร็จส่วนใหญ่เป็นกันเองกับแขก
I don’t feel comfortable here. I find it hard to make friends with seniors.
= ฉันรู้สึกอึดอัด พบว่าเป็นกันเองกับคนแก่ยาก
วันศุกร์ที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2560
To liead to
Difficult roads often lead to beautiful destinations.
เส้นทางที่ลำบากมักจะพาไปสู่ปลายทางที่งดงาม
สำนวน
To lead to + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง ทำให้เกิด ใช้เหมือน to result in เช่น
Too much work leads to stressful life. ...
= การทำงานหนักเกินไปทำให้ชีวิตเครียด
Creativity leads to innovation.
= ความคิดสร้างสรรค์ทำให้เกิดนวัตกรรม
Smoking leads to cancer.
= การสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็ง
Blaming always leads to conflicts.
= การเพ่งโทษมักจะนำไปสู่ความขัดแย้ง
นอกจากนี้ คำว่า to lead + คนใดคนหนึ่ง + to do สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ยังหมายถึง ทำให้คนๆนั้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ เช่น
His interest in religion leads him to practice meditation.
= ความสนใจในศาสนาทำให้เขาฝึกสมาธิ
Her volunteer work leads her to a career in hospitals.
= งานอาสาสมัครทำให้เธอไปทำงานในโรงพยาบาล
คำว่า destination หมายถึง จุดหมายปลายทาง
Phuket is a popular tourist attraction in Thailand. = ภูเก็ตเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่นิยมของประเทศไทย
What is your destination?
= จุดหมายของคุณคือที่ไหน (จะไปไหน)
New York is my favorite holiday destination.
= นิวยอร์คเป็นปลายทางของการพักผ่อนที่ฉันชอบ
I enjoy travelling to exotic destinations.
= ฉันชอบเดินทางท่องเที่ยวไปยังปลายทางแปลกๆ มีเอกลักษณ์
สามารถขยายคำนามอื่นได้เช่น
We are getting to our destination restaurant.
= เรากำลังจะถึงภัตตาคารที่เป็นจุดหมายของเราแล้ว
It takes us about two hours to get to our destination resort.
= ใช้เวลาอีกประมาณสองชั่วโมงก็จะถึงรีสอร์ทที่เป็นจุดหมายของเราแล้ว
เส้นทางที่ลำบากมักจะพาไปสู่ปลายทางที่งดงาม
สำนวน
To lead to + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง ทำให้เกิด ใช้เหมือน to result in เช่น
Too much work leads to stressful life. ...
= การทำงานหนักเกินไปทำให้ชีวิตเครียด
Creativity leads to innovation.
= ความคิดสร้างสรรค์ทำให้เกิดนวัตกรรม
Smoking leads to cancer.
= การสูบบุหรี่ทำให้เกิดมะเร็ง
Blaming always leads to conflicts.
= การเพ่งโทษมักจะนำไปสู่ความขัดแย้ง
นอกจากนี้ คำว่า to lead + คนใดคนหนึ่ง + to do สิ่งใดสิ่งหนึ่ง ยังหมายถึง ทำให้คนๆนั้นทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้ เช่น
His interest in religion leads him to practice meditation.
= ความสนใจในศาสนาทำให้เขาฝึกสมาธิ
Her volunteer work leads her to a career in hospitals.
= งานอาสาสมัครทำให้เธอไปทำงานในโรงพยาบาล
คำว่า destination หมายถึง จุดหมายปลายทาง
Phuket is a popular tourist attraction in Thailand. = ภูเก็ตเป็นจุดหมายการท่องเที่ยวที่นิยมของประเทศไทย
What is your destination?
= จุดหมายของคุณคือที่ไหน (จะไปไหน)
New York is my favorite holiday destination.
= นิวยอร์คเป็นปลายทางของการพักผ่อนที่ฉันชอบ
I enjoy travelling to exotic destinations.
= ฉันชอบเดินทางท่องเที่ยวไปยังปลายทางแปลกๆ มีเอกลักษณ์
สามารถขยายคำนามอื่นได้เช่น
We are getting to our destination restaurant.
= เรากำลังจะถึงภัตตาคารที่เป็นจุดหมายของเราแล้ว
It takes us about two hours to get to our destination resort.
= ใช้เวลาอีกประมาณสองชั่วโมงก็จะถึงรีสอร์ทที่เป็นจุดหมายของเราแล้ว
วันอังคารที่ 24 ตุลาคม พ.ศ. 2560
The key
The key to being happy
is knowing you have the power to choose
what to accept and what to let go.
เคล็ดลับความสุขคือการรู้ว่า
เรามีพลังที่จะเลือกยอมรับและปล่อยวางอะไร
...
is knowing you have the power to choose
what to accept and what to let go.
เคล็ดลับความสุขคือการรู้ว่า
เรามีพลังที่จะเลือกยอมรับและปล่อยวางอะไร
...
สำนวน
The key to + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง หัวใจหรือกุญแจที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการทำสิ่งนั้น เช่น
The key to speaking English is listen and practice.
= กุญแจที่จะทำให้พูดภาษาอังกฤษได้คือฟังและฝึก
The key to happiness is be content with what you have.
= กุญแจสู่ความสุขคือพอใจในสิ่งที่เรามี
Working as a team is the key to success.
=การทำงานเป็นทีมเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ
Hard work is the key to success.
= การขยันเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ
เราสามารถเอาคำไหนมาใส่ส่วนหน้าก็ได้ เช่น honest (คามซื่อสัตย์) patience (ความอดทน) determination (ความเด็ดเดี่ยว) dedication (การทำอย่างทุ่มเท) ซึ่งจะเอาไปใส่ในโครงสร้างที่ว่า หรือจะเอาไปใช้ในโครงสร้างนี้ก็ได้ เช่น
If you want to be good at English, practice is the key.
= ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ การฝึกฝนคือกุญแจ (สิ่งสำคัญ )
If you want to improve your health, exercise is the key.
= ถ้าอยากจะสุขภาพดี การออกกำลังกายคือกุญแจ(สิ่งสำคัญ)
If you want to be successful in business, creativity is the key.
= ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์คือกุญแจ (สิ่งสำคัญ)
The key to + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง หัวใจหรือกุญแจที่จะนำไปสู่ความสำเร็จในการทำสิ่งนั้น เช่น
The key to speaking English is listen and practice.
= กุญแจที่จะทำให้พูดภาษาอังกฤษได้คือฟังและฝึก
The key to happiness is be content with what you have.
= กุญแจสู่ความสุขคือพอใจในสิ่งที่เรามี
Working as a team is the key to success.
=การทำงานเป็นทีมเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ
Hard work is the key to success.
= การขยันเป็นกุญแจนำไปสู่ความสำเร็จ
เราสามารถเอาคำไหนมาใส่ส่วนหน้าก็ได้ เช่น honest (คามซื่อสัตย์) patience (ความอดทน) determination (ความเด็ดเดี่ยว) dedication (การทำอย่างทุ่มเท) ซึ่งจะเอาไปใส่ในโครงสร้างที่ว่า หรือจะเอาไปใช้ในโครงสร้างนี้ก็ได้ เช่น
If you want to be good at English, practice is the key.
= ถ้าอยากเก่งภาษาอังกฤษ การฝึกฝนคือกุญแจ (สิ่งสำคัญ )
If you want to improve your health, exercise is the key.
= ถ้าอยากจะสุขภาพดี การออกกำลังกายคือกุญแจ(สิ่งสำคัญ)
If you want to be successful in business, creativity is the key.
= ถ้าอยากจะประสบความสำเร็จในธุรกิจ ความคิดริเริ่มสร้างสรรค์คือกุญแจ (สิ่งสำคัญ)
วันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม พ.ศ. 2560
To have the power
He who is devoid of the power to forgive is devoid of the power to love. There is some good in the worst of us and some evil in the best of us. When we discover this, we are less prone to hate our enemies.
คนที่ไม่มีพลังในการให้อภัยก็จะไม่มีพลังที่จะรักใคร ท่ามกลางสิ่งที่แย่ที่สุด ก็ยังมีสิ่งดีอยู่ และ ท่ามกลางสิ่งที่ดีที่สุด ก็ยังมีสิ่งชั่วร้ายปะปนอยู่ เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว เราก็จะเกลียดศัตรูน้อยลง
สำนวน
สำนวน to have the power to do สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง มีพลัง อำนาจ มีค...วามสามารถในการทำสิ่งนั้น เช่น
I don’t have the power to change the world , but I have the power to change my life.
= ฉันไม่มีพลังที่จะเปลี่ยนโลกแต่ฉันมีพลังที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง
I am not in my power to make a decision.
= ฉันไม่อยู่ในอำนาจที่จะตัดสินใจ
It is within his power to do that.
= มันอยู่ในอำนาจของเขาที่จะทำแบบนั้น
สำนวน to be in one’s power to do
= อยู่ในอำนาจของใครคนใดคนหนึ่งที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
It’s in my power to change everything.
= อยู่ในอำนาจของฉันที่จะทำทุกอย่างได้
I promise I will do everything in my power to help everyone.
= ฉันสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่มีอำนาจทำได้เพื่อช่วยทุกคน
That politician is hungry for power.
= นักการเมืองคนนั้นหิวอำนาจ
We are hungry for wealth and power. Then we suffer.
= พวกเราหิวเงินทองและอำนาจ เราจึงทุกข์ใจ
the power behind the throne = อำนาจที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังองค์กรหรือประเทศ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังอำนาจ คำว่า throne = บัลลังก์ ก็คืออำนาจนั่นเอง เช่น
He is the leader of the family, but his wife is the power behind the throne.
= เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวแต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังอำนาจที่แท้จริงคือ ภรรยา ( อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่ภรรยา)
คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังอำนาจที่แท้จริง สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์
the powers that be = ผู้ที่มีอำนาจคนนั้นที่สามารถอนุญาตให้ทำสิ่งใดได้ ที่เราไม่รู้ เช่น
We wanted to take the trip to New York, but the powers that be didn’t approve.
= เราอยากไปเที่ยวนิวยอร์ค แต่คนที่มีอำนาจไม่อนุมัติ
The powers that be don’t want us to work on this project.
= ใครที่มีอำนาจที่เราไม่รู้ไม่อยากให้เราทำโครงการนี้
I can’t tell you if we will get this job. It depends on the powers that be.
= ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าเราจะได้งานนี้ มันขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเบื้องบน
คนที่ไม่มีพลังในการให้อภัยก็จะไม่มีพลังที่จะรักใคร ท่ามกลางสิ่งที่แย่ที่สุด ก็ยังมีสิ่งดีอยู่ และ ท่ามกลางสิ่งที่ดีที่สุด ก็ยังมีสิ่งชั่วร้ายปะปนอยู่ เมื่อเรารู้เช่นนี้แล้ว เราก็จะเกลียดศัตรูน้อยลง
สำนวน
สำนวน to have the power to do สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง มีพลัง อำนาจ มีค...วามสามารถในการทำสิ่งนั้น เช่น
I don’t have the power to change the world , but I have the power to change my life.
= ฉันไม่มีพลังที่จะเปลี่ยนโลกแต่ฉันมีพลังที่จะเปลี่ยนชีวิตตัวเอง
I am not in my power to make a decision.
= ฉันไม่อยู่ในอำนาจที่จะตัดสินใจ
It is within his power to do that.
= มันอยู่ในอำนาจของเขาที่จะทำแบบนั้น
สำนวน to be in one’s power to do
= อยู่ในอำนาจของใครคนใดคนหนึ่งที่จะทำสิ่งใดสิ่งหนึ่ง
It’s in my power to change everything.
= อยู่ในอำนาจของฉันที่จะทำทุกอย่างได้
I promise I will do everything in my power to help everyone.
= ฉันสัญญาว่าจะทำทุกอย่างที่มีอำนาจทำได้เพื่อช่วยทุกคน
That politician is hungry for power.
= นักการเมืองคนนั้นหิวอำนาจ
We are hungry for wealth and power. Then we suffer.
= พวกเราหิวเงินทองและอำนาจ เราจึงทุกข์ใจ
the power behind the throne = อำนาจที่แท้จริงที่อยู่เบื้องหลังองค์กรหรือประเทศ ผู้ที่อยู่เบื้องหลังอำนาจ คำว่า throne = บัลลังก์ ก็คืออำนาจนั่นเอง เช่น
He is the leader of the family, but his wife is the power behind the throne.
= เขาเป็นหัวหน้าครอบครัวแต่ผู้ที่อยู่เบื้องหลังอำนาจที่แท้จริงคือ ภรรยา ( อำนาจที่แท้จริงอยู่ที่ภรรยา)
คนสำคัญที่อยู่เบื้องหลังอำนาจที่แท้จริง สามารถใช้ได้ในทุกสถานการณ์
the powers that be = ผู้ที่มีอำนาจคนนั้นที่สามารถอนุญาตให้ทำสิ่งใดได้ ที่เราไม่รู้ เช่น
We wanted to take the trip to New York, but the powers that be didn’t approve.
= เราอยากไปเที่ยวนิวยอร์ค แต่คนที่มีอำนาจไม่อนุมัติ
The powers that be don’t want us to work on this project.
= ใครที่มีอำนาจที่เราไม่รู้ไม่อยากให้เราทำโครงการนี้
I can’t tell you if we will get this job. It depends on the powers that be.
= ฉันบอกไม่ได้หรอกว่าเราจะได้งานนี้ มันขึ้นอยู่กับผู้มีอำนาจเบื้องบน
วันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Make
Your body is what makes you sexy.
Your smile is what makes you pretty.
But your personality is what makes you beautiful.
รูปร่างทำให้ดูเซ็กซี่
รอยยิ้มทำให้ดูน่ารัก...
แต่บุคลิกทำให้งดงาม
สำนวน
To make + ใครหรือสิ่งใด + คุณศัพท์ หมายถึง ทำให้เป็นอย่างนั้น เช่น
Jokes make me happy.
= เรื่องตลกทำให้ฉันมีความสุข
My smile makes him confident.
= รอยยิ้มฉันทำให้เขารู้สึกมั่นใจ
Personality หมายถึง บุคลิกหรือลักษณะที่ทำให้คนน่าสนใจ เช่น
We have totally different personalities but we can be friends.
= เรามีบุคลิกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้
He is good-looking but lacks personality.
= เขาหน้าตาดีแต่ไม่มีบุคลิก (ไม่น่าสนใจ)
Those who want to work in the business world must have dynamic personality.
= คนที่อยากทำงานในแวดวงธุรกิจต้องมีบุคลิกที่คล่องแคล่วกระฉับกระเฉง
คำนี้ ยังหมายถึง คนที่มีชื่อเสียงด้วย เช่น
TV personalities gain popularity wherever they go.
= คนดังทางทีวีได้รับความนิยมไม่ว่าจะไปไหน
Your smile is what makes you pretty.
But your personality is what makes you beautiful.
รูปร่างทำให้ดูเซ็กซี่
รอยยิ้มทำให้ดูน่ารัก...
แต่บุคลิกทำให้งดงาม
สำนวน
To make + ใครหรือสิ่งใด + คุณศัพท์ หมายถึง ทำให้เป็นอย่างนั้น เช่น
Jokes make me happy.
= เรื่องตลกทำให้ฉันมีความสุข
My smile makes him confident.
= รอยยิ้มฉันทำให้เขารู้สึกมั่นใจ
Personality หมายถึง บุคลิกหรือลักษณะที่ทำให้คนน่าสนใจ เช่น
We have totally different personalities but we can be friends.
= เรามีบุคลิกที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงแต่เราก็เป็นเพื่อนกันได้
He is good-looking but lacks personality.
= เขาหน้าตาดีแต่ไม่มีบุคลิก (ไม่น่าสนใจ)
Those who want to work in the business world must have dynamic personality.
= คนที่อยากทำงานในแวดวงธุรกิจต้องมีบุคลิกที่คล่องแคล่วกระฉับกระเฉง
คำนี้ ยังหมายถึง คนที่มีชื่อเสียงด้วย เช่น
TV personalities gain popularity wherever they go.
= คนดังทางทีวีได้รับความนิยมไม่ว่าจะไปไหน
วันศุกร์ที่ 20 ตุลาคม พ.ศ. 2560
To give up
Never give up. Great things take time.
อย่ายอมแพ้ สิ่งที่ยิ่งใหญ่ต้องใช้เวลา
สำนวน
To give up + สิ่งใดหรือการกระทำ หมายถึง ล้มเลิก หรือหยุด เช่น
I have decided to give up smoking as suggested....
= ฉันได้ตัดสินใจเลิกสูบบุหรี่ตามที่แนะนำ
He gave up his job and moved to the countryside.
= เขาเลิกทำงานและย้ายไปอยู่ต่างจังหวัด
I gave up football when I was 30.
= ฉันเลิกเล่นบอลตอนอายุ30
Some professional singers don’t give up their careers even though they are old.
= นักร้องอาชีพบางคนไม่เลิกร้องเพลงแม้จะอายุมาก
Eventually, we gave up going to the concert.
= ในที่สุด เราก็ล้มเลิกการไปดูการแสดงดนตรี
I promise I never give up.
= ขอสัญญาว่าจะไม่มีวันยอมแพ้
สำนวน to give up on + สิ่งใดหรือคนใด หมายถึง ยอมแพ้กับสิ่งนั้น เช่น
The doctor will not give up on coma patients.
= หมอไม่ยอมแพ้กับคนไข้อาการโคม่า
After a big fight, I gave up on her.
= หลังจากทะเลาะกันอย่างรุนแรง ฉันก็ยอมแพ้หล่อน
Don’t give up on things you never try.
= อย่าถอดใจกับสิ่งที่ยังไม่เคยลองทำ
วันพุธที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2560
To look beyond
Being happy doesn’t mean everything is perfect.
It means you have decided to look beyond the imperfections.
ความสุขไม่ได้เกิดจากทุกสิ่งที่สมบูรณ์แบบ
แต่หมายถึงการที่มองข้ามสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบได้
สำนวน...
To look beyond = มองเลยไป
คำว่า beyond ใช้หน้าคำไหน หมายถึง เกินเลยสิ่งนั้น เช่น
Beyond the mountain, you will see the temple.
= เลยเขาลูกนี้ไป คุณก็จะเห็นวัด
The hotel is located beyond the river.
= โรงแรมอยู่เลยแม่น้ำไป
Beyond next month, I will be in Europe.
= เลยอาทิตย์หน้า ฉันจะไปยุโรป
You can’t go home beyond midnight.
= ห้ามถึงบ้านเลยเที่ยงคืน
Beyond + คำนาม หมายถึง เกินกว่าที่จะ.. เช่น
This computer is beyond repair.
= คอมเครื่องนี้เกินกว่าจะซ่อมได้แล้ว
The damage is beyond repair.
= ความเสียหายมากเกินกว่าจะซ่อมแซม
The situation is beyond control.
= สถานการณ์เกินกว่าที่จะควบคุมได้
The new house is beyond comparison.
= บ้านหลังใหม่เปรียบไม่ได้ (สวยมาก)
Your new hairstyle is beyond my recognition.
= ผมทรงใหม่เล่นเอาฉันจำเธอไม่ได้เลย
My hometown has changed beyond my recognition.
= บ้านเกิดเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้
Her beauty is beyond my imagination.
= ความงามของเธอเกินกว่าจะจิตนาการได้ (งามมาก)
It means you have decided to look beyond the imperfections.
ความสุขไม่ได้เกิดจากทุกสิ่งที่สมบูรณ์แบบ
แต่หมายถึงการที่มองข้ามสิ่งที่ไม่สมบูรณ์แบบได้
สำนวน...
To look beyond = มองเลยไป
คำว่า beyond ใช้หน้าคำไหน หมายถึง เกินเลยสิ่งนั้น เช่น
Beyond the mountain, you will see the temple.
= เลยเขาลูกนี้ไป คุณก็จะเห็นวัด
The hotel is located beyond the river.
= โรงแรมอยู่เลยแม่น้ำไป
Beyond next month, I will be in Europe.
= เลยอาทิตย์หน้า ฉันจะไปยุโรป
You can’t go home beyond midnight.
= ห้ามถึงบ้านเลยเที่ยงคืน
Beyond + คำนาม หมายถึง เกินกว่าที่จะ.. เช่น
This computer is beyond repair.
= คอมเครื่องนี้เกินกว่าจะซ่อมได้แล้ว
The damage is beyond repair.
= ความเสียหายมากเกินกว่าจะซ่อมแซม
The situation is beyond control.
= สถานการณ์เกินกว่าที่จะควบคุมได้
The new house is beyond comparison.
= บ้านหลังใหม่เปรียบไม่ได้ (สวยมาก)
Your new hairstyle is beyond my recognition.
= ผมทรงใหม่เล่นเอาฉันจำเธอไม่ได้เลย
My hometown has changed beyond my recognition.
= บ้านเกิดเปลี่ยนไปจนจำไม่ได้
Her beauty is beyond my imagination.
= ความงามของเธอเกินกว่าจะจิตนาการได้ (งามมาก)
In the absence of
You don’t find happiness in the absence of problems. You can find happiness in spite of problems.
ถ้าเราคิดว่าจะมีความสุขได้ถ้าไม่มีปัญหา เราคิดผิด
เราสามารถหาความสุขได้แม้ว่าจะมีปัญหาต่างหาก
สำนวน
In the absence of + สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หมายถึง ไม่มีสิ่งนั้น เช่น...
In the absence of the evidence, he is innocent.
= หากขาดหลักฐาน เขาก็บริสุทธิ์
Leave of absence หมายถึง ลางาน เช่น
Employees may take leave of absence in special cases.
= ลูกจ้างอาจลางานได้ในกรณีพิเศษ
I will take leave of absence for two days to attend the cremation ceremony of my close relative.
= ฉันจะลางาน 2 วันไปร่วมพิธีฌาปนกิจญาติสนิท
วันอังคารที่ 17 ตุลาคม พ.ศ. 2560
It's not that..
It’s not that I am so smart,
it’s just that I stay with problems longer.
ฉันไม่ได้ฉลาดอะไรมากมาย
แค่อยู่กับปัญหาได้นานหน่อยเท่านั้น
สำนวน...
It’s not that.. + S + V หมายถึง ไม่ใช่ว่า เช่น
It’s not that I love her, it’s just that I feel for her.
= ฉันไม่ได้รักหล่อนนะ แค่เห็นใจ
It’s not that you are to blame, it’s just that you need to improve yourself.
= ไม่ใช่ว่าเธอจะต้องถูกตำหนิ แค่ว่าเธอต้องปรับปรุงตัว
It’s not that he is selfish, it’s just that he loves himself too much.
= ไม่ใช่ว่าเขาจะเห็นแก่ตัว เขารักแค่ตัวเองมากไปก็เท่านั้น
it’s just that I stay with problems longer.
ฉันไม่ได้ฉลาดอะไรมากมาย
แค่อยู่กับปัญหาได้นานหน่อยเท่านั้น
สำนวน...
It’s not that.. + S + V หมายถึง ไม่ใช่ว่า เช่น
It’s not that I love her, it’s just that I feel for her.
= ฉันไม่ได้รักหล่อนนะ แค่เห็นใจ
It’s not that you are to blame, it’s just that you need to improve yourself.
= ไม่ใช่ว่าเธอจะต้องถูกตำหนิ แค่ว่าเธอต้องปรับปรุงตัว
It’s not that he is selfish, it’s just that he loves himself too much.
= ไม่ใช่ว่าเขาจะเห็นแก่ตัว เขารักแค่ตัวเองมากไปก็เท่านั้น
วันจันทร์ที่ 16 ตุลาคม พ.ศ. 2560
To get over
To get over the past, you first have to accept that the past is over. No matter how many times you revisit it, analyze it, or regret it. It’s over.
It can hurt you no more.
อยากจะก้าวข้ามอดีตให้ได้ ต้องยอมรับก่อนว่า สิ่งนั้นมันจบไปแล้ว ไม่ว่าจะคิด หาเหตุหาผล เสียใจ หรือ อีกสักกี่ครั้ง มันก็จบไปแล้ว มันไม่สามารถทำร้ายเราได้อีกแล้ว
สำนวน
To get over + คนหรือสิ่งใด หมายถึง ลืมหรือก้าวข้าม เช่น...
Dad can’t get over the death of his wife.
= พ่อลืมการจากไปของคนรักไปไม่ได้
He has got drunk every single day since his girlfriend left. He can’t get over her.
= เขาเมาทุกวันตั้งแต่วันที่แฟนทิ้งเขาไป เขายังลืมเธอไม่ได้
คำว่า to get over + ความเจ็บไข้ได้ป่วย หรือความเศร้าโศก หรือความรู้สึกอื่นๆอีก เช่น
My aunt got over the flu in a couple of days.
= ป้าฉันหายจากไข้หวัดใหญ่ภายในเวลา 2 -3 วัน
It took me quite a while to get over the mistakes.
= ก็เอาฉันสักพักเหมือนกันกว่าจะลืมข้อผิดพลาดไปได้
Don’t worry about me. I’ll soon get over it.
= ไม่ต้องห่วงฉันหรอก เดี๋ยวก็ดี
สำนวนว่า I can’t get over +สิ่งใด หมายถึง ไม่มีทางลืมสิ่งนั้นได้ เช่น
I can’t get over the trip.
= ยังไงซะ ก็ลืมการเดินทางครั้งนั้นไม่ได้
และ Get over yourself. หมายถึง อย่ามาสนใจอะไรกับตัวเองมาก อย่ามาหวั่นไหว อย่ามาคิดมากว่าคนอื่นเขาจะมองเรายังไง ไม่มีใครเขาสนใจมากขนาดนั้นหรอก เช่น
Get over yourself. Nobody cares what you are doing.
= อย่าไปอะไรกับตัวเองมากเลย ไม่มีใครเขาสนใจหรอกว่าเราทำอะไร
It can hurt you no more.
อยากจะก้าวข้ามอดีตให้ได้ ต้องยอมรับก่อนว่า สิ่งนั้นมันจบไปแล้ว ไม่ว่าจะคิด หาเหตุหาผล เสียใจ หรือ อีกสักกี่ครั้ง มันก็จบไปแล้ว มันไม่สามารถทำร้ายเราได้อีกแล้ว
สำนวน
To get over + คนหรือสิ่งใด หมายถึง ลืมหรือก้าวข้าม เช่น...
Dad can’t get over the death of his wife.
= พ่อลืมการจากไปของคนรักไปไม่ได้
He has got drunk every single day since his girlfriend left. He can’t get over her.
= เขาเมาทุกวันตั้งแต่วันที่แฟนทิ้งเขาไป เขายังลืมเธอไม่ได้
คำว่า to get over + ความเจ็บไข้ได้ป่วย หรือความเศร้าโศก หรือความรู้สึกอื่นๆอีก เช่น
My aunt got over the flu in a couple of days.
= ป้าฉันหายจากไข้หวัดใหญ่ภายในเวลา 2 -3 วัน
It took me quite a while to get over the mistakes.
= ก็เอาฉันสักพักเหมือนกันกว่าจะลืมข้อผิดพลาดไปได้
Don’t worry about me. I’ll soon get over it.
= ไม่ต้องห่วงฉันหรอก เดี๋ยวก็ดี
สำนวนว่า I can’t get over +สิ่งใด หมายถึง ไม่มีทางลืมสิ่งนั้นได้ เช่น
I can’t get over the trip.
= ยังไงซะ ก็ลืมการเดินทางครั้งนั้นไม่ได้
และ Get over yourself. หมายถึง อย่ามาสนใจอะไรกับตัวเองมาก อย่ามาหวั่นไหว อย่ามาคิดมากว่าคนอื่นเขาจะมองเรายังไง ไม่มีใครเขาสนใจมากขนาดนั้นหรอก เช่น
Get over yourself. Nobody cares what you are doing.
= อย่าไปอะไรกับตัวเองมากเลย ไม่มีใครเขาสนใจหรอกว่าเราทำอะไร
วันพฤหัสบดีที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2560
To end
Always end the day with a positive thought.
No matter how hard things were, tomorrow’s a fresh opportunity to make it better.
แต่ละวันที่สิ้นสุดลง ให้หมั่นคิดบวกไว้
ไม่ว่าสิ่งต่างๆจะเลวร้ายแค่ไหนในวันนั้นก็ตาม เพราะโอกาสที่สดใสของวันพรุ่งนี้จะทำให้ดีขึ้น
สำนวน...
คำว่า to end หมายถึง สิ้นสุด จบลง เช่น
I don’t how the conflict ends.
= ฉันไม่รู้ว่าความขัดแย้งจะจบลงอย่างไร
Our trip ends next month.
= การเดินทางของเราสิ้นสุดลงเดือนหน้า
Hey! How does the story end?
= นี่ เรื่องมันจบลงยังไง
The meeting ends at 5 p.m.
= การประชุมเลิกตอน 5 โมงเย็น
I will go to the movie when the rain ends.
= ฉันจะไปดูหนังตอนในหยุดตก
Eventually, our relationship ended.
= ในที่สุด ความสัมพันธ์ของเราก็จบลง
No matter how hard things were, tomorrow’s a fresh opportunity to make it better.
แต่ละวันที่สิ้นสุดลง ให้หมั่นคิดบวกไว้
ไม่ว่าสิ่งต่างๆจะเลวร้ายแค่ไหนในวันนั้นก็ตาม เพราะโอกาสที่สดใสของวันพรุ่งนี้จะทำให้ดีขึ้น
สำนวน...
คำว่า to end หมายถึง สิ้นสุด จบลง เช่น
I don’t how the conflict ends.
= ฉันไม่รู้ว่าความขัดแย้งจะจบลงอย่างไร
Our trip ends next month.
= การเดินทางของเราสิ้นสุดลงเดือนหน้า
Hey! How does the story end?
= นี่ เรื่องมันจบลงยังไง
The meeting ends at 5 p.m.
= การประชุมเลิกตอน 5 โมงเย็น
I will go to the movie when the rain ends.
= ฉันจะไปดูหนังตอนในหยุดตก
Eventually, our relationship ended.
= ในที่สุด ความสัมพันธ์ของเราก็จบลง
หรือสำนวน to end สิ่งใดสิ่งหนึ่งก็ได้ เช่น
I have decided to end our relationship because it’s not working.
= ฉันตัดสินใจจบความสัมพันธ์เพราะไปไม่รอด
I will end the problem by myself.
= ฉันจะแก้ปัญหาเอง
สำนวน to end one’s days หมายถึง ใช้ชีวิตในช่วงสุดท้าย ในบั้นปลาย เช่น
He has decided to end his days as a monk.
= เขาตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายบวชเป็นพระ
My uncle ended his days in prison.
= ลุงฉันใช้ชีวิตบั้นปลายในคุก
I have decided to end our relationship because it’s not working.
= ฉันตัดสินใจจบความสัมพันธ์เพราะไปไม่รอด
I will end the problem by myself.
= ฉันจะแก้ปัญหาเอง
สำนวน to end one’s days หมายถึง ใช้ชีวิตในช่วงสุดท้าย ในบั้นปลาย เช่น
He has decided to end his days as a monk.
= เขาตัดสินใจที่จะใช้ชีวิตบั้นปลายบวชเป็นพระ
My uncle ended his days in prison.
= ลุงฉันใช้ชีวิตบั้นปลายในคุก
วันพุธที่ 11 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Conquer yourself
It is better to conquer yourself than to win a thousand battles. Then the victory is yours. It cannot be taken from you, not by angels or by demons, heaven or hell.
การชนะใจตัวเองได้ดีกว่าชนะสงครามนับพันครั้ง
เพราะนั่นคือชัยชนะที่แท้จริง ใครก็เอาจากเราไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนางฟ้าหรือปิศาจ นรกหรือสวรรค์
สำนวน
To conquer หมายถึง เอาชนะ สามารถใช้กับการสงคราม หรือเอามาใช้ในเชิงจิตวิทยาก็ได้ เช่น...
The American troop conquered the city.
= กองทัพอเมริกันพิชิตเมืองนี้ได้
I could conquer my fear when I delivered the speech.
= ฉันสามารถเอาชนะความกลัวได้ตอนกล่าวปราศรัย
Next year, I plan to conquer the Himalayas.
= ปีหน้า ฉันมีโครงการจะไปพิชิตเทือกเขาหิมาลัย
สำนวน divide and rule หรือ divide and conquer หมายถึง ทำให้คนเขาแตกแยกหรือทะเลาะกันแล้วพิชิตหรือเอาชนะ เช่นI use the strategy of divide and rule (divide and conquer) to own this company.
= ฉันใช้วิธียุทธวิธีทำให้คนเขาแตกแยกกันแล้วพิชิต(ยึด)บริษัทนี้ได้
คำเหมือนคือ to win
คำว่า thousand เป็นคำแสดงจำนวน เวลาใช้ให้ระวังดังนี้
A thousand miles = 1 พันไมล์
Thousands of mile = นับพันๆไมล์
A thousand bikes = รถจักรยาน 1 พันคัน
Thousands of bikes = รถจักรยานนับพันๆคัน
สรุปว่า ถ้าเอาไปใช้ขยายคำนามตัวอื่น ห้ามเติม “s”
แต่ถ้าเอามาใช้เป็นคำนามเองให้ใช้ “s” ใช้ได้กับคำบอกจำนวนทั้งหมด ten, hundred, thousand, million
Angels = คนดี นางฟ้า demons = ปีศาจ
คำว่า heaven หมายถึง สวรรค์หรือสถานที่เรารู้สึกว่ามีความสุขมาก เช่น
I hope I will meet you in heaven.
= ฉันหวังว่าจะได้พบเธอบนสวรรค์
หรือในความหมายอุปมา
This resort is heaven on earth.
= ที่พักแห่งนี้เหมือนสวรรค์บนดิน
The restaurant is heaven to me.
= ภัตตาคารแห่งนี้เป็นเหมือนสวรรค์สำหรับฉัน
สำนวน
A match / marriage made in heaven หมายถึง คู่ที่ฟ้าลิขิตมาให้เจอกัน แต่งงานกัน
เช่น They are a perfect match made in heaven.
= สองคนนี้เป็นคู่ที่ฟ้าลิขิต (กิ่งทองใบหยก)
คำเหมือนคือ paradise ในสำนวน paradise for เช่น
This restaurant is paradise for eaters.
= ภัตตาคารแห่งนี้เป็นสวรรค์สำหรับนักกิน
New York is paradise for travelers.
= นิวยอร์คเป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยว
Phuket is paradise for sea lovers.
= ภูเก็ตเป็นสวรรค์สำหรับคนที่รักทะเล
การชนะใจตัวเองได้ดีกว่าชนะสงครามนับพันครั้ง
เพราะนั่นคือชัยชนะที่แท้จริง ใครก็เอาจากเราไปไม่ได้ ไม่ว่าจะเป็นนางฟ้าหรือปิศาจ นรกหรือสวรรค์
สำนวน
To conquer หมายถึง เอาชนะ สามารถใช้กับการสงคราม หรือเอามาใช้ในเชิงจิตวิทยาก็ได้ เช่น...
The American troop conquered the city.
= กองทัพอเมริกันพิชิตเมืองนี้ได้
I could conquer my fear when I delivered the speech.
= ฉันสามารถเอาชนะความกลัวได้ตอนกล่าวปราศรัย
Next year, I plan to conquer the Himalayas.
= ปีหน้า ฉันมีโครงการจะไปพิชิตเทือกเขาหิมาลัย
สำนวน divide and rule หรือ divide and conquer หมายถึง ทำให้คนเขาแตกแยกหรือทะเลาะกันแล้วพิชิตหรือเอาชนะ เช่นI use the strategy of divide and rule (divide and conquer) to own this company.
= ฉันใช้วิธียุทธวิธีทำให้คนเขาแตกแยกกันแล้วพิชิต(ยึด)บริษัทนี้ได้
คำเหมือนคือ to win
คำว่า thousand เป็นคำแสดงจำนวน เวลาใช้ให้ระวังดังนี้
A thousand miles = 1 พันไมล์
Thousands of mile = นับพันๆไมล์
A thousand bikes = รถจักรยาน 1 พันคัน
Thousands of bikes = รถจักรยานนับพันๆคัน
สรุปว่า ถ้าเอาไปใช้ขยายคำนามตัวอื่น ห้ามเติม “s”
แต่ถ้าเอามาใช้เป็นคำนามเองให้ใช้ “s” ใช้ได้กับคำบอกจำนวนทั้งหมด ten, hundred, thousand, million
Angels = คนดี นางฟ้า demons = ปีศาจ
คำว่า heaven หมายถึง สวรรค์หรือสถานที่เรารู้สึกว่ามีความสุขมาก เช่น
I hope I will meet you in heaven.
= ฉันหวังว่าจะได้พบเธอบนสวรรค์
หรือในความหมายอุปมา
This resort is heaven on earth.
= ที่พักแห่งนี้เหมือนสวรรค์บนดิน
The restaurant is heaven to me.
= ภัตตาคารแห่งนี้เป็นเหมือนสวรรค์สำหรับฉัน
สำนวน
A match / marriage made in heaven หมายถึง คู่ที่ฟ้าลิขิตมาให้เจอกัน แต่งงานกัน
เช่น They are a perfect match made in heaven.
= สองคนนี้เป็นคู่ที่ฟ้าลิขิต (กิ่งทองใบหยก)
คำเหมือนคือ paradise ในสำนวน paradise for เช่น
This restaurant is paradise for eaters.
= ภัตตาคารแห่งนี้เป็นสวรรค์สำหรับนักกิน
New York is paradise for travelers.
= นิวยอร์คเป็นสวรรค์สำหรับนักท่องเที่ยว
Phuket is paradise for sea lovers.
= ภูเก็ตเป็นสวรรค์สำหรับคนที่รักทะเล
วันอังคารที่ 10 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Disappointment
When you learn to accept instead of expect,
you will have fewer disappointments.
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะยอมรับแทนที่จะคาดหวัง
เราก็จะผิดหวังน้อยลง
สำนวน...
Disappointment = ความผิดหวัง ใช้ได้ทั้งคำนามนับได้และนับไม่ได้
นับได้หมายถึง ความผิดหวัง เช่น
Even though he is smiling, I can see the disappointment in his eyes.
= แม้ว่าเขาจะยิ้มแต่ฉันสามารถเห็นความผิดหวังในดวงตาเขา
I tried to hide the disappointment, but my close friend could perceive it.
= ฉันพยายามซ่อนความผิดหวังแต่เพื่อนซี๊สามารถรับรู้ได้
นับได้หมายถึง สิ่งที่ทำให้ผิดหวังหรือคนที่ทำให้ผิดหวัง
She is a disappointment to her family.
= เธอเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง
The defeat was a bitter disappointment to me.
= ความพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่ทำให้ผิดหวังอย่างน่าขมขื่นสำหรับฉัน
The superstar’s performance was a great disappointment for her fans.
= การแสดงของซุปตาร์เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับแฟนๆ
you will have fewer disappointments.
เมื่อเราเรียนรู้ที่จะยอมรับแทนที่จะคาดหวัง
เราก็จะผิดหวังน้อยลง
สำนวน...
Disappointment = ความผิดหวัง ใช้ได้ทั้งคำนามนับได้และนับไม่ได้
นับได้หมายถึง ความผิดหวัง เช่น
Even though he is smiling, I can see the disappointment in his eyes.
= แม้ว่าเขาจะยิ้มแต่ฉันสามารถเห็นความผิดหวังในดวงตาเขา
I tried to hide the disappointment, but my close friend could perceive it.
= ฉันพยายามซ่อนความผิดหวังแต่เพื่อนซี๊สามารถรับรู้ได้
นับได้หมายถึง สิ่งที่ทำให้ผิดหวังหรือคนที่ทำให้ผิดหวัง
She is a disappointment to her family.
= เธอเป็นคนที่ทำให้ครอบครัวผิดหวัง
The defeat was a bitter disappointment to me.
= ความพ่ายแพ้เป็นสิ่งที่ทำให้ผิดหวังอย่างน่าขมขื่นสำหรับฉัน
The superstar’s performance was a great disappointment for her fans.
= การแสดงของซุปตาร์เป็นสิ่งที่น่าผิดหวังสำหรับแฟนๆ
วันจันทร์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Meaningful
Old friends pass away, new friends appear. It is just like the days. An old day passes, a new day arrives. The important thing is to make it meaningful: a meaningful friend - or a meaningful day.
เพื่อนเก่าตายไป เดี๋ยวเราก็มีเพื่อนใหม่ เหมือนวันเวลา วันเก่าผ่านไป เดี๋ยววันใหม่ก็มา ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องทำมันให้มีความหมายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือวันเวลา
สำนวน
Meaningful = ที่มีความหมาย ที่มีคุณค่า
Make your life meaningful. ...
= ทำให้ชีวิตมีคุณค่าเถอะ
It is a meaningful trip.
= เป็นการเดินทางที่มีทรงคุณค่า
We need a meaningful relationship to make our life happy.
= เราจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่มีความหมายเพื่อทำให้ชีวิตเรามีความสุข
We often have a meaningful talk during lunchtime.
= เรามักจะมีการสนทนาที่เป็นประโยชน์ในช่วงอาหารกลางวัน
เพื่อนเก่าตายไป เดี๋ยวเราก็มีเพื่อนใหม่ เหมือนวันเวลา วันเก่าผ่านไป เดี๋ยววันใหม่ก็มา ที่สำคัญที่สุดก็คือ เราต้องทำมันให้มีความหมายที่สุด ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนหรือวันเวลา
สำนวน
Meaningful = ที่มีความหมาย ที่มีคุณค่า
Make your life meaningful. ...
= ทำให้ชีวิตมีคุณค่าเถอะ
It is a meaningful trip.
= เป็นการเดินทางที่มีทรงคุณค่า
We need a meaningful relationship to make our life happy.
= เราจำเป็นต้องมีความสัมพันธ์ที่มีความหมายเพื่อทำให้ชีวิตเรามีความสุข
We often have a meaningful talk during lunchtime.
= เรามักจะมีการสนทนาที่เป็นประโยชน์ในช่วงอาหารกลางวัน
วันอาทิตย์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Ready made
Happiness is not something ready made.
It comes from your own actions.
ความสุขไม่ใช่อะไรที่สำเร็จรูป
แต่เกิดได้จากการทำของเราเอง
สำนวน...
Ready-made หมายถึง ที่สำเร็จรูป ที่ทำเตรียมไว้แล้ว
เช่น
Don’t worry about the eating stuff. There are a lot of ready-made dishes available.
= ไม่ต้องห่วงเรื่องกินหรอก มีกับข้าวที่ทำเตรียมไว้แล้ว
These days, ready-made consumer products are provided everywhere.
= ทุกวันนี้ ของกินของใช้ของผู้บริโภคมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
คำว่า ready money หรือ ready cash หมายถึง เงินสด เช่น
This grocery store sells items for ready cash.
= ร้านขายของชำร้านนี้ขายของรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น
ส่วนขายแบบเชื่อหรือเซ็น ก็ for credit
สำนวน something ready made สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์อื่นๆได้ เช่น
Peace is not something ready made. You must make it happen.
= ความสงบไม่ใช่สิ่งที่สำเร็จรูปที่จะหาได้ เราต้องทำเอง
It comes from your own actions.
ความสุขไม่ใช่อะไรที่สำเร็จรูป
แต่เกิดได้จากการทำของเราเอง
สำนวน...
Ready-made หมายถึง ที่สำเร็จรูป ที่ทำเตรียมไว้แล้ว
เช่น
Don’t worry about the eating stuff. There are a lot of ready-made dishes available.
= ไม่ต้องห่วงเรื่องกินหรอก มีกับข้าวที่ทำเตรียมไว้แล้ว
These days, ready-made consumer products are provided everywhere.
= ทุกวันนี้ ของกินของใช้ของผู้บริโภคมีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
คำว่า ready money หรือ ready cash หมายถึง เงินสด เช่น
This grocery store sells items for ready cash.
= ร้านขายของชำร้านนี้ขายของรับเฉพาะเงินสดเท่านั้น
ส่วนขายแบบเชื่อหรือเซ็น ก็ for credit
สำนวน something ready made สามารถนำไปประยุกต์ใช้ ในสถานการณ์อื่นๆได้ เช่น
Peace is not something ready made. You must make it happen.
= ความสงบไม่ใช่สิ่งที่สำเร็จรูปที่จะหาได้ เราต้องทำเอง
วันเสาร์ที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Self-sufficiency
There is a sufficiency in the world for man's need
but not for man's greed.
โลกมีทุกอย่างเพียงพอสำหรับความจำเป็นของมนุษย์แต่ความโลภนั้น เท่าไรก็ไม่พอ
สำนวน
Sufficiency = ความพอเพียง แต่สำนวนที่เรามักเจอคือ self-sufficiency การพึ่งพาตัวเองได้ คำคุณศัพท์คือ self-sufficient ...
เช่น
We encourage locals to be self-sufficient.
= เราส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นพึ่งพาตัวเอง
The government is trying to make farmers self-sufficient.
= รัฐบาลพยายามช่วยให้เกษตรพึ่งพาตัวเองได้
This community is self-sufficient in agriculture and tourism.
= ชุมชนนี้พึ่งพาตัวเองได้ด้วยเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว
but not for man's greed.
โลกมีทุกอย่างเพียงพอสำหรับความจำเป็นของมนุษย์แต่ความโลภนั้น เท่าไรก็ไม่พอ
สำนวน
Sufficiency = ความพอเพียง แต่สำนวนที่เรามักเจอคือ self-sufficiency การพึ่งพาตัวเองได้ คำคุณศัพท์คือ self-sufficient ...
เช่น
We encourage locals to be self-sufficient.
= เราส่งเสริมให้คนในท้องถิ่นพึ่งพาตัวเอง
The government is trying to make farmers self-sufficient.
= รัฐบาลพยายามช่วยให้เกษตรพึ่งพาตัวเองได้
This community is self-sufficient in agriculture and tourism.
= ชุมชนนี้พึ่งพาตัวเองได้ด้วยเกษตรกรรมและการท่องเที่ยว
วันศุกร์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Get upset with
Don’t get upset with people and situations because both are powerless without your reaction.
อย่างหงุดหงิดกับผู้คนหรือสถานการณ์ใดเพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีพลังอันใดหากเราไม่ตอบโต้
สำนวน
Powerless ไม่มีพลัง ไม่มีอำนาจ เช่น
Locals are powerless to change their community. They need support from the government....
= คนในพื้นที่ไม่มีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนแปลงชุมชน ยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ
I feel powerless to quit smoking.
= ฉันรู้สึกไม่มีพลังที่จะเลิกสูบบุหรี่
Powerful คือคำตรงข้าม
สำนวน to get upset with + สิ่งใด หมายถึง หงุดหงิด ติดอารมณ์ ไม่พอใจกับสิ่งนั้น เช่น
He is often upset with his son.
= เขามักจะหงุดหงิดกับลูก
Teachers get upset with unruly students.
= ครูหงุดหงิดกับเด็กเกเร
แต่เมื่อต้องการบรรยายว่า หงุดหงิดเรื่องอะไร ให้ใช้ “about” เช่น
I get upset about the grade.
= ฉันหงุดหงิดเรื่องเกรด
Mom gets upset about her health.
= แม่หงุดหงิดเรื่องสุขภาพ
Reaction = การตอบโต้ ปฏิกิริยาตอบสนอง ในภาษาพูดก็คือ ว่าไง
What’s his reaction when he knew the truth?
= เขาว่าไงเมื่อรู้ความจริง
What’s your reaction when you got “F”?
= คุณว่าไงตอนที่สอบตก
What’s his reaction when you told him about the job?
= เขาว่าไงตอนที่คุณบอกเขาเรื่องงาน
What’s her reaction when she found out that her boyfriend cheated on her?
= เธอเป็นไงบ้าง (มีปฏิกิริยายังไงบ้าง) ตอนที่รู้ว่าแฟนหนุ่มนอกใจ
อย่างหงุดหงิดกับผู้คนหรือสถานการณ์ใดเพราะสิ่งเหล่านั้นไม่มีพลังอันใดหากเราไม่ตอบโต้
สำนวน
Powerless ไม่มีพลัง ไม่มีอำนาจ เช่น
Locals are powerless to change their community. They need support from the government....
= คนในพื้นที่ไม่มีอำนาจพอที่จะเปลี่ยนแปลงชุมชน ยังต้องการการสนับสนุนจากภาครัฐ
I feel powerless to quit smoking.
= ฉันรู้สึกไม่มีพลังที่จะเลิกสูบบุหรี่
Powerful คือคำตรงข้าม
สำนวน to get upset with + สิ่งใด หมายถึง หงุดหงิด ติดอารมณ์ ไม่พอใจกับสิ่งนั้น เช่น
He is often upset with his son.
= เขามักจะหงุดหงิดกับลูก
Teachers get upset with unruly students.
= ครูหงุดหงิดกับเด็กเกเร
แต่เมื่อต้องการบรรยายว่า หงุดหงิดเรื่องอะไร ให้ใช้ “about” เช่น
I get upset about the grade.
= ฉันหงุดหงิดเรื่องเกรด
Mom gets upset about her health.
= แม่หงุดหงิดเรื่องสุขภาพ
Reaction = การตอบโต้ ปฏิกิริยาตอบสนอง ในภาษาพูดก็คือ ว่าไง
What’s his reaction when he knew the truth?
= เขาว่าไงเมื่อรู้ความจริง
What’s your reaction when you got “F”?
= คุณว่าไงตอนที่สอบตก
What’s his reaction when you told him about the job?
= เขาว่าไงตอนที่คุณบอกเขาเรื่องงาน
What’s her reaction when she found out that her boyfriend cheated on her?
= เธอเป็นไงบ้าง (มีปฏิกิริยายังไงบ้าง) ตอนที่รู้ว่าแฟนหนุ่มนอกใจ
วันพฤหัสบดีที่ 5 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Maturity
Maturity is when a person hurts you and you try to understand their situation rather than hurting them back.
วุฒิภาวะคือการที่ใครทำให้เราเจ็บปวดและเราพยายามเข้าใจถึงสถานการณ์ของเขาแทนที่จะทำให้เขาเจ็บกลับไป
สำนวน
Maturity = วุฒิภาวะ เช่น
Don’t worry about our kid. I believe she will have the maturity to understand the conflict soon....
= ไม่ต้องห่วงเรื่องลูก ฉันเชื่อว่าแกจะโตพอที่จะเข้าใจเรื่องความขัดแย้งเร็วๆนี้
คำคุณศัพท์คือ mature ก็คือ มีวุฒิภาวะ เช่น
He is mature enough to understand the problem.
= เขาโตพอที่จะเข้าใจปัญหาแล้ว
She is mature for her age.
= หล่อนมีวุฒิภาวะแล้ว
คำว่า mature เมื่อเอาไปขยายที่ไหน ก็จะหมายถึง โตเต็มที่ หรือมีวุฒิภาวะ เช่น
This durian tree is mature. = ทุเรียนต้นนี้โคเต็มที่แล้ว
The kids these days are very mature for their age.
= เดี๋ยวนี้ อายุขนาดนี้ แต่โตเร็ว
He is physically mature, but emotionally immature.
= โดยกายภาค เขาโตเต็มวัยแล้ว แต่ในทางอารมณ์ ยังไม่โต
I think my sister is enough to study overseas.
= ฉันคิดว่าน้องสาวโตพอที่จะไปเรียนต่อเมืองนอกได้แล้ว
คำว่า immature = ไม่โตตามวุฒิภาวะ หรือยังโตไม่เต็มที่ เช่น
We can’t eat the fish because they are immature.
= เราไม่สามารถกินปลาพวกนี้ได้เพราะยังโตไม่เต็มที่
Most teenagers are immature to live on their own.
= วัยรุ่นส่วยใหญ่ยังไม่โตพอที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง
I think my friend is immature to get married.
= ฉันคิดว่า เพื่อนฉันยังไม่โตพอจะแต่งงานได้
My nephew went to school when he was 4 years old. He was immature.
= หลานไปโรงเรียนตอนอายุ 4 ปี ยังไม่โตเลย
เพราะฉะนั้น เราสามารถใช้คำว่า mature และ immature ไปใช้บรรยายสิ่งใดหรือใครก็ตามที่มีคุณสมบัติตามนี้
Some celebs are physically mature but emotionally immature.
= คนมีชื่อเสียงบางคนมีวุฒิภาวะทางร่ายกายแต่ยังคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
วุฒิภาวะคือการที่ใครทำให้เราเจ็บปวดและเราพยายามเข้าใจถึงสถานการณ์ของเขาแทนที่จะทำให้เขาเจ็บกลับไป
สำนวน
Maturity = วุฒิภาวะ เช่น
Don’t worry about our kid. I believe she will have the maturity to understand the conflict soon....
= ไม่ต้องห่วงเรื่องลูก ฉันเชื่อว่าแกจะโตพอที่จะเข้าใจเรื่องความขัดแย้งเร็วๆนี้
คำคุณศัพท์คือ mature ก็คือ มีวุฒิภาวะ เช่น
He is mature enough to understand the problem.
= เขาโตพอที่จะเข้าใจปัญหาแล้ว
She is mature for her age.
= หล่อนมีวุฒิภาวะแล้ว
คำว่า mature เมื่อเอาไปขยายที่ไหน ก็จะหมายถึง โตเต็มที่ หรือมีวุฒิภาวะ เช่น
This durian tree is mature. = ทุเรียนต้นนี้โคเต็มที่แล้ว
The kids these days are very mature for their age.
= เดี๋ยวนี้ อายุขนาดนี้ แต่โตเร็ว
He is physically mature, but emotionally immature.
= โดยกายภาค เขาโตเต็มวัยแล้ว แต่ในทางอารมณ์ ยังไม่โต
I think my sister is enough to study overseas.
= ฉันคิดว่าน้องสาวโตพอที่จะไปเรียนต่อเมืองนอกได้แล้ว
คำว่า immature = ไม่โตตามวุฒิภาวะ หรือยังโตไม่เต็มที่ เช่น
We can’t eat the fish because they are immature.
= เราไม่สามารถกินปลาพวกนี้ได้เพราะยังโตไม่เต็มที่
Most teenagers are immature to live on their own.
= วัยรุ่นส่วยใหญ่ยังไม่โตพอที่จะอยู่ได้ด้วยตัวเอง
I think my friend is immature to get married.
= ฉันคิดว่า เพื่อนฉันยังไม่โตพอจะแต่งงานได้
My nephew went to school when he was 4 years old. He was immature.
= หลานไปโรงเรียนตอนอายุ 4 ปี ยังไม่โตเลย
เพราะฉะนั้น เราสามารถใช้คำว่า mature และ immature ไปใช้บรรยายสิ่งใดหรือใครก็ตามที่มีคุณสมบัติตามนี้
Some celebs are physically mature but emotionally immature.
= คนมีชื่อเสียงบางคนมีวุฒิภาวะทางร่ายกายแต่ยังคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้
วันพุธที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2560
An eye for an eye
An eye for an eye only ends up making the whole world blind.
การตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
สุดท้ายตาบอดทั้งคู่
สำนวน
An eye for an eye is not the best way to solve conflicts....
= การตอบโต้ด้วยสิ่งเดียวกันไม่ใช่วิธีที่ดีสุดในการแก้ความขัดแย้ง
The blind = คนตาบอด
It’s the case of the blind leading the blind.
= เป็นเรื่องของคนไม่รู้นำคนไม่รู้ (เตี้ยอุ้มค่อม)
ใช้พูดเมื่อคนที่ไม่รู้ถามคนที่ไม่รู้เหมือนกัน
สำนวน to end up + v. ing หมายถึง จบลงหรือลงเอยด้วยการทำสิ่งนั้น เช่น
We ended up making the problem more complicated.
= เราจบลงด้วยการทำให้ปัญหามันยุ่งยากขึ้น
They finally ended up making life happier.
= ในที่สุด พวกเขาก็จบลงด้วยการทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น
การตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
สุดท้ายตาบอดทั้งคู่
สำนวน
An eye for an eye is not the best way to solve conflicts....
= การตอบโต้ด้วยสิ่งเดียวกันไม่ใช่วิธีที่ดีสุดในการแก้ความขัดแย้ง
The blind = คนตาบอด
It’s the case of the blind leading the blind.
= เป็นเรื่องของคนไม่รู้นำคนไม่รู้ (เตี้ยอุ้มค่อม)
ใช้พูดเมื่อคนที่ไม่รู้ถามคนที่ไม่รู้เหมือนกัน
สำนวน to end up + v. ing หมายถึง จบลงหรือลงเอยด้วยการทำสิ่งนั้น เช่น
We ended up making the problem more complicated.
= เราจบลงด้วยการทำให้ปัญหามันยุ่งยากขึ้น
They finally ended up making life happier.
= ในที่สุด พวกเขาก็จบลงด้วยการทำให้ชีวิตมีความสุขมากขึ้น
วันจันทร์ที่ 2 ตุลาคม พ.ศ. 2560
Fearless
I am strong because I have been weak.
I am fearless because I have been afraid.
I am wise because I have been foolish.
ฉันเข้มแข็งเพราะเคยอ่อนแอมา
ไม่กลัวอะไรเพราะเคยหวาดกลัวมา...
และฉลาดเพราะเคยโง่มา
สำนวน
Fearless = ไม่กลัวใคร ไม่กลัวอะไร เช่น
She confronted her boss because she was fearless.
= หล่อนเผชิญหน้ากับหัวหน้าเพราะหล่อนไม่กลัวใคร
We need a fearless guy to do this job.
= เราต้องการคนที่ไม่กลัวใครมาทำงานนี้
Stay away from the dog. It’s aggressive and fearless.
= อย่าเข้าใกล้สุนัขตัวนี้ มันก้าวร้าวไม่กลัวใคร
Some teenagers are fearless and hard to handle.
= วัยรุ่นบางคนไม่กลัวใครและยากที่จะรับมือ
Foolish = ที่โง่
I have never seen such a foolish person like this.
= ฉันไม่เคยเจอคนที่งี่เง่าแบบนี้มาก่อน
Do you think I will be foolish enough to trust her?
= คุณคิดว่าฉันจะโง่พอที่จะไว้ใจหล่อนหรือ
Don’t do like this. I feel I look foolish.
= อย่าทำแบบนี้ ฉันรู้สึกว่า ฉันดูโง่
He looked foolish when he was made fun of.
= เขาดูโง่ตอนที่ถูกล้อ
To live one's life
Not everyone will understand your journey.
That’s okay. You are here to live your life, not to make everyone understand.
มีหลายคนที่ไม่เข้าใจเส้นทางของเรา ก็ไม่เป็นไร เพราะเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ไม่ได้เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจเรา
สำนวน
To live one’s life = ใช้ชีวิต...
After his girlfriend left him, he decided to live the life of a monk.
= หลังจากที่แฟนทิ้ง เขาก็ตัดสินใจบวชเป็นพระ
I want to live a peaceful life when I am old.
= ตอนแก่ อยากจะใช้ชีวิตที่สงบ
คำว่า live เมื่อเป็นคำคุณศัพท์ หมายถึง สด เช่น
There will be a live concert next week.
= อาทิตย์หน้ามีการแสดงดนตรีสด
The live singing contest will be held next Saturday.
= การแข่งขันร้องเพลงแบบสดๆจะมีขึ้นเสาร์หน้า
A lot of bars have live music.
= บาร์มากมายมีการเล่นดนตรีสดๆ
คำนี้ เมื่อเป็นคำวิเศษณ์ ก็แปลว่าสด แต่ตำแหน่งจะต่างไป เช่น
The game will be broadcast live.
= การแข่งขันจะถ่ายทอดสด
The concert is performed live. = ดนตรีจะแสดงสด
Last Sunday, I went to watch my favorite singer perform live.
= อาทิตย์ที่แล้ว ฉันไปดูนักร้องคนโปรดร้องสดมา
That’s okay. You are here to live your life, not to make everyone understand.
มีหลายคนที่ไม่เข้าใจเส้นทางของเรา ก็ไม่เป็นไร เพราะเราเกิดมาเพื่อใช้ชีวิต ไม่ได้เพื่อทำให้ทุกคนเข้าใจเรา
สำนวน
To live one’s life = ใช้ชีวิต...
After his girlfriend left him, he decided to live the life of a monk.
= หลังจากที่แฟนทิ้ง เขาก็ตัดสินใจบวชเป็นพระ
I want to live a peaceful life when I am old.
= ตอนแก่ อยากจะใช้ชีวิตที่สงบ
คำว่า live เมื่อเป็นคำคุณศัพท์ หมายถึง สด เช่น
There will be a live concert next week.
= อาทิตย์หน้ามีการแสดงดนตรีสด
The live singing contest will be held next Saturday.
= การแข่งขันร้องเพลงแบบสดๆจะมีขึ้นเสาร์หน้า
A lot of bars have live music.
= บาร์มากมายมีการเล่นดนตรีสดๆ
คำนี้ เมื่อเป็นคำวิเศษณ์ ก็แปลว่าสด แต่ตำแหน่งจะต่างไป เช่น
The game will be broadcast live.
= การแข่งขันจะถ่ายทอดสด
The concert is performed live. = ดนตรีจะแสดงสด
Last Sunday, I went to watch my favorite singer perform live.
= อาทิตย์ที่แล้ว ฉันไปดูนักร้องคนโปรดร้องสดมา